"สุวิทย์"ปรับโครงสร้าง"กกท."ทิ้งทวน

ดร.สุวิทย์ ยอดมณี รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะประธานบอร์ด กกท.ทำการปรับโครงสร้างของการกีฬาแห่งประเทศไทยเป็นการส่งท้าย โดยมีการโยกเก้าอี้ผู้อำนวยการฝ่ายหลายตำแหน่ง

เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2551 ดร.สุวิทย์ ยอดมณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย (บอร์ด กกท.) ที่ห้องประชุมกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ชั้น 2 ถนนราชดำเนินนอก

โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบอนุมัติปรับปรุงโครงสร้างการบริหารงานของ กกท. (พ.ศ.2551) ตามที่ กกท. เสนอ ซึ่งการดำเนินการจัดทำโครงสร้าง กกท. ในครั้งนี้ กกท. ร่วมกับ บริษัท นอลลิจ เพาเวอร์ จำกัด จัดทำขึ้น ซึ่งโครงสร้างการบริหารงานใหม่ จะไม่กระทบกระเทือนกับอัตรากำลังของพนักงานใน กกท. ที่ยังคงตำแหน่งเท่าเดิม 548 อัตรา ไม่นับรวมตำแหน่งผู้ว่าการ กกท. 1 อัตรา และไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงอัตราเงินเดือนขั้นต่ำ-ขั้นสูง ของตำแหน่งเดิมที่มีอยู่ โดยมีขั้นตอนการดำเนินงานจากการนำผลวิจัยมาพิจารณาร่วมกับการวิเคราะห์หน้าที่ความรับผิดชอบของ ฝ่าย/สำนัก กอง และงาน รวมทั้งมีการจัดทำการพิจารณาจากคณะผู้บริหารตั้งแต่ระดับผู้อำนวยการกองขึ้นมาตามลำดับ

นอกจากนี้ ยังมีการเพิ่มกอง/งาน ที่ขาดหายไปแต่เป็นภารกิจที่สำคัญของ กกท. รวมถึงการยุบรวมกอง/งาน ที่มีผลภารกิจซ้ำซ้อน และการปรับเปลี่ยนสายการบังคับบัญชาการให้เหมาะสมกับภารกิจ ซึ่งมีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่าย จำนวน 4 คน ได้แก่ นายบุญทัน ม่วงชื่น ผู้อำนวยการสำนักกีฬาภูมิภาค มารับตำแหน่ง ผู้อำนวยการฝ่ายสารสนเทศและวิชาการการกีฬา, นายราเชลล์ ได้ผลธัญญา ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคลและสารสนเทศ รับตำแหน่ง ผู้อำนวยการสำนักกีฬาภูมิภาค, นางสาวสุมาลี วิญญูวรรธน์ ผู้อำนวยการสำนักผู้ว่าการ รับตำแหน่ง ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคล และ นางสมคิด ปิ่นทอง ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาบุคลากรกีฬาและการทะเบียน รับตำแหน่ง ผู้อำนวยการสำนักผู้ว่าการ

โดยนางศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยถึงการปรับปรุงโครงสร้างการบริหารงานของ กกท. ว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะทำให้การปฏิบัติงานของ กกท. มีความคล่องตัว และเป็นประโยชน์มากยิ่งขึ้น

ด้านนายกนกพันธ์ จุลเกษม ผู้ว่าการ กกท. เปิดเผยว่า การปรับปรุงโครงสร้างการบริหารของ กกท.ในครั้งนี้ มีบางงานที่มีการแยกออกจากกันโดดเด็ดขาด อาทิ การเงิน แยกออกจากการคลัง และสำนักกีฬาภูมิภาคขึ้นตรงต่อ ผู้ว่าการ กกท. สำหรับตำแหน่งรองผู้ว่าการ กกท. ทั้ง 4 ตำแหน่ง ยังมีตามเดิมแต่เพิ่มงานที่สำคัญและงานที่เกี่ยวข้องกันเข้ามาไว้ด้วยกัน โดยตำแหน่งรองผู้ว่าการ กกท. ฝ่ายกีฬาเป็นเลิศ นั้นจะรวมเรื่องวิทยาศาสตร์การกีฬาเข้ามาด้วย เนื่องจาก 90% ของงานวิทยาศาสตร์การกีฬา จะส่งเสริมในเรื่องของกีฬาเป็นเลิศ, ด้านรองผู้ว่าการ กกท. ฝ่ายกีฬาอาชีพและสิทธิประโยชน์นั้น ก็จะรวมงานของกีฬาอาชีพ และสำนักงานคณะกรรมการกีฬามวยเข้ามารวมกัน ฯลฯ ส่วนการเพิ่มกอง/งาน ที่ขาดหายไปแต่เป็นภารกิจที่สำคัญของ กกท. นั้น ได้เพิ่มฝ่ายสารสนเทศและวิชาการการกีฬา ขึ้น เพื่อเข้ามาดูแลงานของเทคโนโลยีสารสนเทศทางการกีฬาโดยเฉพาะ ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญมากในปัจจุบัน