"น้องไก่" ปวีณา ทองสุก ยอดหญิงนักยกน้ำหนักทีมชาติไทย ประกาศอำลากีฬาโอลิมปิก 2008 แน่นอนแล้ว หลังสภาพร่างกายไม่สมบูรณ์ เจ้าตัวร่ำไห้เสียใจที่ไม่อาจลงแข่งในนามทีมชาติได้อีก
เมื่อเวลา 15.00 น. ของวันจันทร์ที่ 10 มีนาคม 2551 ณ ห้องประชุมชั้น 3 อาคารธนาคารเพื่อการเกษตร นางบุษบา ยอดบางเตย นายกสมาคมยกน้ำหนักแห่งประเทศไทย และ นายจิตรนรา นวรัตน์ อุปนายกสมาคมฯ พร้อมด้วย ร้อยโทหญิง ปวีณา ทองสุก นักยกน้ำหนักเจ้าของเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ 2004 และ เอเชียนเกมส์ 2006 ร่วมกันแถลงข่าวเปิดใจถึงการประกาศยุติเส้นทางการเป็นนักกีฬาของฮีโร่หญิงรายนี้
โดย "น้องไก่" วัย 28 ปี กล่าวว่า "ก่อนหน้านี้มีพี่ๆ สื่อมวลชนโทรศัพท์มาสอบถามไก่เยอะมาก แต่ส่วนใหญ่ไก่ไม่รับโทรศัพท์ เพราะไม่สะดวกที่จะคุย และอยู่ระหว่างการตัดสินใจ แต่ถึงวันนี้ไก่ตัดสินใจแล้วว่าจะประกาศเลิกเล่นอย่างเป็นทางการ ใจอยากไปโอลิมปิกอยู่แล้ว แต่มันขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของเราด้วย ถ้าเราซ้อมแล้วมันไม่ไหว ก็ไม่อยากจะเอาเปรียบคนอื่นเขา ทางสมาคมเองก็ทราบดีว่าไก่ซ้อมเป็นอย่างไร ก่อนเอเชียนเกมส์ 2006 ที่โดฮา ไก่ก็มีอาการบาดเจ็บที่หัวเข่า ก็เลยขอหยุดพักรักษาอาการบาดเจ็บไปเลย อีกอย่างไก่มีภาระที่ต้องกลับไปเรียนต่อปริญญาโท"
"หลังเรียนจบแล้วพยายามกลับมาซ้อมอย่างจริงๆ จังๆ อีกครั้ง เราก็ไม่ได้รีบอะไร อีกทั้งโค้ชก็ดูแลอย่างใกล้ชิดว่าเรามีอาการบาดเจ็บควรจะซ้อมแบบไหน พอเริ่มซ้อมเมื่อปลายปีที่แล้ว แต่เท่าที่สังเกตว่าสถิติเราไม่ดีเท่าที่ควร ก็เลยเขาไปคุยกับสมาคมยกน้ำหนักว่าจะทำอย่างไร เพราะเขาต้องจัดรุ่นในการแข่งขันโอลิมปิก 2008 ที่ประเทศจีน"
ทั้งนี้ ปวีณา กล่าวต่อไปทั้งน้ำตาว่า "แม้ไม่ได้เป็นนักกีฬาแล้วก็คิดว่าตัวเองยังมีประโยชน์อย่างอื่นในการช่วยเหลือสมาคมยกน้ำหนักต่อไปในด้านอื่น ก็ได้แต่หวังว่าทุกฝ่ายคงจะเข้าใจ ไม่ว่าจะเป็นสมาคมยกน้ำหนัก, ผู้สนับสนุน ร่วมทั้งประชาชนชาวไทยทุกคน ว่ามันมาจากสภาพร่างกายที่ไม่ไหวจริงๆ สิ่งที่ตัวไก่เองจะทำได้ก็จะขอเป็นโค้ชในการดูแลนักกีฬาทีมชาติไทย หรืออาจจะหันไปทำงานเป็นผู้ตัดสิน ซึ่งก็ต้องขอศึกษางานใน 2 ด้านนี้ก่อน แต่ยืนยันว่ายังอยากอยู่กับกีฬาต่อไป"
ซึ่ง ปวีณา ได้เปิดเผยถึงอาการบาดเจ็บว่า "แต่ก่อนนี้จะเจ็บข้างขวามากกว่าข้างซ้าย แต่พอซ้อมไปแล้วพอเจ็บข้างขวาเราก็ย้ายมาทิ้งน้ำหนักลงที่ขาซ้าย เลยกลายเป็นมีอาการเจ็บคู่กันทั้ง 2 ขาเลย เราก็ทราบดีว่าเหลือเวลาอีกแค่ร้อยกว่าวัน เพราะดูแล้วไม่ไหวแน่ เราเห็นแก่ส่วนรวมมากกว่า ถ้าเราไปโดยที่ร่างกายไม่พร้อมก็คงทำให้คนอื่นเสียสิทธิ์ไป ที่สำคัญคุณแม่อยากให้เลิกตั้งแต่จบโอลิมปิก 2004 แล้ว แต่เราก็ยังอยากเล่นต่อ ถึงตอนนี้คงต้องหยุด"
"มันไม่ง่ายเลยกับคนที่ยกน้ำหนักมา 13-14 ปี ในการตัดสินใจเลิกยกน้ำหนัก เสียใจมากที่ไม่อาจจะช่วยเหลือสมาคมต่อไปได้อีกแล้ว ขอโทษแฟนกีฬาชาวไทยด้วยที่ ไก่ ไปแข่งขันไม่ได้" ฮีโร่สาวของไทยกล่าวปิดท้ายด้วยน้ำตานองหน้า
ด้าน นายจิตรนรา นวรัตน์ อุปนายกสมาคมยกน้ำหนักล่าวว่า "ผมเข้าใจดีว่ามันเป็นเรื่องยากมากสำหรับ ปวีณา ที่ต้องตัดสินใจว่าจะเล่นต่อไปหรือไม่ แต่เหตผลสุดท้ายคือเรื่องของอาการบาดเจ็บที่ทำให้ชีวิตนักกีฬาต้องยุติลง ผมไม่เคยปฏิเสธว่า ปวีณา จะกลับมาติดทีมชาติอีกไม่ได้ ผมคิดว่าเราพร้อมจะให้โอกาส แต่ต้องยอมรับว่า ปวีณา ในวันนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน ตอนนี้สภาพร่างกายมีอาการบาดเจ็บเรื้อรัง และสถิติก็ไม่ดีเหมือนที่ผ่านมา ทำให้เราต้องมาตัดสินใจร่วมกัน ซึ่งตามโควตาแล้วเราส่งนักกีฬาหญิงได้ 4 คน ทีนี้ ถ้า ปวีณา ที่อยู่ในสภาพร่างกายไม่สมบูรณ์ ก็อาจจะทำให้นักกีฬารุ่นน้องที่อยู่ในสภาพร่างกายที่ดีกว่าเสียโอกาส แต่ทุกฝ่ายก็ได้หารือร่วมกันแล้วทั้งทางสมาคมฯ และตัว ปวีณา เองต่างก็เห็นพ้องต้องกัน"
ขณะเดียวกันอุปนายกสมาคมยกเหล็กไทยเปิดเผยว่าได้วางเป้าหมายไว้แล้วถึง 4 แนวทางด้วยกัน "ให้ ปวีณา เพราะยังมีความรู้ความสามารถที่จะมาช่วยพัฒนานักกีฬายกน้ำหนักได้ เท่าที่ได้ดูเวลา ปวีณา ฝึกซ้อมร่วมกับนักกีฬารุ่นน้อง ก็สามารถแนะนำได้อย่างถูกหลัก ซึ่งบางคนมีข้อบกพร่องบางอย่าง ปวีณา ก็สามารถแนะนำและนำการเปลี่ยนแปลงที่ดีเข้ามาได้ ก็คิดว่า ปวีณา น่าจะเข้าอบรมการเป็นผู้ฝึกสอน
"ในรุ่นน้ำหนัก 63 กิโลกรัม ปวีณา เป็นนักกีฬาที่เก่งที่สุดในโลก ได้ทั้งเหรียญทองโอลิมปิก และเหรียญทองเอเชียนเกมส์มาครอง โดยเฉพาะในเอเชียนเกมส์ที่โดฮา ก็เอาชนะนักกีฬาจากจีนได้ น่าจะมีบทบาทในระดับนานาชาติ อาจจะเข้าอบรมผู้ตัดสิน หรือเสนอตัวเข้าไปเป็นกรรมการในระดับนานาชาติ นอกจากเป็นผู้ฝึกสอน หรือเป็นผู้ตัดสินยกน้ำหนักแล้ว เราพร้อมจะผลักดัน ปวีณา มาเป็นผู้ทำหน้าที่ในด้านการบริหารงาน หรือไม่ก็อาจจะผลักดันให้เป็นทูตกีฬาของประเทศไทย เพราะ ปวีณา เป็นบุคคลที่คนทั่วโลกรู้จัก และยังเป็นตัวแทนที่จะทำให้เยาวชนในประเทศไทยหันมาสนใจกีฬายกน้ำหนัก เพื่อสร้างนักกีฬารุ่นใหม่ของประเทศไทย แต่ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับเจ้าตัวเองว่าจะตัดสินใจไปในทางใด"
ด้าน นางบุษบา ยอดบางเตย นายกสมาคมยกน้ำหนักกล่าวว่า "สาเหตุที่ตัดสินใจประกาศในวันนี้ เนื่องจากการตัดสินใจของ ปวีณา ที่จะเลิกเล่น และความเหมาะสมในเรื่องของการแถลงข่าว คือเรามีแนวความคิดที่จะแถลงข่าวมาสักพัก โดยมีการคุยกันมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว หลัง ปวีณา เรียนจบปริญญาโท แล้วกลับมาฝึกซ้อม แต่สถิติต่างๆ ก็ไม่ได้ดีขึ้น"
"เราส่งนักกีฬาไทยไปโอลิมปิก 2008 ได้ 4 รุ่น 4 คนสำหรับทีมหญิง ต่างชาติเขาก็คาดว่า ปวีณา น่าจะลงแข่งขันในรุ่น 63 กิโลกรัม ซึ่งเป็นรุ่นที่เราทำผลงานได้ดี วันนี้เป็นวันที่สมาคมพร้อมแล้วในการเตรียมทีมไปโอลิมปิก ที่พร้อมนี่ก็เพราะเราคิดว่าถ้าไม่มี ปวีณา แต่เรามีวิธีแก้ปัญหาเรียบร้อยแล้ว ซึ่งคงบอกอะไรมากไม่ได้ เพราะมันเป็นเรื่องของแท็คติก"
ทั้งนี้ นางบุษบา กล่าวทิ้งท้ายว่า "ตอนนี้เรามีตัวแทนแล้ว ไม่ได้หมายความว่ามีตัวแทนในรุ่นที่ ปวีณา ลงแข่งขัน แต่เรามี 4 คนตามโควตาที่เราได้รับแล้วในการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ เสียดายที่ ปวีณา ไปจีนไม่ได้ ก็ได้แต่หวังว่าในโอลิมปิกเราจะทำให้ดีที่สุด ส่วนเรื่องเหรียญทองนั้นก็เป็นเรื่องที่หลายส่วนประกอบกัน ใจจริงเราอยากให้นักกีฬาทุกคนของเราได้เหรียญรางวัล เหมือนครั้งที่แล้วที่เราส่ง 4 รุ่น แล้วได้เหรียญทุกคนคือ 2 เหรียญทอง 2 เหรียญทองแดง ครั้งนี้เราขอบอกว่าก็หวังจะทำให้ได้อีกครั้งเหมือนกัน"