ลิเวอร์พูล เปิดบ้านไล่ต้อน ซันเดอร์แลนด์ ไปอย่างไม่เหลือบ่ากว่าแรง 3-0 โดย ปีเตอร์ เคราช์ โขกเบิกร่องก่อนที่ เฟอร์นานโด ตอร์เรส กับ สตีเวน เจอร์ราร์ด จะมาบวกอีกคนละลูก ส่งผลให้แซง แอสตัน วิลลา ขึ้นมารั้งอันดับ 5 ของตารางคะแนนพรีเมียร์ชิป อังกฤษ อย่างน้อย 24 ชั่วโมง
ฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ วันเสาร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2551
ลิเวอร์พูล 3 – 0 ซันเดอร์แลนด์
เกมพรีเมียร์ชิปคู่สุดท้ายของคืนวันเสาร์ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟิลด์ รับการมาเยือนของ ซันเดอร์แลนด์ โดยที่ ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือชาวสเปนของเจ้าบ้านปรับทีมพอสมควรโดยเฉพาะในแผงหลัง เจมี คาร์ราเกอร์ เล่นแบ็กขวาแทน อัลบาโร อาร์เบลัว ที่มีอาการบาดเจ็บ พร้อมทั้งส่ง มาร์ติน สเคอร์เทล ยืนเซนเตอร์ฮาล์ฟคู่กับ ซามี่ ฮูเปีย ขณะที่แบ็กซ้ายเป็นหน้าที่ของ ฟาบิโอ ออเรลิโอ
ด้าน “แบล็กแคตส์” ทีมเยือนส่ง ฟิล บาร์ดสลีย์ แบ็กขวาตัวใหม่ที่เพิ่งย้ายมาจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลงประเดิมทันที โดยมี เคร็ก กอร์ดอน ยืนเฝ้าเสาตามปกติ ขณะที่ ดารีล เมอร์ฟี ได้ลงเป็นหัวหอกคู่กับ เคนวีน โจนส์
เริ่มเกมมาได้ไม่ถึง 7 นาที คีแรน ริชาร์ดสัน ปีกซ้ายตัวสำคัญของแมวดำก็มีปัญหาบาดเจ็บ ทำให้ รอย คีน ต้องส่ง ราเด พริกา กองหน้าชาวสวีเดนลงสนามมาแทน จากนั้นหงส์แดงสามารถครองเกมได้เหนือกว่า แต่ยังมีปัญหาในการต่อบอลเข้าทำ ซึ่งยังไม่ได้ลุ้นจะแจ้งเท่าที่ควร
ถึงนาทีที่ 22 เลียม มิลเลอร์ ทำฟาวล์ สตีเวน เจอร์ราร์ด บริเวณกลางสนามจนได้รับใบเหลือง และในฟรีคิกจังหวะนี้เอง ออเรลิโอ เขี่ยสั้นๆ ให้ ฮาเวียร์ มาสเชราโน ลากขึ้นมา 2-3 ก้าวก่อนตัดสินใจตะบันเต็มข้อจากระยะกว่า 35 หลา ส่งลูกพุ่งติดไซด์ก้อยข้ามคาน
ซันเดอร์แลนด์ ไม่ค่อยมีลุ้นทำประตูมากนัก โดยตกเป็นฝ่ายตั้งรับเสียเป็นส่วนใหญ่ ทว่าเกมรุกของเจ้าถิ่นยังทำอะไรได้ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน นาทีที่ 38 เจอร์เมน เพนแนนท์ กระชากหนี ดารีล เมอร์ฟี่ ไปจนถึงเส้นหลังด้านขวาก่อนเปิดเข้ากลางให้ เฟอร์นานโด ตอร์เรส ได้โขก แต่ก็ไปตรงตัว เคร็ก กอร์ดอน จบครึ่งแรกจึงยังเสมอกันอยู่ที่ 0-0
กลับมาเล่นต่อในครึ่งเวลาหลัง ลิเวอร์พูล สามารถทะลวงประตูขึ้นนำ 1-0 ได้สำเร็จในนาทีที่ 57 จากการเติมเกมขึ้นมาทางด้านขวาของ คาร์ราเกอร์ ก่อนกระชากหนีผู้เล่นแมวดำแล้วเปิดโด่งเข้ากลางให้ ปีเตอร์ เคราช์ เทกตัวได้สูงกว่า ฟิล บาร์ดสลีย์ โขกผ่านมือ กอร์ดอน เสียบเสาแรกเข้าไป
พอได้ประตู หงส์แดงก็เริ่มได้ใจ 2 นาทีต่อมาก็เกือบขยับสกอร์บอร์ดได้อีกครั้งจากความสามารถเฉพาะตัวของ ตอร์เรส ที่กระดกบอลหลบ จอนนี อีแวนส์ แล้ววอลเลย์ด้วยซ้าย แต่ กอร์ดอน ยังผวาปัดข้ามคานออกไปได้ จากนั้นนาทีที่ 63 เคราช์ ได้โอกาสยิงลูกจักรยานอากาศในเขตโทษ ทว่า กอร์ดอน ก็ยังเซฟได้อีก ก่อนที่ เคราช์ จะได้โขกลูกเตะมุมในจังหวะต่อเนื่อง บอลผ่าน กอร์ดอน ไปแล้ว แต่ยังมี บาร์ดสลีย์ ที่ยืนคุมเส้นอยู่โหม่งเคลียร์ออกไปได้แบบจวนเจียน
ถึงนาทีที่ 69 ลิเวอร์พูล ก็มาได้ประตูหนีห่างเป็น 2-0 จนได้จากจังหวะที่ผู้เล่นซันเดอร์แลนด์ไปชนกันเองในขณะขึ้นโหม่ง ลูกจึงเลยไปถึง เคราช์ ที่เช็ดต่อไปให้ ตอร์เรส ควบเข้าถึงบอลก่อน บาร์ดสลีย์ แล้วจัดการเข่นผ่านการป้องกันของ กอร์ดอน เข้าไปไม่เหลือ
นาทีที่ 81 แบล็กแคตส์ เกือบตีไข่แตกได้จากการขึ้นโขกลูกเตะมุมของ รอย โอโดโนแวน หัวหอกตัวสำรอง แต่ก็ไปตรงตัว โฮเซ เรนา กระทั่งก่อนจบเกมแค่นาทีเดียว หงส์แดง ก็มาปิดบัญชีย้ำชัยอย่างเด็ดขาด 3-0 โดย เพนแนนท์ ถูก ไนรอน นอสเวิร์ทธี่ รวบล้มในเขตโทษ และเป็น เจอร์ราร์ด กดเข้าไปไม่พลาด จบเกมนี้ ลิเวอร์พูล เก็บเพิ่มเป็น 43 คะแนน แซง แอสตัน วิลลา ขึ้นมาอยู่อันดับ 5 ชั่วคราว
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
ลิเวอร์พูล – โฮเซ เรนา, เจมี คาร์ราเกอร์, ซามี ฮูเปีย, มาร์ติน สเคอร์เทล, ฟาบิโอ ออเรลิโอ, เจอร์เมน เพนแนนท์, สตีเวน เจอร์ราร์ด, ฮาเวียร์ มาสเชราโน, ลูคัส เลวา, ปีเตอร์ เคราช์, เฟอร์นานโด ตอร์เรส
ซันเดอร์แลนด์ – เคร็ก กอร์ดอน, ฟิล บาร์ดสลีย์, ไนรอน นอสเวิร์ทธี, จอนนี อีแวนส์, แดนนี คอลลินส์, ไมเคิล โชปรา, ดีน ไวท์เฮด, เลียม มิลเลอร์, คีแรน ริชาร์ดสัน, ดารีล เมอร์ฟี, เคนวีน โจนส์
ผลฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ
แมนเชสเตอร์ ซิตี แพ้ อาร์เซนอล 1-3 (เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ 0-1 นาที 9), (เอดูอาร์โด ดา ซิลวา 0-2 นาที 26), (แกลซง แฟร์นองเดส 1-2 นาที 28), (เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ 1-3 นาที 88)
เบอร์มิงแฮม ซิตี เสมอ ดาร์บี เคาน์ตี 1-1 (เซบาสเตียน ลาร์สสัน 1-0 นาที 68), (เอ็มมานูเอล บีญา 1-1 นาที 89)
แบล็กเบิร์น โรเวอร์ส เสมอ เอฟเวอร์ตัน 0-0
ปอร์ทสมัธ เสมอ เชลซี 1-1 (นิโกลาส์ อเนลกา 0-1 นาที 55), (เจอร์เมน เดโฟ 1-1 นาที 64)
เรดดิง แพ้ โบลตัน วันเดอเรอร์ส 0-2 (เควิน โนแลน 0-1 นาที 33)
ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ เสมอ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-1 (ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ 1-0 นาที 20), (คาร์ลอส เตเบซ 1-1 นาที 90)
วีแกน แอธเลติก ชนะ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 1-0 (เควิน คิลบาน 1-0 นาที 45)
ลิเวอร์พูล ชนะ ซันเดอร์แลนด์ 3-0 (ปีเตอร์ เคราช์ 1-0 นาที 57), (เฟอร์นานโด ตอร์เรส 2-0 นาที 69), (สตีเวน เจอร์ราร์ด 3-0 จุดโทษ นาที 89)
ฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ วันเสาร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2551
ลิเวอร์พูล 3 – 0 ซันเดอร์แลนด์
เกมพรีเมียร์ชิปคู่สุดท้ายของคืนวันเสาร์ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟิลด์ รับการมาเยือนของ ซันเดอร์แลนด์ โดยที่ ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือชาวสเปนของเจ้าบ้านปรับทีมพอสมควรโดยเฉพาะในแผงหลัง เจมี คาร์ราเกอร์ เล่นแบ็กขวาแทน อัลบาโร อาร์เบลัว ที่มีอาการบาดเจ็บ พร้อมทั้งส่ง มาร์ติน สเคอร์เทล ยืนเซนเตอร์ฮาล์ฟคู่กับ ซามี่ ฮูเปีย ขณะที่แบ็กซ้ายเป็นหน้าที่ของ ฟาบิโอ ออเรลิโอ
ด้าน “แบล็กแคตส์” ทีมเยือนส่ง ฟิล บาร์ดสลีย์ แบ็กขวาตัวใหม่ที่เพิ่งย้ายมาจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลงประเดิมทันที โดยมี เคร็ก กอร์ดอน ยืนเฝ้าเสาตามปกติ ขณะที่ ดารีล เมอร์ฟี ได้ลงเป็นหัวหอกคู่กับ เคนวีน โจนส์
เริ่มเกมมาได้ไม่ถึง 7 นาที คีแรน ริชาร์ดสัน ปีกซ้ายตัวสำคัญของแมวดำก็มีปัญหาบาดเจ็บ ทำให้ รอย คีน ต้องส่ง ราเด พริกา กองหน้าชาวสวีเดนลงสนามมาแทน จากนั้นหงส์แดงสามารถครองเกมได้เหนือกว่า แต่ยังมีปัญหาในการต่อบอลเข้าทำ ซึ่งยังไม่ได้ลุ้นจะแจ้งเท่าที่ควร
ถึงนาทีที่ 22 เลียม มิลเลอร์ ทำฟาวล์ สตีเวน เจอร์ราร์ด บริเวณกลางสนามจนได้รับใบเหลือง และในฟรีคิกจังหวะนี้เอง ออเรลิโอ เขี่ยสั้นๆ ให้ ฮาเวียร์ มาสเชราโน ลากขึ้นมา 2-3 ก้าวก่อนตัดสินใจตะบันเต็มข้อจากระยะกว่า 35 หลา ส่งลูกพุ่งติดไซด์ก้อยข้ามคาน
ซันเดอร์แลนด์ ไม่ค่อยมีลุ้นทำประตูมากนัก โดยตกเป็นฝ่ายตั้งรับเสียเป็นส่วนใหญ่ ทว่าเกมรุกของเจ้าถิ่นยังทำอะไรได้ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน นาทีที่ 38 เจอร์เมน เพนแนนท์ กระชากหนี ดารีล เมอร์ฟี่ ไปจนถึงเส้นหลังด้านขวาก่อนเปิดเข้ากลางให้ เฟอร์นานโด ตอร์เรส ได้โขก แต่ก็ไปตรงตัว เคร็ก กอร์ดอน จบครึ่งแรกจึงยังเสมอกันอยู่ที่ 0-0
กลับมาเล่นต่อในครึ่งเวลาหลัง ลิเวอร์พูล สามารถทะลวงประตูขึ้นนำ 1-0 ได้สำเร็จในนาทีที่ 57 จากการเติมเกมขึ้นมาทางด้านขวาของ คาร์ราเกอร์ ก่อนกระชากหนีผู้เล่นแมวดำแล้วเปิดโด่งเข้ากลางให้ ปีเตอร์ เคราช์ เทกตัวได้สูงกว่า ฟิล บาร์ดสลีย์ โขกผ่านมือ กอร์ดอน เสียบเสาแรกเข้าไป
พอได้ประตู หงส์แดงก็เริ่มได้ใจ 2 นาทีต่อมาก็เกือบขยับสกอร์บอร์ดได้อีกครั้งจากความสามารถเฉพาะตัวของ ตอร์เรส ที่กระดกบอลหลบ จอนนี อีแวนส์ แล้ววอลเลย์ด้วยซ้าย แต่ กอร์ดอน ยังผวาปัดข้ามคานออกไปได้ จากนั้นนาทีที่ 63 เคราช์ ได้โอกาสยิงลูกจักรยานอากาศในเขตโทษ ทว่า กอร์ดอน ก็ยังเซฟได้อีก ก่อนที่ เคราช์ จะได้โขกลูกเตะมุมในจังหวะต่อเนื่อง บอลผ่าน กอร์ดอน ไปแล้ว แต่ยังมี บาร์ดสลีย์ ที่ยืนคุมเส้นอยู่โหม่งเคลียร์ออกไปได้แบบจวนเจียน
ถึงนาทีที่ 69 ลิเวอร์พูล ก็มาได้ประตูหนีห่างเป็น 2-0 จนได้จากจังหวะที่ผู้เล่นซันเดอร์แลนด์ไปชนกันเองในขณะขึ้นโหม่ง ลูกจึงเลยไปถึง เคราช์ ที่เช็ดต่อไปให้ ตอร์เรส ควบเข้าถึงบอลก่อน บาร์ดสลีย์ แล้วจัดการเข่นผ่านการป้องกันของ กอร์ดอน เข้าไปไม่เหลือ
นาทีที่ 81 แบล็กแคตส์ เกือบตีไข่แตกได้จากการขึ้นโขกลูกเตะมุมของ รอย โอโดโนแวน หัวหอกตัวสำรอง แต่ก็ไปตรงตัว โฮเซ เรนา กระทั่งก่อนจบเกมแค่นาทีเดียว หงส์แดง ก็มาปิดบัญชีย้ำชัยอย่างเด็ดขาด 3-0 โดย เพนแนนท์ ถูก ไนรอน นอสเวิร์ทธี่ รวบล้มในเขตโทษ และเป็น เจอร์ราร์ด กดเข้าไปไม่พลาด จบเกมนี้ ลิเวอร์พูล เก็บเพิ่มเป็น 43 คะแนน แซง แอสตัน วิลลา ขึ้นมาอยู่อันดับ 5 ชั่วคราว
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
ลิเวอร์พูล – โฮเซ เรนา, เจมี คาร์ราเกอร์, ซามี ฮูเปีย, มาร์ติน สเคอร์เทล, ฟาบิโอ ออเรลิโอ, เจอร์เมน เพนแนนท์, สตีเวน เจอร์ราร์ด, ฮาเวียร์ มาสเชราโน, ลูคัส เลวา, ปีเตอร์ เคราช์, เฟอร์นานโด ตอร์เรส
ซันเดอร์แลนด์ – เคร็ก กอร์ดอน, ฟิล บาร์ดสลีย์, ไนรอน นอสเวิร์ทธี, จอนนี อีแวนส์, แดนนี คอลลินส์, ไมเคิล โชปรา, ดีน ไวท์เฮด, เลียม มิลเลอร์, คีแรน ริชาร์ดสัน, ดารีล เมอร์ฟี, เคนวีน โจนส์
ผลฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ
แมนเชสเตอร์ ซิตี แพ้ อาร์เซนอล 1-3 (เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ 0-1 นาที 9), (เอดูอาร์โด ดา ซิลวา 0-2 นาที 26), (แกลซง แฟร์นองเดส 1-2 นาที 28), (เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ 1-3 นาที 88)
เบอร์มิงแฮม ซิตี เสมอ ดาร์บี เคาน์ตี 1-1 (เซบาสเตียน ลาร์สสัน 1-0 นาที 68), (เอ็มมานูเอล บีญา 1-1 นาที 89)
แบล็กเบิร์น โรเวอร์ส เสมอ เอฟเวอร์ตัน 0-0
ปอร์ทสมัธ เสมอ เชลซี 1-1 (นิโกลาส์ อเนลกา 0-1 นาที 55), (เจอร์เมน เดโฟ 1-1 นาที 64)
เรดดิง แพ้ โบลตัน วันเดอเรอร์ส 0-2 (เควิน โนแลน 0-1 นาที 33)
ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ เสมอ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-1 (ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ 1-0 นาที 20), (คาร์ลอส เตเบซ 1-1 นาที 90)
วีแกน แอธเลติก ชนะ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 1-0 (เควิน คิลบาน 1-0 นาที 45)
ลิเวอร์พูล ชนะ ซันเดอร์แลนด์ 3-0 (ปีเตอร์ เคราช์ 1-0 นาที 57), (เฟอร์นานโด ตอร์เรส 2-0 นาที 69), (สตีเวน เจอร์ราร์ด 3-0 จุดโทษ นาที 89)