ทีม"ปิศาจแดง"แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ใช้เวลาถึง 75 นาทีกว่าที่จะมาได้ประตูชัยจาก คริสเตียโน โรนัลโด ก่อนที่จะเฉือนเอาชนะดาร์บี้ ทีมบ๊วยไปได้ 1-0 ทะยานขึ้นไปเป็นจ่าฝูงได้สำเร็จ ในขณะที่"หงส์แดง"ลิเวอร์พูล โดน เร้ดดิ้ง ยิงนำไปก่อน แต่มาได้ 2 ประตูจาก ฮาเวียร์ มาสเชราโน่ และเฟอร์นานโด ตอร์เรส แซงกลับมาเอาชนะได้สำเร็จในศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีกเมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา
ฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ วันเสาร์ที่ 15 มีนาคม 2551
ดาร์บี้ เค้าตี้ 0-1 แมนฯยูไนเต็ด
เกมพรีเมียร์ลีกประจำวันเสาร์ที่ 15 มีนาคม ทีม"แกะเขาเหล็ก"ดาร์บี้ เค้าตี้ ทีมบ๊วยของตาราง เปิดสนามไพร์ปาร์ค รับการมาเยือนของทีม"ปิศาจแดง"แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมรองจ่าฝูง โดยในเกมนี้ถ้า"ปิศาจแดง"ชนะจะขึ้นนำเป็นจ่าฝูงของศึกพรีเมียร์ลีกอย่างน้อย 2 ชั่วโมง เพราะอาร์เซนอลทีมจ่าฝูงจะลงเตะกับ มิดเดิลสโบรช์เป็นคู่สุดท้ายของพรีเมียร์ลีกวันนี้ เกมนี้ ดาร์บี้ วางให้ โรเบิร์ต เอิร์นชอว์ ยืนเป็นกองหน้าคู่กับ เคนนี่ มิลเลอร์ ด้านทีมเยือน เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน หมดสิทธิ์ใช้งานนายทวารมือ 1 และมือ 2 ต้องส่ง เบน ฟอสเตอร์ ลงมาทำหน้าที่แทน และวางให้พอล สโคลส์ ยืนปั้นเกมร่วมกับ อันแดร์สัน ขณะที่แดนหน้าใช้ คริสเตียโน โรนัลโด ยืนเป็นหัวหอกตัวต่ำหลัง เวย์น รูนี่ย์
เริ่มเกมมาได้ 3 นาที "ปิศาจแดง"ที่เหนือกว่าก็เกือบได้ประตูขึ้นนำทันที เมื่อ พาทริค เอฟร่า ได้บอลจากทางด้านกราบซ้ายลากตะลุยมาก่อนแทงทะลุให้กับ คริสเตียโน โรนัลโด หลุดทะลุเข้าไปซัดด้วยซ้ายในกรอบเขตโทษ แต่บอลเหินข้ามคานออกไปแบบได้ลุ้น
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังเปิดเกมรุกอย่างต่อเนื่องและได้โอกาสทำประตูอีกครั้งจากจังหวะที่ ปาร์ค จี ซุง หลุดไปทางกรอบเขตโทษด้านขวาก่อนปาดมาให้ ไรอัน กิกส์ เข้ากดด้วยขวาแต่บอลไปติด ดาร์เรน มัวร์ ออกหลังไป
นาทีที่ 11 พลพรรคอสูรแดงก็เกือบได้เฮ เมื่อ จอห์น โอเชีย ที่วันนี้เล่นเป็นแบ็คขวา หลุดไปทางกราบขวาก่อนที่จะปาดเรียดมาให้กับ โรนัลโด ยิงจังหวะเดียวด้วยขวาบอลผ่านมือ รอย คาร์โรลล์ ไปแล้วแต่ลูกกลับไปชนเสากระดอนออกมาอย่างน่าเสียดาย
หลังจากนั้น 10 นาที "ปิศาจแดง"ที่บุกอยู่ฝ่ายเดียวก็เกือบที่จะได้ประตูขึ้นนำอีกครั้ง เมื่อ รูนี่ย์ ได้บอลบริเวณกลางสนามก่อนแทงบอลให้ กิกส์ หลุดทะลุเข้าไปหน้ากรอบเขตโทษ แต่ดาวเตะเวลส์กลับซัดออกข้างไปแบบไม่ได้ลุ้น
เกมเข้าสู่ครึ่งชั่วโมงแรก ดาร์บี้ที่เป็นฝ่ายตั้งรับอยู่นานก็ได้โอกาสบุกขึ้นมาทำประตูบ้าง และเกือบได้ประตูขึ้นนำ 2 ครั้งติดๆกัน จังหวะแรกเป็นการเข้าชาร์จของ ไมล์ สเตอร์รอฟสกี้ แต่บอลยังไม่ผ่านมือ เบน ฟอสเตอร์ ที่พุ่งเซฟเอาไว้ได้ จังหวะถัดมาเป็นการหลุดเข้าไปซัดเต็มๆในกรอบเขตโทษด้วยขวาของ เคนนี่ มิลเลอร์ แต่ ฟอสเตอร์ ก็ยังป้องกันไว้ได้เช่นกัน
นาทีที่ 43 แมนฯยูไนเต็ด ที่เกือบจะเสียประตูสองจังหวะติดๆกัน ก็เกือบมาได้ประตูขึ้นนำ เมื่อ กิกส์ วางบอลยาวให้กับ รูนี่ย์ ควบไปเอาบอลก่อนแตะบอลข้ามหัว มัวร์ และซัดเร็วด้วยขวาทันทีแต่บอลไปพุ่งเข้าข้างตาข่าย จบ 45 นาทีแรกทั้งสองทีมยังเสมอกันอยู่ 0-0
เริ่มครึ่งหลังได้ 10 นาที "ปิศาจแดง"ก็เกือบได้ประตูขึ้นนำอีกครั้ง จากลูกเตะมุมทางกราบขวาที่ ไรอัน กิกส์ เปิดเข้ามาให้กับ โรนัลโด โขกเต็มๆหัว แต่บอลพุ่งไปตรงตัว คาร์โรลล์ ที่ยืนอยู่ตรงกลางประตูกระดอนออกไปอย่างน่าเสียดาย
เข้าสู่ 1 ชั่วโมงของเกม เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กุนซือของทีม"ปิศาจแดง"ต้องแก้เกม โดยส่ง หลุยส์ ซาฮา และไมเคิล คาร์ริค ลงมาเล่นแทน ปาร์ค จี ซุง และ พอล สโคลส์ จากนั้นในนาทีที่ 72 คริสเตียโน โรนัลโด ได้โอกาสซัดเต็มๆในกรอบเขตโทษทางด้านซ้ายแต่บอลยังไม่ตรงกรอบ
นาทีที่ 75 แมนฯยูไนเต็ด ก็มาทำประตูขึ้นนำได้สำเร็จจากความพยายามอยู่นาน จากจังหวะที่ วิดิช วางยาวให้ รูนี่ย์ หลุดไปทางกราบซ้าย ก่อนที่ หัวหอกร่างอวบจะเปิดมาให้กับ โรนัลโด วิ่งเข้ามากระโดดแปบอลด้วยขวาจากระยะ 10 หลาผ่านมือ คาร์โรลล์ เข้าไป "ปิศาจแดง"ขึ้นนำ 1-0
หลังจากนั้นไม่มีฝ่ายใดทำประตูเพิ่มกันได้ ครบ 90 นาที "ปิศาจแดง"เอาชนะ"แกะเขาเหล็ก"ดาร์บี้ เค้าตี้ ไป 1-0 ทะยานขึ้นไปเป็นจ่าฝูงแทนที่อาร์เซนอลที่มีคิวเตะกับมิดเดิลสโบรห์เป็นคู่สุดท้ายในวันนี้ได้สำเร็จ
รายชื่อผู้เล่น 11 คนแรกของทั้งสองทีม
ดาร์บี้ : รอย คาร์โรลล์, มาร์ค เอ็ดเวอร์ที่, ดาร์เรน มัวร์, ดีน ลีค็อค, เจมส์ แมคอีฟลีย์, ร็อบบี้ ซาเวจ, ไมล์ สเตอร์รอฟสกี้, เอ็ดดี้ เลวิส, เดวิน โจนส์, โรเบิร์ต เอิร์นชอว์, เคนนี่ มิลเลอร์
แมนฯยูไนเต็ด : เบน ฟอสเตอร์, จอห์น โอเชีย, เวส บราวน์, พาทริค เอฟร่า, เนมันย่า วิดิช, ไรอัน กิกส์, พอล สโคลส์, คริสเตียโน โรนัลโด, อันแดร์สัน, เวย์น รูนี่ย์, ปาร์ค จี ซุง
ผลฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษประจำวันเสาร์ที่ 15 มีนาคม
ซันเดอร์แลนด์ แพ้ เชลซี 0-1 (จอห์น เทอร์รี่ 0-1 นาที 10)
ลิเวอร์พูล ชนะ เร้ดดิ้ง 2-1 (มาเร็ค มาเตจอฟสกี้ 0-1 นาที 5), (ฮาเวียร์ มาเชราโน่ 1-1 นาทีที่ 19), (เฟอร์นานโด ตอร์เรส 2-1 นาที 48)
ปอร์ทสมัธ ชนะแอสตัน วิลล่า 2-0 (เจอร์เมน เดโฟ 1-0 นาที 11), (ไนเจล รีโอ โคเกอร์ สกัดเข้าประตูตัวเอง 2-0 นาที 38)
เวสต์แฮม ชนะ แบล็คเบิร์น 2-1 (โรเก้ ซานตา ครูซ 0-1 นาที 19), (ดีน แอชตัน 1-1 นาที 39), (เฟร็ด เซียร์ส 2-1 นาที 81)
ดาร์บี้ แพ้ แมนฯยูไนเต็ด 0-1 (คริสเตียโน โรนัลโด 0-1 นาที 75)
อาร์เซนอล เสมอ มิดเดิลสโบรห์ 1-1(เจเรมี่ อาลิอาดิแยร์ 0-1 นาที 24), (โคโล ตูเร่ 1-1 นาที 85)
ฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ วันเสาร์ที่ 15 มีนาคม 2551
ดาร์บี้ เค้าตี้ 0-1 แมนฯยูไนเต็ด
เกมพรีเมียร์ลีกประจำวันเสาร์ที่ 15 มีนาคม ทีม"แกะเขาเหล็ก"ดาร์บี้ เค้าตี้ ทีมบ๊วยของตาราง เปิดสนามไพร์ปาร์ค รับการมาเยือนของทีม"ปิศาจแดง"แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมรองจ่าฝูง โดยในเกมนี้ถ้า"ปิศาจแดง"ชนะจะขึ้นนำเป็นจ่าฝูงของศึกพรีเมียร์ลีกอย่างน้อย 2 ชั่วโมง เพราะอาร์เซนอลทีมจ่าฝูงจะลงเตะกับ มิดเดิลสโบรช์เป็นคู่สุดท้ายของพรีเมียร์ลีกวันนี้ เกมนี้ ดาร์บี้ วางให้ โรเบิร์ต เอิร์นชอว์ ยืนเป็นกองหน้าคู่กับ เคนนี่ มิลเลอร์ ด้านทีมเยือน เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน หมดสิทธิ์ใช้งานนายทวารมือ 1 และมือ 2 ต้องส่ง เบน ฟอสเตอร์ ลงมาทำหน้าที่แทน และวางให้พอล สโคลส์ ยืนปั้นเกมร่วมกับ อันแดร์สัน ขณะที่แดนหน้าใช้ คริสเตียโน โรนัลโด ยืนเป็นหัวหอกตัวต่ำหลัง เวย์น รูนี่ย์
เริ่มเกมมาได้ 3 นาที "ปิศาจแดง"ที่เหนือกว่าก็เกือบได้ประตูขึ้นนำทันที เมื่อ พาทริค เอฟร่า ได้บอลจากทางด้านกราบซ้ายลากตะลุยมาก่อนแทงทะลุให้กับ คริสเตียโน โรนัลโด หลุดทะลุเข้าไปซัดด้วยซ้ายในกรอบเขตโทษ แต่บอลเหินข้ามคานออกไปแบบได้ลุ้น
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังเปิดเกมรุกอย่างต่อเนื่องและได้โอกาสทำประตูอีกครั้งจากจังหวะที่ ปาร์ค จี ซุง หลุดไปทางกรอบเขตโทษด้านขวาก่อนปาดมาให้ ไรอัน กิกส์ เข้ากดด้วยขวาแต่บอลไปติด ดาร์เรน มัวร์ ออกหลังไป
นาทีที่ 11 พลพรรคอสูรแดงก็เกือบได้เฮ เมื่อ จอห์น โอเชีย ที่วันนี้เล่นเป็นแบ็คขวา หลุดไปทางกราบขวาก่อนที่จะปาดเรียดมาให้กับ โรนัลโด ยิงจังหวะเดียวด้วยขวาบอลผ่านมือ รอย คาร์โรลล์ ไปแล้วแต่ลูกกลับไปชนเสากระดอนออกมาอย่างน่าเสียดาย
หลังจากนั้น 10 นาที "ปิศาจแดง"ที่บุกอยู่ฝ่ายเดียวก็เกือบที่จะได้ประตูขึ้นนำอีกครั้ง เมื่อ รูนี่ย์ ได้บอลบริเวณกลางสนามก่อนแทงบอลให้ กิกส์ หลุดทะลุเข้าไปหน้ากรอบเขตโทษ แต่ดาวเตะเวลส์กลับซัดออกข้างไปแบบไม่ได้ลุ้น
เกมเข้าสู่ครึ่งชั่วโมงแรก ดาร์บี้ที่เป็นฝ่ายตั้งรับอยู่นานก็ได้โอกาสบุกขึ้นมาทำประตูบ้าง และเกือบได้ประตูขึ้นนำ 2 ครั้งติดๆกัน จังหวะแรกเป็นการเข้าชาร์จของ ไมล์ สเตอร์รอฟสกี้ แต่บอลยังไม่ผ่านมือ เบน ฟอสเตอร์ ที่พุ่งเซฟเอาไว้ได้ จังหวะถัดมาเป็นการหลุดเข้าไปซัดเต็มๆในกรอบเขตโทษด้วยขวาของ เคนนี่ มิลเลอร์ แต่ ฟอสเตอร์ ก็ยังป้องกันไว้ได้เช่นกัน
นาทีที่ 43 แมนฯยูไนเต็ด ที่เกือบจะเสียประตูสองจังหวะติดๆกัน ก็เกือบมาได้ประตูขึ้นนำ เมื่อ กิกส์ วางบอลยาวให้กับ รูนี่ย์ ควบไปเอาบอลก่อนแตะบอลข้ามหัว มัวร์ และซัดเร็วด้วยขวาทันทีแต่บอลไปพุ่งเข้าข้างตาข่าย จบ 45 นาทีแรกทั้งสองทีมยังเสมอกันอยู่ 0-0
เริ่มครึ่งหลังได้ 10 นาที "ปิศาจแดง"ก็เกือบได้ประตูขึ้นนำอีกครั้ง จากลูกเตะมุมทางกราบขวาที่ ไรอัน กิกส์ เปิดเข้ามาให้กับ โรนัลโด โขกเต็มๆหัว แต่บอลพุ่งไปตรงตัว คาร์โรลล์ ที่ยืนอยู่ตรงกลางประตูกระดอนออกไปอย่างน่าเสียดาย
เข้าสู่ 1 ชั่วโมงของเกม เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กุนซือของทีม"ปิศาจแดง"ต้องแก้เกม โดยส่ง หลุยส์ ซาฮา และไมเคิล คาร์ริค ลงมาเล่นแทน ปาร์ค จี ซุง และ พอล สโคลส์ จากนั้นในนาทีที่ 72 คริสเตียโน โรนัลโด ได้โอกาสซัดเต็มๆในกรอบเขตโทษทางด้านซ้ายแต่บอลยังไม่ตรงกรอบ
นาทีที่ 75 แมนฯยูไนเต็ด ก็มาทำประตูขึ้นนำได้สำเร็จจากความพยายามอยู่นาน จากจังหวะที่ วิดิช วางยาวให้ รูนี่ย์ หลุดไปทางกราบซ้าย ก่อนที่ หัวหอกร่างอวบจะเปิดมาให้กับ โรนัลโด วิ่งเข้ามากระโดดแปบอลด้วยขวาจากระยะ 10 หลาผ่านมือ คาร์โรลล์ เข้าไป "ปิศาจแดง"ขึ้นนำ 1-0
หลังจากนั้นไม่มีฝ่ายใดทำประตูเพิ่มกันได้ ครบ 90 นาที "ปิศาจแดง"เอาชนะ"แกะเขาเหล็ก"ดาร์บี้ เค้าตี้ ไป 1-0 ทะยานขึ้นไปเป็นจ่าฝูงแทนที่อาร์เซนอลที่มีคิวเตะกับมิดเดิลสโบรห์เป็นคู่สุดท้ายในวันนี้ได้สำเร็จ
รายชื่อผู้เล่น 11 คนแรกของทั้งสองทีม
ดาร์บี้ : รอย คาร์โรลล์, มาร์ค เอ็ดเวอร์ที่, ดาร์เรน มัวร์, ดีน ลีค็อค, เจมส์ แมคอีฟลีย์, ร็อบบี้ ซาเวจ, ไมล์ สเตอร์รอฟสกี้, เอ็ดดี้ เลวิส, เดวิน โจนส์, โรเบิร์ต เอิร์นชอว์, เคนนี่ มิลเลอร์
แมนฯยูไนเต็ด : เบน ฟอสเตอร์, จอห์น โอเชีย, เวส บราวน์, พาทริค เอฟร่า, เนมันย่า วิดิช, ไรอัน กิกส์, พอล สโคลส์, คริสเตียโน โรนัลโด, อันแดร์สัน, เวย์น รูนี่ย์, ปาร์ค จี ซุง
ผลฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษประจำวันเสาร์ที่ 15 มีนาคม
ซันเดอร์แลนด์ แพ้ เชลซี 0-1 (จอห์น เทอร์รี่ 0-1 นาที 10)
ลิเวอร์พูล ชนะ เร้ดดิ้ง 2-1 (มาเร็ค มาเตจอฟสกี้ 0-1 นาที 5), (ฮาเวียร์ มาเชราโน่ 1-1 นาทีที่ 19), (เฟอร์นานโด ตอร์เรส 2-1 นาที 48)
ปอร์ทสมัธ ชนะแอสตัน วิลล่า 2-0 (เจอร์เมน เดโฟ 1-0 นาที 11), (ไนเจล รีโอ โคเกอร์ สกัดเข้าประตูตัวเอง 2-0 นาที 38)
เวสต์แฮม ชนะ แบล็คเบิร์น 2-1 (โรเก้ ซานตา ครูซ 0-1 นาที 19), (ดีน แอชตัน 1-1 นาที 39), (เฟร็ด เซียร์ส 2-1 นาที 81)
ดาร์บี้ แพ้ แมนฯยูไนเต็ด 0-1 (คริสเตียโน โรนัลโด 0-1 นาที 75)
อาร์เซนอล เสมอ มิดเดิลสโบรห์ 1-1(เจเรมี่ อาลิอาดิแยร์ 0-1 นาที 24), (โคโล ตูเร่ 1-1 นาที 85)