‘ดาวน์อันเดอร์ เอฟเฟคท์’ เทนนิสโลกถึงจุดเปลี่ยน

หลังการแข่งขันแกรนด์สแลมออสเตรเลี่ยน โอเพ่นจบลงพร้อมกับตำแหน่งแชมป์ที่ตกอยู่ในมือของนักเทนนิสคลื่นลูกใหม่ไม่ว่าจะเป็นประเภทหญิงเดี่ยว ที่มาเรีย ชาราโปว่า พิสูจน์ว่าตนเองมีดีอีกครั้งด้วย สแลมที่สามจากทวีปดาวอันเดอร์ หลังจากปีก่อนเธอพลาดท่าพ่ายให้กับเซเรน่า วิลเลี่ยมส์ ในรอบชิงชนะเลิศ ขณะที่ฟากของฝ่ายชายที่ช่วงหนึ่งสัปดาห์ก่อนที่การแข่งขันจะจบลง บรรดาเกจิต่างฟันธงกันว่า โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ จะเป็นแชมป์ แต่ท้ายที่สุดเด็กหนุ่มวัย 20 ปีจากเซอร์เบีย โนวัค ยอโควิช ก็คว่ำมือหนึ่งของโลกที่เขาเคยพ่ายให้ในการรอบชิงฯ ยูเอส โอเพ่น และทะลุไปคว้าโทรฟี่ "นอร์แมน บรู๊คส์ ชาแลนจ์ คัพ" มาครองพร้อมกับตำแหน่งนักเทนนิสอายุน้อยที่สุดที่สามารถก้าวมาถึงเกียรติยศนี้ได้สำเร็จ

หากจะพลิกดูรายละเอียดการแข่งขันเทนนิสแกรนด์สแลมตั้งแต่ปี 2002 จะพบว่าผลการแข่งขันเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมานับเป็นครั้งแรกที่นักเทนนิสซึ่งเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศนั้นมิได้เป็นมือระดับท้อปโลก ดังเช่นที่ผ่านมาซึ่งมักปรากฏชื่อของ โรเจอร์ เฟเดอเรอร์, ราฟาเอล นาดาล, วีนัส วิลเลี่ยมส์, เซเรน่า วิลเลี่ยมส์ และ จัสติน เอแนง จนแทบจะเรียกได้ว่าผูกปีเข้ารอบ

การครองแชมป์ของสองหนุ่มสาว ชาราโปว่า และ ยอโควิช นั้นนับว่าเป็นการพลิกโฉมหน้าใหม่ของวงการเทนนิสโลกเพียงชั่วข้ามคืน ซึ่ง ดาร์เรน เคฮิลล์ อดีตโค้ชของอังเดร อากัสซี่ และยังทำหน้าที่เป็นคอมเมนต์เตเตอร์ ให้กับทางอีเอสพีเอ็น กล่าวว่า "ความเปลี่ยนแปลงในวงการเทนนิสโลกได้บังเกิดขึ้นแล้ว"
สิ่งที่ เคฮิลล์ ตั้งข้อสังเกตว่าเป็นความเปลี่ยนแปลงประการแรกนั้นคือตำแหน่งนักเทนนิสหมายเลขหนึ่งโลกที่เริ่มสั่นคลอน ของโรเจอร์ เฟเดอเรอร์ เพราะสแลมออสซี่ คือความพ่ายแพ้ในห้วงเวลาที่เฟด-เอ็กซ์ ครองตำแหน่งหมายเลขหนึ่งติดต่อกันถึง 209 สัปดาห์ และเส้นทางสู่การคว้าแกรนด์สแลม 15 ครั้งติดต่อกันมีอันต้องสะดุดลงเมื่อเขาต้องพ่ายให้กับนักเทนนิสรุ่นน้อง โนวัค ยอโควิช ในรอบรองชนะเลิศของออสเตรเลี่ยน โอเพ่น

แม้ว่าความพ่ายแพ้ในครั้งนี้ เฟเดอเรอร์ จะไม่ร่วงจากตำแหน่งนักเทนนิสหมายเลขหนึ่งโลก แต่ความสั่นคลอนดังกล่าวได้ก่อให้เกิดคำถามที่ว่า ในเวลานี้ยอดนักเทนนิสชาวสวิตเซอร์แลนด์ วัย 25 ปียังแกร่งพอแค่ไหนที่จะต่อกรกับบรรดาดาวรุ่งที่กระหายจะโค่นราชันย์แห่งวงการ ขณะที่ แพทริค แมคเอนโร กัปตันเดวิสคัพทีมสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์หลังจบการแข่งขันว่า "ผมรู้สึกได้ว่าสิ้นฤดูกาลนี้ตำแหน่งนักเทนนิสหมายเลขหนึ่งของโลกน่าจะถูกเปลี่ยนมือ"

ไม่เพียงแต่การโค่นแร็กเก็ตเทพอย่าง เฟเดอเรอร์ จะกลายเป็นประเด็นที่คนพูดกันทั่วสนามรอด เลเวอร์ อารีน่า แต่การแจ้งเกิดของดาวรุ่งดวงใหม่เจ้าของฉายา "โมฮัมหมัด อาลี" แห่งวงการเทนนิสอย่าง "โจ วิลเฟรด ซองก้า" นักเทนนิสวัย 22 ปีชาวฝรั่งเศสที่ล้มกระทิงแกร่งหมายเลขสองของโลกอย่าง นาดาล และผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ ผลงานของ "ซองก้า" นั้นพิสูจน์ให้หลายคนเห็นว่าเขามิได้มีรูปกายที่กำยำเพียงอย่างเดียว แต่เกมการเล่นที่ชาญฉลาด รวมไปถึงความเร็ว น่าจะทำให้นักเทนนิสลูกครึ่งฝรั่งเศส - คองโก รายนี้กลายเป็นผลผลิตใหม่ล่าสุดจากเอทีพี ซึ่งเคฮิลล์ กล่าวถึงซองก้าว่า "ความสามารถของนักเทนนิสรายนี้สมบูรณ์แบบและไร้ตำหนิ เหลือเพียงเก็บเกี่ยวประสบการณ์ เขาจะกลายเป็นมือดีที่หาคนโค่นได้ยากอีกหนึ่งราย"

เมื่อฝ่ายชายมีดาวรุ่งมาแจ้งเกิด พร้อมกับการโค่นราชันย์ของการ ฟากของผู้หญิงก็มิได้น้อยหน้าเมื่อ มาเรีย ชาราโปว่า ที่มีอาการบาดเจ็บจนทำผลงานได้ไม่ดีนักในช่วงฤดูกาล 2007 กลับมาผงาดอีกครั้ง หลังเอาชนะหมายเลขหนึ่งของโลกอย่าง เอแนงได้สำเร็จพร้อมหยุดสถิติชนะติดต่อกัน 32 ครั้งของหญิงแกร่งจากเบลเยี่ยมได้ในรอบรองฯ เมื่อถึงเวลาชิงชัยจึงมิใช่เรื่องน่าแปลกที่ชาราโปว่า จะได้สัมผัสกับ แกรนด์สแลมแห่งทวีปดาวน์อันเดอร์เป็นครั้งแรกสำเร็จ

นอกจาก ฟอร์มแกร่งของสาวรัสเซียวัย 20 ปี หากจะมองผ่านสองสาวจากเซิร์บ ที่โชว์ผลงานได้ร้อนแรงตั้งแต่ต้นฤดูกาลด้วยการเอาชนะสองพี่น้องตระกูลวิลเลี่ยมส์ โดย เยเลน่า นั้นมีชัยเหนือ เซเรน่า วิลเลี่ยมส์ แชมป์เก่า ขณะที่ อนา อิวาโนวิช เอาชนะ วีนัส วิลเลี่ยมส์ เจ้าของแกรนด์สแลม 6 สมัย ชัยชนะของสาวเซิร์บเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าพวกเธอพร้อมแล้วสำหรับฤดูกาล 2008 ส่วนพี่น้องวิลเลี่ยมส์ นั้นดูเหมือนว่าเวลาแห่งความยิ่งใหญ่ของพวกเธอได้ผ่านพ้นไปแล้ว ดังเช่นที่ เทรซี่ ออสติน อดีตนักเทนนิสหญิงหมายเลขหนึ่งของโลก ได้กล่าวไว้อย่างน่าสนใจว่า "ถึงเวลานี้มีนักเทนนิสหญิงฝีมือดีเข้ามาร่วมประชันในการแข่งขันมากมาย เธอเหล่านั้นต่างกระหายที่จะขึ้นไปสู่ตำแหน่งสูงสุด ที่สำคัญพวกเธอไม่ได้เกรงกลัวความแกร่งของสองพี่น้องวิลเลี่ยมส์อีกต่อไป"