xs
xsm
sm
md
lg

‘ไวลด์การ์ดเกม’ เปิดประตูสู่เพลย์ออฟคนชนคน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หลังจากที่ทั้ง 32 ทีมห้ำหั่นกันสุดฤทธิ์สุดเดชมาตลอด 17 สัปดาห์เต็มๆ ของฤดูกาลปกติ ในที่สุดก็ได้ 12 ทีมจากทั้งฝั่งเอเอฟซี (AFC) และเอ็นเอฟซี (NFC) ก้าวผ่านเข้าไปลุยกันต่อในโพสต์ซีซั่นของศึกอเมริกัน ฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) โดยสุดสัปดาห์นี้ประเดิมกันด้วย “ไวลด์การ์ด เกม” 4 คู่ซึ่งถือเป็นการเปิดประตูสู่เพลย์ออฟอย่างเป็นทางการ

เอเอฟซี ไวลด์การ์ด เกม

แจ๊คสันวิลล์ จากัวส์ (อันดับ 5) เยือน พิตต์สเบิร์ก สตีลเลอร์ส (อันดับ 4)
“ไฮน์ซ ฟิลด์” คือสนามปราบเซียนของศึกคนชนคนก็ว่าได้ แต่กลับไม่สามารถทำให้ลูกทีมของ แจ๊ค เดล ริโอ หวั่นเกรงแต่อย่างใด ในเมื่อ แจ๊คสันวิลล์ จากัวส์ มีการคุมเกมบุกที่แน่นอนของ เดวิด การ์ราร์ด ที่เสียไปเพียง 3 อินเทอร์เซปต์น้อยที่สุดของลีก การถือบอลวิ่งทะลุทะลวงอย่างเห็นผลของ เฟร็ด เทย์เลอร์ และมัวริซ โจนส์-ดรูว์ ประกอบกับเกมรับที่ดุดันทำให้ จากัวส์ เป็นทีมเยือนเพียงทีมเดียวในรอบไวลด์การ์ดที่ถูกยกให้เป็นต่อเจ้าบ้าน

ซึ่งก็สืบเนื่องมาจากการที่ พิตต์สเบิร์ก สตีลเลอร์ส เคยปราชัยคาถิ่นให้ จากัวส์ มาแล้ว 22-29 คะแนน อีกทั้งการขาดหายไปของ วิลลี พาร์เกอร์ ตัววิ่งตัวหลักทำให้เกมบุกของ “คนเหล็ก” สูญเสียความสมดุลไปมากทีเดียว แม้ เบน โรธลิสเบอร์เกอร์ จะขุนฟอร์มเก่งขว้างไปถึง 32 ทัชดาวน์เป็นรองแค่ ทอม เบรดี (นิวอิงแลนด์ แพทริออตส์) และโทนี โรโม (ดัลลัส คาวบอยส์) แต่ ไมค์ ทอมลิน หัวหน้าโค้ชผิวสีคนแรกในประวัติศาสตร์ทีมมีการบ้านชิ้นเบ้อเริ่มในการพา สตีลเลอร์ส ผ่านเข้าสู่รอบต่อไป

เทนเนสซี ไตตันส์ (อันดับ 6) เยือน ซานดิอาโก ชาร์จเจอร์ส (อันดับ 3)
หาก วินซ์ ยัง ควอเตอร์แบ็กความหวังของ เทนเนสซี ไตตันส์ ไม่สามารถสลัดอาการบาดเจ็บที่หน้าแข้งกลับมาได้ทัน ทีมที่คว้าตั๋วไวลด์การ์ดใบสุดท้ายของปียิ่งเจอกับสถานการณ์ที่เป็นรองสุดกู่ในการมาเยือน ซานดิอาโก ชาร์จเจอร์ส ที่ชนะมา 7 จาก 8 เกมหลังสุด ความกระหายที่จะลงสนามนำทัพของ เคอร์รี คอลลินส์ ควอเตอร์แบ็กจอมเก๋า การตะลุยวิ่งอันยอดเยี่ยมของ เลนเดล ไวท์ การเตะฟิลด์โกลอันแม่นยำของ ร็อบ ไบโรแนส อาจไม่มีผลอะไรหากลูกทีมของ เจฟฟ์ ฟิสเชอร์ ต้องตกเป็นรองตั้งแต่หัววัน

“เจ้าชายสายฟ้า” ชาร์จเจอร์ส แบกรับความกดดันมหาศาลจึงออกตัวค่อนข้างช้า แต่เมื่อทุกอย่างเข้ารูปเข้ารอย เกมบุกอันทรงประสิทธิภาพจาก ลาไดเนียน ทอมลินสัน และอันโตนิโอ เกตส์ ก็ตามมา เกมรับใช่น้อยหน้า หลุยส์ คาสติโญ และชอน เมอร์รีแมน ถลาโถมเล่นงานคู่ต่อสู้อย่างหนักหน่วง สิ่งเดียวที่จะทำให้ ชาร์จเจอร์ส พลิกล็อกพ่ายคาถิ่นคืออาการแพ้ภัยตัวเอง ฟิลิป ริเวอร์ส ควอเตอร์แบ็กที่เคยเป็นความหวังยังไม่สุดยอดเสียที

เอ็นเอฟซี ไวลด์การ์ด เกม

วอชิงตัน เรดสกินส์ (อันดับ 6) เยือน ซีแอตเทิล ซีฮอว์คส (อันดับ 3)
นอกจากแรงฮึดเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณหลังจากเพื่อน (ชอน เทย์เลอร์) เสียชีวิตไป ส่วนหนึ่งที่พา วอชิงตัน เรดสกินส์ เข้าสู่รอบเพลย์ออฟต้องยกเครดิตให้แก่ ท็อดด์ คอลลินส์ นับตั้งแต่ควอเตอร์แบ็กวัย 36 ปีลงคุมทัพเกมบุกแทน เจสัน แคมป์เบลล์ ที่บาดเจ็บ คอลลินส์ สามารถพาทีมชนะ 4 เกมติดต่อกัน การขว้างบอลที่แน่นอนเอื้ออำนวยให้เกมการวิ่งของ คลินตัน พอร์ติส ทรงประสิทธิภาพ ปัจจัยทีมรับที่เหนียวแน่นอาจส่ง เรดสกินส์ มีเกมต่อไปในฤดูกาลนี้

อย่างไรก็ตาม การมาเยือน ซีแอตเทิล ซีฮอว์คส มิใช่เรื่องง่าย สถิติชนะในรัง 7 แพ้แค่หนึ่งเกมบ่งชี้ให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง นี่เป็นปีที่ยอดเยี่ยมที่สุดก็ว่าได้สำหรับ แม็ตต์ ฮัสเซลเบ็ค ควอเตอร์แบ็กที่ขว้าง 28 ทัชดาวน์ เสียไป 12 อินเทอร์เซปต์ บรรดาปีกนอก “เหยี่ยวทะเล” มีให้เลือกใช้อย่างครบครันทั้ง บ็อบบี เอ็นแกรม, เนต เบอร์ลีสัน และดีออน แบรนช์ อีกทั้ง มัวริซ มอร์ริส ช่วยแบ่งเบาภาระเกมวิ่งจาก ฌอน อเล็กซานเดอร์ ได้ดีประกอบกับเสียงเชียร์ของ “ผู้เล่นคนที่ 12” อันเลื่องชื่อในเควสต์ฟิลด์ ซีฮอว์คส มีโอกาสย้ำชัยเหนือ เรดสกินส์ เหมือนที่เคยทำได้เมื่อสองปีก่อนที่ 20-10 คะแนน

นิวยอร์ก ไจแอนท์ส (อันดับ 5) เยือน แทมปาเบย์ บัคคาเนียร์ส (อันดับ 4)
แม้ไม่สามารถทำลาย “เพอร์เฟกต์ ซีซั่น” ของ นิวอิงแลนด์ แพทริออตส์ ลงได้แต่ นิวยอร์ก ไจแอนท์ส แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่เปี่ยมล้นในฤดูกาลนี้ อีลาย แมนนิง เรียกความมั่นใจคืนมาจากการขว้าง 4 ทัชดาวน์ สองในนั้นให้ แพล็กซิโก เบอร์เรสส์ ปีกคู่ใจ ทว่าปัญหาบาดเจ็บของ ชอน โอฮารา (เซ็นเตอร์) คาวิกา มิทเชลล์ (ไลน์แบ็กเกอร์) และแซม แมดิสัน (ตัวคุมปีก) ทำให้ ทอม คอฟลิน ปวดหัวไม่น้อย อย่างไรก็ตาม “ยักษ์ใหญ่” เป็นทีมที่เล่นนอกบ้านได้อย่างสุดยอดชนะถึง 7 แพ้แค่เกมเดียวในฤดูกาลปกติ

ในส่วนของ แทมปาเบย์ บัคคาเนียร์ส อาการบาดเจ็บของ คาดิแลค วิลเลียมส์ และไมค์ อัลสตอทท์ สองตัววิ่งกำลังสำคัญไม่ได้ทำให้ฤดูกาลของอดีตแชมป์ซูเปอร์โบว์ล ครั้งที่ 37 จบเห่ดั่งที่หลายคนคาดคิดในเมื่อ เอียร์เนส แกรห์ม ทำผลงานได้ดีเกินคาด การคุมเกมบุกที่เยือกเย็นของ เจฟฟ์ การ์เซีย ประสบการณ์การรับบอลที่โชกโชนของ โจอี กัลโลเวย์ คือสิ่งที่ จอห์น กรูเดน ต้องการในสถานการณ์เพลย์ออฟ แม้เกมบุก “โจรสลัด” ไม่หวือหวาเร้าใจ แต่สิ่งที่ทำให้ทีมนี้มีโอกาสประสบความสำเร็จสูงสุดอีกครั้งคือ เกมรับที่นำทีมมาโดย เดอร์ริค บรูกส์ และรอนเด บาร์เบอร์



กำลังโหลดความคิดเห็น