ภายหลังการประกาศหันหลังให้กับทีมชาติไทยของ "น้องไก่" ปวีณา ทองสุก นักยกน้ำหนักหญิง เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ 2004 ที่กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ ส่งผลให้ความหวังในการลุ้นเหรียญทองโอลิมปิก 2008 ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศสาธารรัฐประชาชนจีน ของทีมชาติไทยดูลดน้อยลงไปพอสมควร
โดยการถอนตัวของ "ไก่ ปวีณา" ในครั้งนี้ ก็เนื่องมาจากอาการบาดเจ็บหัวเข่าที่เริ่มมีอาการมาตั้งแต่ในเอเชียนเกมส์ 2006 ที่โดฮา ประเทศกาตาร์ ซึ่งแม้ท้ายที่สุด จอมพลังสาวรายนี้จะโค่นตัวเต็งจากทีมชาติจีน พร้อมคว้าเหรียญทองมาครองได้ ทว่าก็ต้องแลกมาด้วยอาการบาดเจ็บเรื้อรังจนส่งผลกระทบให้ไม่อาจจะเข้าร่วมโอลิมปิก 2008 ได้อีกต่อไป
อีกเหตุผลที่จอมพลังสาววัย 28 ปี ยินยอมเปิดหมวกอำลาทีมชาติไทยในครั้งนี้ ก็เนื่องมาจากต้องการเปิดทางให้กับนักกีฬารุ่นน้องที่ทำผลงานได้ดีขึ้น โดย "ไก่" กล่าวถึงนักกีฬารุ่นน้องที่ร่วมฝึกซ้อมกันอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่
"เหตุที่ต้องยอมถอนตัวนอกจากสภาพร่างกายที่ไม่ไหว ทำให้สถิติการยกไม่พัฒนาแล้ว ยังมีอีกเหตุผลหนึ่ง คือ ตอนที่ไก่อยู่ในแคมป์เก็บตัวร่วมกับนักกีฬารุ่นน้อง ก็เห็นหลายคนทำสถิติได้ดีมาก ดีจนเห็นพัฒนาการได้อย่างชัดเจน เรื่องนี้ไก่คิดว่าบางทีโอกาสของนักกีฬาเหล่านี้น่าจะถึงเวลาแล้ว"
ซึ่งทีมยกน้ำหนักสาวไทยสามารถส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 2008 ได้ 4 คน โดยล่าสุด "บิ๊กต่าย" จิตรนรา นวรัตน์ อุปนายกสมาคมยกน้ำหนักแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่ามีรายชื่อนักกีฬาหญิงอยู่แล้ว 6 คน แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายชื่อได้ด้วยเหตุผลทางด้านแทคติก
"สาเหตุที่เราเลือกเอาช่วงเดือนมีนาคมในการประกาศอำลาทีมชาติของ ปวีณา ทองสุก มันมีเบื้องหลังมากกว่าการอำลาของนักกีฬาที่แฟนกีฬาให้ความรักมากที่สุดอย่าง ปวีณา แต่มันเป็นเรื่องทางแทคติกด้วย" ทั้งนี้ "บิ๊กต่าย" ขอมองโลกในแง่ดีว่าการขาดหายไปของ ปวีณา อาจจะส่งผลในด้านที่ดีต่อการคว้าเหรียญทองโอลิมปิกส์เกมส์ 2008 ของทีมชาติไทย
"ถามว่าการไม่มี ปวีณา ลงแข่งขันในรุ่น 63 กิโลกรัมหญิง จะส่งผลกระทบอย่างไร เรื่องนี้ถ้ามองในแง่ร้ายก็เดือดร้อนแน่ แต่บอกได้เลยว่าไม่มีอะไรเลวร้าย เพราะต่อให้ ปวีณา ไม่ถอนตัว และเดินทางไปแข่งขันด้วยสภาพร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ก็คงยากที่จะเอาชนะนักกีฬาจากจีน ต้องยอมรับว่า ปวีณา เก่งที่สุดในโลกในรุ่นของเขา แต่ตอนนี้เราก็ต้องยอมรับความจริงอีกด้านว่า ปวีณา ในวันนี้ ไม่ใช่ ปวีณา คนเดิมที่เคยคว้าเหรียญทองโอลิมปิก เหรียญทองเอเชียนเกมส์ เพราะปัญหาเรื่องสภาพร่างกาย"
"ดังนั้นการถอนตัวของ ปวีณา อาจจะเป็นเรื่องที่ดีกว่า เพราะนักกีฬาหลายชาติที่เกรงบารมีก็จะแห่ไปลงแข่งขันในรุ่น 63 กิโลกรัมหญิง ซึ่งต้องไม่ลืมว่าทุกชาติมีโควตาการส่งนักกีฬายกน้ำหนักเข้าแข่งขัน อย่าง จีน กับ ไทย ได้โควตาสูงสุดคือ 4 คน จากทุกรุ่นน้ำหนักของประเภทหญิง หากจีนส่งนักกีฬาลงรุ่น 63 กิโลกรัม เราก็น่าจะมีโอกาสดีที่ไม่เจอจีนไปแล้ว 1 รุ่น นั่นหมายความว่าโอกาสคว้าเหรียญทองของทีมชาติไทยก็ย่อมสดใสกว่าการเจอนักกีฬาจีน"
"การคว้าเหรียญทองโอลิมปิก 2008 อาจเป็นเป้าหมายสูงสุดที่คนไทยทั้งชาติหวังไว้ แต่สำหรับสมาคมยกน้ำหนัก เราจะดีใจมากหากนักกีฬาไทยทุกคนที่เราส่งเข้าร่วมการแข่งขันทำผลงานคว้าเหรียญรางวัลได้ทุกคน เหมือนเมื่อโอลิมปิก 2004 ที่ทีมหญิงของเราคว้าเหรียญรางวัลมาได้ทั้ง 4 คน คือ 2 เหรียญทอง และ 2 เหรียญทองแดง"
แม้สมาคมยกเหล็กแห่งประเทศไทย ยังคงอุบไต๋ตัวนักกีฬาสาวไทย ที่เตรียมส่งชื่อเข้าชิงเหรียญทองในโอลิมปิก 2008 บนแผ่นดินมังกร ทว่า จากการคาดการณ์น่าจะหนีไม่พ้นผู้เล่นหลักๆ อย่าง รุ่น 48 กิโลกรัม เพ็ญศิริ เหล่าศิริกุล, เปรมศิริ บุญพิทักษ์, รุ่น 53 กิโลกรัม ประภาวดี เจริญรัตนธารากูล (จันทร์พิมพ์ กันทะเตียน), รุ่น 58 กิโลกรัม วันดี คำเอี่ยม, สุรีรัตน์ ทองสุข, รุ่น 75 กิโลกรัม เมธิยา ซื่อสัตย์ และรุ่น +75 กิโลกรัม แอนนิภา มูลธาร์ โดยในจำนวนนี้จะมี 6 คนเท่านั้นที่ได้ไปร่วมเดินทางไปลุยโอลิมปิก 2008 จากการคัดเลือกของสมาคมฯ ก่อนจะคัดเหลือเพียง 4 คนเพื่อทำการแข่งขัน ซึ่งความหวังสูงสุดน่าจะอยู่ในรุ่น 53 กิโลกรัม ที่ ประภาวดี เจริญรัตนธารากูล เนื่องจากมีสถิติสูสีกับนักกีฬาจากชาติเจ้าภาพมากที่สุด
ขณะเดียวกันยังมีรายงานว่าในทางลับว่าช่วงเวลาที่ ปวีณา ทองสุก เปิดแถลงข่าวยุติเส้นทางการเป็นนักกีฬาทีมชาติไทย ซึ่งไร้เงาของ "เสธ.ยอด" พลตรีอินทรัตน์ ยอดบางเตย รองประธานสหพันธ์ยกน้ำหนักนานาชาติ และรองสหพันธ์ยกน้ำหนักแห่งเอเชีย ที่เดินทางไปเยือนประเทศจีน นัยว่าอาจจะเพื่อแจ้งข่าวการแขวนลูกเหล็กของ "ไก่ ปวีณา" เพื่อให้เจ้าภาพโอลิมปิกลดความคลางแคลงใจ พร้อมส่งนักกีฬาลงในรุ่นดังกล่าว
สำหรับในช่วงเวลาที่เหลืออีกประมาณ 5 เดือน ก่อนที่มหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติจะเริ่มขึ้นที่นครปักกิ่ง คงต้องมารอลุ้นกันว่า สมาคมยกเหล็กไทย จะมีวิธีหลบหลีกทัพนักกีฬาเจ้าถิ่นอย่างไรเพื่อคว้าเหรียญทอง หลังเคยประสบความสำเร็จมาแล้วจาก “เอเธนส์เกมส์” ได้อีกครั้งหรือไม่
โดยการถอนตัวของ "ไก่ ปวีณา" ในครั้งนี้ ก็เนื่องมาจากอาการบาดเจ็บหัวเข่าที่เริ่มมีอาการมาตั้งแต่ในเอเชียนเกมส์ 2006 ที่โดฮา ประเทศกาตาร์ ซึ่งแม้ท้ายที่สุด จอมพลังสาวรายนี้จะโค่นตัวเต็งจากทีมชาติจีน พร้อมคว้าเหรียญทองมาครองได้ ทว่าก็ต้องแลกมาด้วยอาการบาดเจ็บเรื้อรังจนส่งผลกระทบให้ไม่อาจจะเข้าร่วมโอลิมปิก 2008 ได้อีกต่อไป
อีกเหตุผลที่จอมพลังสาววัย 28 ปี ยินยอมเปิดหมวกอำลาทีมชาติไทยในครั้งนี้ ก็เนื่องมาจากต้องการเปิดทางให้กับนักกีฬารุ่นน้องที่ทำผลงานได้ดีขึ้น โดย "ไก่" กล่าวถึงนักกีฬารุ่นน้องที่ร่วมฝึกซ้อมกันอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่
"เหตุที่ต้องยอมถอนตัวนอกจากสภาพร่างกายที่ไม่ไหว ทำให้สถิติการยกไม่พัฒนาแล้ว ยังมีอีกเหตุผลหนึ่ง คือ ตอนที่ไก่อยู่ในแคมป์เก็บตัวร่วมกับนักกีฬารุ่นน้อง ก็เห็นหลายคนทำสถิติได้ดีมาก ดีจนเห็นพัฒนาการได้อย่างชัดเจน เรื่องนี้ไก่คิดว่าบางทีโอกาสของนักกีฬาเหล่านี้น่าจะถึงเวลาแล้ว"
ซึ่งทีมยกน้ำหนักสาวไทยสามารถส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 2008 ได้ 4 คน โดยล่าสุด "บิ๊กต่าย" จิตรนรา นวรัตน์ อุปนายกสมาคมยกน้ำหนักแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่ามีรายชื่อนักกีฬาหญิงอยู่แล้ว 6 คน แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายชื่อได้ด้วยเหตุผลทางด้านแทคติก
"สาเหตุที่เราเลือกเอาช่วงเดือนมีนาคมในการประกาศอำลาทีมชาติของ ปวีณา ทองสุก มันมีเบื้องหลังมากกว่าการอำลาของนักกีฬาที่แฟนกีฬาให้ความรักมากที่สุดอย่าง ปวีณา แต่มันเป็นเรื่องทางแทคติกด้วย" ทั้งนี้ "บิ๊กต่าย" ขอมองโลกในแง่ดีว่าการขาดหายไปของ ปวีณา อาจจะส่งผลในด้านที่ดีต่อการคว้าเหรียญทองโอลิมปิกส์เกมส์ 2008 ของทีมชาติไทย
"ถามว่าการไม่มี ปวีณา ลงแข่งขันในรุ่น 63 กิโลกรัมหญิง จะส่งผลกระทบอย่างไร เรื่องนี้ถ้ามองในแง่ร้ายก็เดือดร้อนแน่ แต่บอกได้เลยว่าไม่มีอะไรเลวร้าย เพราะต่อให้ ปวีณา ไม่ถอนตัว และเดินทางไปแข่งขันด้วยสภาพร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ก็คงยากที่จะเอาชนะนักกีฬาจากจีน ต้องยอมรับว่า ปวีณา เก่งที่สุดในโลกในรุ่นของเขา แต่ตอนนี้เราก็ต้องยอมรับความจริงอีกด้านว่า ปวีณา ในวันนี้ ไม่ใช่ ปวีณา คนเดิมที่เคยคว้าเหรียญทองโอลิมปิก เหรียญทองเอเชียนเกมส์ เพราะปัญหาเรื่องสภาพร่างกาย"
"ดังนั้นการถอนตัวของ ปวีณา อาจจะเป็นเรื่องที่ดีกว่า เพราะนักกีฬาหลายชาติที่เกรงบารมีก็จะแห่ไปลงแข่งขันในรุ่น 63 กิโลกรัมหญิง ซึ่งต้องไม่ลืมว่าทุกชาติมีโควตาการส่งนักกีฬายกน้ำหนักเข้าแข่งขัน อย่าง จีน กับ ไทย ได้โควตาสูงสุดคือ 4 คน จากทุกรุ่นน้ำหนักของประเภทหญิง หากจีนส่งนักกีฬาลงรุ่น 63 กิโลกรัม เราก็น่าจะมีโอกาสดีที่ไม่เจอจีนไปแล้ว 1 รุ่น นั่นหมายความว่าโอกาสคว้าเหรียญทองของทีมชาติไทยก็ย่อมสดใสกว่าการเจอนักกีฬาจีน"
"การคว้าเหรียญทองโอลิมปิก 2008 อาจเป็นเป้าหมายสูงสุดที่คนไทยทั้งชาติหวังไว้ แต่สำหรับสมาคมยกน้ำหนัก เราจะดีใจมากหากนักกีฬาไทยทุกคนที่เราส่งเข้าร่วมการแข่งขันทำผลงานคว้าเหรียญรางวัลได้ทุกคน เหมือนเมื่อโอลิมปิก 2004 ที่ทีมหญิงของเราคว้าเหรียญรางวัลมาได้ทั้ง 4 คน คือ 2 เหรียญทอง และ 2 เหรียญทองแดง"
แม้สมาคมยกเหล็กแห่งประเทศไทย ยังคงอุบไต๋ตัวนักกีฬาสาวไทย ที่เตรียมส่งชื่อเข้าชิงเหรียญทองในโอลิมปิก 2008 บนแผ่นดินมังกร ทว่า จากการคาดการณ์น่าจะหนีไม่พ้นผู้เล่นหลักๆ อย่าง รุ่น 48 กิโลกรัม เพ็ญศิริ เหล่าศิริกุล, เปรมศิริ บุญพิทักษ์, รุ่น 53 กิโลกรัม ประภาวดี เจริญรัตนธารากูล (จันทร์พิมพ์ กันทะเตียน), รุ่น 58 กิโลกรัม วันดี คำเอี่ยม, สุรีรัตน์ ทองสุข, รุ่น 75 กิโลกรัม เมธิยา ซื่อสัตย์ และรุ่น +75 กิโลกรัม แอนนิภา มูลธาร์ โดยในจำนวนนี้จะมี 6 คนเท่านั้นที่ได้ไปร่วมเดินทางไปลุยโอลิมปิก 2008 จากการคัดเลือกของสมาคมฯ ก่อนจะคัดเหลือเพียง 4 คนเพื่อทำการแข่งขัน ซึ่งความหวังสูงสุดน่าจะอยู่ในรุ่น 53 กิโลกรัม ที่ ประภาวดี เจริญรัตนธารากูล เนื่องจากมีสถิติสูสีกับนักกีฬาจากชาติเจ้าภาพมากที่สุด
ขณะเดียวกันยังมีรายงานว่าในทางลับว่าช่วงเวลาที่ ปวีณา ทองสุก เปิดแถลงข่าวยุติเส้นทางการเป็นนักกีฬาทีมชาติไทย ซึ่งไร้เงาของ "เสธ.ยอด" พลตรีอินทรัตน์ ยอดบางเตย รองประธานสหพันธ์ยกน้ำหนักนานาชาติ และรองสหพันธ์ยกน้ำหนักแห่งเอเชีย ที่เดินทางไปเยือนประเทศจีน นัยว่าอาจจะเพื่อแจ้งข่าวการแขวนลูกเหล็กของ "ไก่ ปวีณา" เพื่อให้เจ้าภาพโอลิมปิกลดความคลางแคลงใจ พร้อมส่งนักกีฬาลงในรุ่นดังกล่าว
สำหรับในช่วงเวลาที่เหลืออีกประมาณ 5 เดือน ก่อนที่มหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติจะเริ่มขึ้นที่นครปักกิ่ง คงต้องมารอลุ้นกันว่า สมาคมยกเหล็กไทย จะมีวิธีหลบหลีกทัพนักกีฬาเจ้าถิ่นอย่างไรเพื่อคว้าเหรียญทอง หลังเคยประสบความสำเร็จมาแล้วจาก “เอเธนส์เกมส์” ได้อีกครั้งหรือไม่