คอลัมน์ "Final Quarter" โดย ลุงแซม
ก่อนไปอัพเดทสถานการณ์ “ฟรีเอเย่นต์” ที่ย้ายทีมกันให้พรึบพรับ มาว่ากันถึงวาระสลักสำคัญแห่งศึกอเมริกัน ฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) เมื่อ เบร็ตต์ ฟาร์ฟ ตำนานลีกอีกคนหนึ่งตัดสินใจรีไทร์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ใครที่ยังอยากเห็น ฟาร์ฟ สวมเครื่องป้องกัน หยิบหมวกกันน็อกสีเหลืองลงสนามลุยลีกคนชนคนเป็นฤดูกาล 18 คงต้องผิดหวังไปตามๆ กันแต่เราต้องเข้าใจในเหตุผลด้วย 2-3 ปีหลังมานี้พอจบฤดูกาลที ฟาร์ฟ ต้องกลับบ้านไปปรึกษา ดีนนา กุนซือส่วนตัวว่าจะเอาอย่างไรกันสำหรับปีหน้า ซึ่งคุณนายฟาร์ฟที่ต้องสู้กับโรคมะเร็งเต้านมมาตั้งแต่ปี 2004 อนุญาตให้สามีลงไปทำในสิ่งที่รัก สานฝันเป็นแชมป์ซูเปอร์โบว์ลสมัยที่ 2
จบซีซั่น 2007/08 หลังจากผิดหวังกันไปจากการโดน “ยักษ์ใหญ่” นิวยอร์ก ไจแอนท์ส ฝ่าหิมะบุกมาชนะถึงแลมโบว์ ฟิลด์ ในเกมชิงแชมป์สายเอ็นเอฟซี (NFC) ประเด็นข้างต้นถูกนำมาถกกันอีกครั้ง แต่บทสรุปไม่ได้ลงเอยดั่งที่เหล่า “แพ็คส์แมน” คาดหวัง อย่างไรก็ตาม ผมเชื่อเหลือเกินว่าทุกคนให้ความเคารพในการตัดสินใจของควอเตอร์แบ็กซึ่งอายุอานามแตะหลัก 38 ปี
สำหรับนักกีฬาเมื่อเกือบถึงหลักสี่ ถือว่าอยู่ในช่วงปลายอาชีพ ถ้าเป็นซอคเกอร์ตำแหน่งที่ ฟาร์ฟ พอลงเล่นได้เห็นจะหนีไม่พ้น “ผู้รักษาประตู” อีกทั้งอายุขนาดนี้หลายคนเลยจุดสุดยอดของตัวเองไปแล้ว แต่พ่อหนุ่มมิสซิสซิปปียังเดินลงสนามด้วยความกระชุ่มกระชวยประหนึ่งวัยรุ่นวัยทีน ปักหลักเป็นหัวใจสำคัญของ แพ็คเกอร์ส แบกรับความรับผิดชอบในตำแหน่ง “ควอเตอร์แบ็ก” ให้ทีมอย่างสมบุกสนบันจวบจนวาระสุดท้ายของการทำหน้าที่
การรีไทร์ครั้งนี้เป็นไปตามกฎแห่งธรรมชาติ เมื่อสภาพร่างกายอ่อนล้า ภาวะจิตใจมีห่วงเป็นพะวง ฟาร์ฟ จึงแสดงความเป็นมืออาชีพยอมถอยหลังมาหนึ่งก้าวเพื่อให้ แพ็คเกอร์ส ได้เดินหน้าในทางที่ถูกที่ควรกันต่อไป นี่เป็นโอกาสอันดีแล้วสำหรับ อารอน ร็อดเจอร์ส ที่ศึกษางานกับปรมาจารย์คนหนึ่งของลีกจะได้ลงไปโชว์ฝีมือเสียทีตามที่ ไมค์ แม็คคาร์ธีย์ เคยเปรยเอาไว้
ในส่วนของ ฟาร์ฟ ผมยังไม่เชื่อว่าเขาจะลาแล้วลาลับ เราอาจได้เห็นบทบาทใหม่ของตำนานเสื้อ “หมายเลข 4” ในรูปแบบของการเป็นนักวิเคราะห์เกมการแข่งขันเอ็นเอฟแอลให้กับสถานีโทรทัศน์ช่องใดช่องหนึ่ง หรือไม่ ฟาร์ฟ อาจผันตัวเองเป็นโค้ชระดับมหาวิทยาลัยหรือทีมระดับอาชีพที่ไหนสักหนแห่งในอีกไม่ช้าไม่นาน ทว่าตอนนี้ขอเวลาให้ได้ทำหน้าที่หัวหน้าครอบครัวอย่างสมบูรณ์แบบครั้งแรกในรอบกว่าทศวรรษเสียก่อน
ส่วนผลงานที่ ฟาร์ฟ ทำไว้ตลอด 17 ปีที่ถ้าว่ากันจนหมด เนื้อที่ในคอลัมน์ตอนนี้คงไม่พอเอาเป็นว่าสิ่งที่ ฟาร์ฟ จารึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์เด่นๆ ก็มีการคว้าแชมป์กับ แพ็คเกอร์ส ได้สำเร็จในปี 1997 พร้อมรับตำแหน่งผู้เล่นคุณค่า (MVP) หนึ่งในสามครั้งที่ได้มา นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นถึงการเป็นคนพันธุ์อึดลงสนามติดต่อกันยาวนานที่สุด 253 เกม (รวมกับเพลย์ออฟเบ็ดเสร็จ 275 เกม) ขว้างทำระยะได้มากที่สุด 61,655 หลา พาทีมชนะมากที่สุด 160 เกมและก็มีสถิติให้น่าอมยิ้มคือ เสียอินเทอร์เซปต์มากกว่าชาวบ้าน (288 ครั้ง) เหล่านี้ล้วนน่าชมเชยสำหรับคนที่ไม่ใช่ผู้วิเศษแต่คงไม่มีใครปฏิเสธว่า ฟาร์ฟ เป็นคนพิเศษสำหรับคอคนชนคนและคู่ควรกับการ Standing Ovation
มาว่ากันต่อถึงสถานการณ์ “ฟรีเอเย่นต์” เปิดตลาดไม่ถึงสัปดาห์ดี ผู้เล่นฟรีเอเย่นต์ฝีมือดีถูกฉกฉวยเข้าทีมโน้นทีมนี้กันให้ขวัก อซานเต ซามูเอล สุดยอดตัวคุมปีกเลือกผละ นิวอิงแลนด์ แพทริออตส์ ไปรับสัญญาก้อนโตจาก ฟิลาเดลเฟีย อีเกิลส์ นั่นก็ทำให้ “อินทรีมรกต” มีกองหลังที่เก่งสุดในลีกทีมหนึ่ง เพราะยังมี ลิโต เชพเพิร์ด และเชนดอน บราวน์ คอยสลับลงมาทำงาน ขณะที่ ไมเคิล เทอร์เนอร์ สลัดออกจากร่มเงาของ ลาไดเนียน ทอมลินสัน ในซานดิอาโก (ชาร์จเจอร์ส) เพื่อออกมาพิสูจน์ตัวเองกับ แอตแลนตา ฟอลคอนส์
ในส่วนของ “แพทส์แมน” ยังต้องเสีย ดอนเต สตอลเวิร์ธ อาวุธทางเวหาให้แก่ คลีฟแลนด์ บราวน์ส ทำให้ ดีเร็ค แอนเดอร์สัน ที่เพิ่งจรดปากกาต่อสัญญาใหม่กับทีมมีทางเลือกเพิ่มขึ้น แต่ แพทริอออตส์ ทำให้แฟนๆ มีรอยยิ้มขึ้นมาบ้างจากการเกลี่ยกล่อมให้ แรนดี มอสส์ ยอมเซ็นสัญญา 3 ปี 27 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขืนต้องเสียปีกมือ 1 ของทีมไปอีก บิลล์ บีลิชิก อาจต้องสั่งให้ทีมงานเร่ง “แอบถ่าย” การเรียกแผนของคู่แข่งกันตั้งแต่ช่วงซัมเมอร์แคมป์กันเลยทีเดียว
ก่อนไปอัพเดทสถานการณ์ “ฟรีเอเย่นต์” ที่ย้ายทีมกันให้พรึบพรับ มาว่ากันถึงวาระสลักสำคัญแห่งศึกอเมริกัน ฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) เมื่อ เบร็ตต์ ฟาร์ฟ ตำนานลีกอีกคนหนึ่งตัดสินใจรีไทร์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ใครที่ยังอยากเห็น ฟาร์ฟ สวมเครื่องป้องกัน หยิบหมวกกันน็อกสีเหลืองลงสนามลุยลีกคนชนคนเป็นฤดูกาล 18 คงต้องผิดหวังไปตามๆ กันแต่เราต้องเข้าใจในเหตุผลด้วย 2-3 ปีหลังมานี้พอจบฤดูกาลที ฟาร์ฟ ต้องกลับบ้านไปปรึกษา ดีนนา กุนซือส่วนตัวว่าจะเอาอย่างไรกันสำหรับปีหน้า ซึ่งคุณนายฟาร์ฟที่ต้องสู้กับโรคมะเร็งเต้านมมาตั้งแต่ปี 2004 อนุญาตให้สามีลงไปทำในสิ่งที่รัก สานฝันเป็นแชมป์ซูเปอร์โบว์ลสมัยที่ 2
จบซีซั่น 2007/08 หลังจากผิดหวังกันไปจากการโดน “ยักษ์ใหญ่” นิวยอร์ก ไจแอนท์ส ฝ่าหิมะบุกมาชนะถึงแลมโบว์ ฟิลด์ ในเกมชิงแชมป์สายเอ็นเอฟซี (NFC) ประเด็นข้างต้นถูกนำมาถกกันอีกครั้ง แต่บทสรุปไม่ได้ลงเอยดั่งที่เหล่า “แพ็คส์แมน” คาดหวัง อย่างไรก็ตาม ผมเชื่อเหลือเกินว่าทุกคนให้ความเคารพในการตัดสินใจของควอเตอร์แบ็กซึ่งอายุอานามแตะหลัก 38 ปี
สำหรับนักกีฬาเมื่อเกือบถึงหลักสี่ ถือว่าอยู่ในช่วงปลายอาชีพ ถ้าเป็นซอคเกอร์ตำแหน่งที่ ฟาร์ฟ พอลงเล่นได้เห็นจะหนีไม่พ้น “ผู้รักษาประตู” อีกทั้งอายุขนาดนี้หลายคนเลยจุดสุดยอดของตัวเองไปแล้ว แต่พ่อหนุ่มมิสซิสซิปปียังเดินลงสนามด้วยความกระชุ่มกระชวยประหนึ่งวัยรุ่นวัยทีน ปักหลักเป็นหัวใจสำคัญของ แพ็คเกอร์ส แบกรับความรับผิดชอบในตำแหน่ง “ควอเตอร์แบ็ก” ให้ทีมอย่างสมบุกสนบันจวบจนวาระสุดท้ายของการทำหน้าที่
การรีไทร์ครั้งนี้เป็นไปตามกฎแห่งธรรมชาติ เมื่อสภาพร่างกายอ่อนล้า ภาวะจิตใจมีห่วงเป็นพะวง ฟาร์ฟ จึงแสดงความเป็นมืออาชีพยอมถอยหลังมาหนึ่งก้าวเพื่อให้ แพ็คเกอร์ส ได้เดินหน้าในทางที่ถูกที่ควรกันต่อไป นี่เป็นโอกาสอันดีแล้วสำหรับ อารอน ร็อดเจอร์ส ที่ศึกษางานกับปรมาจารย์คนหนึ่งของลีกจะได้ลงไปโชว์ฝีมือเสียทีตามที่ ไมค์ แม็คคาร์ธีย์ เคยเปรยเอาไว้
ในส่วนของ ฟาร์ฟ ผมยังไม่เชื่อว่าเขาจะลาแล้วลาลับ เราอาจได้เห็นบทบาทใหม่ของตำนานเสื้อ “หมายเลข 4” ในรูปแบบของการเป็นนักวิเคราะห์เกมการแข่งขันเอ็นเอฟแอลให้กับสถานีโทรทัศน์ช่องใดช่องหนึ่ง หรือไม่ ฟาร์ฟ อาจผันตัวเองเป็นโค้ชระดับมหาวิทยาลัยหรือทีมระดับอาชีพที่ไหนสักหนแห่งในอีกไม่ช้าไม่นาน ทว่าตอนนี้ขอเวลาให้ได้ทำหน้าที่หัวหน้าครอบครัวอย่างสมบูรณ์แบบครั้งแรกในรอบกว่าทศวรรษเสียก่อน
ส่วนผลงานที่ ฟาร์ฟ ทำไว้ตลอด 17 ปีที่ถ้าว่ากันจนหมด เนื้อที่ในคอลัมน์ตอนนี้คงไม่พอเอาเป็นว่าสิ่งที่ ฟาร์ฟ จารึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์เด่นๆ ก็มีการคว้าแชมป์กับ แพ็คเกอร์ส ได้สำเร็จในปี 1997 พร้อมรับตำแหน่งผู้เล่นคุณค่า (MVP) หนึ่งในสามครั้งที่ได้มา นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นถึงการเป็นคนพันธุ์อึดลงสนามติดต่อกันยาวนานที่สุด 253 เกม (รวมกับเพลย์ออฟเบ็ดเสร็จ 275 เกม) ขว้างทำระยะได้มากที่สุด 61,655 หลา พาทีมชนะมากที่สุด 160 เกมและก็มีสถิติให้น่าอมยิ้มคือ เสียอินเทอร์เซปต์มากกว่าชาวบ้าน (288 ครั้ง) เหล่านี้ล้วนน่าชมเชยสำหรับคนที่ไม่ใช่ผู้วิเศษแต่คงไม่มีใครปฏิเสธว่า ฟาร์ฟ เป็นคนพิเศษสำหรับคอคนชนคนและคู่ควรกับการ Standing Ovation
มาว่ากันต่อถึงสถานการณ์ “ฟรีเอเย่นต์” เปิดตลาดไม่ถึงสัปดาห์ดี ผู้เล่นฟรีเอเย่นต์ฝีมือดีถูกฉกฉวยเข้าทีมโน้นทีมนี้กันให้ขวัก อซานเต ซามูเอล สุดยอดตัวคุมปีกเลือกผละ นิวอิงแลนด์ แพทริออตส์ ไปรับสัญญาก้อนโตจาก ฟิลาเดลเฟีย อีเกิลส์ นั่นก็ทำให้ “อินทรีมรกต” มีกองหลังที่เก่งสุดในลีกทีมหนึ่ง เพราะยังมี ลิโต เชพเพิร์ด และเชนดอน บราวน์ คอยสลับลงมาทำงาน ขณะที่ ไมเคิล เทอร์เนอร์ สลัดออกจากร่มเงาของ ลาไดเนียน ทอมลินสัน ในซานดิอาโก (ชาร์จเจอร์ส) เพื่อออกมาพิสูจน์ตัวเองกับ แอตแลนตา ฟอลคอนส์
ในส่วนของ “แพทส์แมน” ยังต้องเสีย ดอนเต สตอลเวิร์ธ อาวุธทางเวหาให้แก่ คลีฟแลนด์ บราวน์ส ทำให้ ดีเร็ค แอนเดอร์สัน ที่เพิ่งจรดปากกาต่อสัญญาใหม่กับทีมมีทางเลือกเพิ่มขึ้น แต่ แพทริอออตส์ ทำให้แฟนๆ มีรอยยิ้มขึ้นมาบ้างจากการเกลี่ยกล่อมให้ แรนดี มอสส์ ยอมเซ็นสัญญา 3 ปี 27 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขืนต้องเสียปีกมือ 1 ของทีมไปอีก บิลล์ บีลิชิก อาจต้องสั่งให้ทีมงานเร่ง “แอบถ่าย” การเรียกแผนของคู่แข่งกันตั้งแต่ช่วงซัมเมอร์แคมป์กันเลยทีเดียว