อดีตรองแม่ทัพภาคที่ 2 ชี้เหตุเขมรรุกรานไม่เลิก ส่งผลให้ไทยมีโอกาสเสียดินแดนเพิ่มขึ้นได้ทุกวินาที
วันนี้เขมรเปิดปฏิบัติการรื้อถอนลวดหนาม‘บ้านหนองจาน-หนองหญ้าแก้ว’ จังหวัดสระแก้ว แบบไม่สนใจว่าเป็นผู้ละเมิดข้อตกลงจี้‘อนุทิน’ รีบทวงคืนคำพูด‘ฮุน มาเนต’ที่บอกจะสร้างความไว้วางใจและพัฒนาพรมแดนไทย-กัมพูชาให้เป็นพื้นที่แห่งสันติภาพและความมั่งคั่งพร้อมกำหนดวัน ว.เวลา น.ในการทำแผนปฏิบัติการ เพื่อให้กองทัพเดินหน้าเคลียร์พื้นที่ได้เร็วตรงนี้คือความชอบธรรม ถ้าไม่ปฏิบัติตาม กองทัพถล่มได้ทันทีระบุกลยุทธ์เขมรใช้ยึดดินแดนไทย เริ่มจาก‘ป่วน-ทหารเขมรเข้ายึด-จัดให้ครอบครัวทหารพัก-จัดสรรขายชาวบ้าน’ อยู่กันแบบมึนๆ ส่วนที่ตำบลชำราก จังหวัดตราด ทำได้ง่ายเพราะมี‘ไทยเทา’ ร่วม หวังเชื่อมต่อพื้นที่กาสิโนในเขมร!
กัมพูชาป่วนไม่เลิก! ทั้งที่ประเทศไทยเองก็พยายามในการแก้ปัญหาข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งกลไกระดับทวิภาคี ตั้งแต่คณะกรรมการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (Joint Boundary Commission-JBC) , คณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee – GBC) และคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee -RBC) จวบถึงวันนี้สถานการณ์ความขัดแย้งก็ยังหาข้อยุติไม่ได้
โดยรัฐบาลกัมพูชาพยายามที่จะสร้างความชอบธรรมด้วยการอ้างว่าไทยละเมิดข้อตกลงและยังพยายามที่จะรุกเข้ายึดแผ่นดินไทยตามแนวชายแดน ซึ่งเรื่องนี้ประชาชนไทยก็ยอมไม่ได้เช่นกัน และอยากจะตะโกนดัง ๆ ให้กองทัพไทยต้องแสดงแสนยานุภาพ ‘ลุย’ ผู้บุกรุกและยึดพื้นที่ไทยกลับคืนทุกตารางนิ้ว เนื่องเพราะประเทศไทยปฏิบัติตามขั้นตอน มีการยื่นหนังสือประท้วงมาโดยตลอด ซึ่งบางพื้นที่กองทัพได้ใช้กำลังผลักดันให้ถอยออกไปได้สำเร็จเช่นกัน
อย่างไรก็ดี คนไทยก็คาดหวังว่าความขัดแย้งนี้จะจบได้ เพราะทันทีที่เปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี จาก ‘แพทองธาร ชินวัตร’ มาเป็นนายอนุทิน ชาญวีรกูล ปรากฏว่า นายฮุน มาเนต นายกฯ กัมพูชา ได้ส่งสารแสดงความยินดีกับนายอนุทิน ที่ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งนายกฯ คนที่ 32 พร้อมชื่นชมนายอนุทิน ว่าจะนำพาประเทศไทยไปสู่ความก้าวหน้าและความเจริญรุ่งเรือง พร้อมจะร่วมมือกันเพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์ สร้างความไว้วางใจและพัฒนาพรมแดนไทย-กัมพูชาให้เป็นพื้นที่แห่งสันติภาพและความมั่งคั่ง
แต่นั่นเป็นเพียงแค่สารแสดงความยินดี เพราะในความเป็นจริงเขมรก็ยังคงปฏิบัติการเช่นเดิมทั้งในพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 1 และภาคที่ 2 โดยพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 ชาวบ้านกัมพูชากว่า 70 คนเปิดปฏิบัติการยั่วยุ เข้ามาบุกรุก พยายามรื้อทำลายรั้วลวดหนามที่เป็นเขตแดน โดยมีทหารกัมพูชายืนสังเกตการณ์ ทั้งที่พื้นที่ตรงนี้เป็นอธิปไตยของไทย ไม่ว่าจะเป็นที่บ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จังหวัดสระแก้ว ตามด้วย บ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง จ.สระแก้ว รวมไปถึงพื้นที่บ้านชำราก ตำบลชำราก อำเภอเมืองตราด อีก 3 จุด
ส่วนพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 นั้นเพจกองทัพบก ทันกระแส โพสต์เมื่อประมาณ 14.00 ของวันที่ 16 ก.ย. พบความเคลื่อนไหวของกัมพูชาในบางพื้นที่ พบโดรนพื้นที่ตอนใน 2 ลำ ชายแดน 60 ลำเข้าระยะตัดการควบคุมสัญญาณ 1 ลำ ฝ่ายไทยต้องจัดกำลังพลประจำจุดเฝ้าตรวจและเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติการตอบโต้ตามสถานการณ์
ขณะเดียวกันสถานการณ์ความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา ที่เข้าสู่ยุคของ ‘อนุทิน-ฮุน มาเนต’ ยังมีโอกาสที่จะพัฒนาให้เป็นพื้นที่แห่งสันติภาพและความมั่งคั่ง ได้จริงหรือไม่? และต้องขับเคลื่อนอย่างไรจึงจะไปสู่เป้าหมายนั้นได้
พล.ท.กนก เนตระคะเวสนะ อดีตรองแม่ทัพภาคที่ 2 และอดีตผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี บอกว่าการรุกรานของชาวเขมร ที่พยายามเข้ามายึดพื้นที่อธิปไตยของไทยนั้น ทั้งที่บ้านหนองจานและหนองหญ้าแก้ว ตลอดพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชานั้นเป็นยุทธวิถีที่เขมรใช้มา 20 กว่าปีแล้ว ซึ่งเป็นวิธีการแบบเดิม ๆ
“วิธีการจะใช้ทหารเขมรนำ ครอบครัวตาม ประชาชนตาม นี่คือหลักการ และ ทหารเขมรได้เงิน วิธีทำคือทหารเขมรบุกมาได้พื้นที่ มาสร้างครอบครัวพวกทหาร สร้างบ้าน แล้วประชาชนอยากเข้ามาอยู่ ทหารก็จัดสรรที่ขาย ใครอยากได้ก็เอาเงินมาซื้อพื้นที่จากทหาร เป็นมาแบบนี้ 20 ปีแล้วนะ”
สำหรับการจะจัดการแก้ปัญหาเบ็ดเสร็จได้นั้น อยู่ที่รัฐบาลว่าจะมีความเด็ดขาดหรือไม่ โดยเฉพาะที่บอกว่ามีการตัดไฟฟ้า ตัดอินเทอร์เน็ต ตัดน้ำมัน มีการตัดจริงหรือไม่ สิ่งที่พูดกับสิ่งที่กระทำก็เป็นการหลอกประชาชนคนไทยเท่านี้เอง ก็อยากถามว่าที่มีการดำเนินการที่ตำบลชำราก จังหวัดตราด มีการบุกรุกอยู่ 3 จุด ที่ฝ่ายกัมพูชามีการก่อสร้างอาคารกาสิโนหลังที่ 2 และบ้านพักทหารชายแดนล้ำเข้ามาในพื้นที่เขตแดนไทยและไม่ยอมรื้อถอนออกไป
“อยากถามว่าให้ไปสร้างได้อย่างไร มีถนน 4 เลนเข้าไปเชื่อมเกาะกงกันด้วย มีเสาไฟฟ้า วัสดุก่อสร้างที่เข้าไปทำการก่อสร้างก็มาจากประเทศไทย คือเราแก้ไม่ตรงจุด มีคนไทยสีเทาๆ ไปหา(แดก)กับเค้า แล้วไปอ้างชื่อเขมร คือถ้าสร้างกาสิโนในประเทศไทยสร้างไม่ได้ เพราะมันผิดกฎหมาย ก็ไปสร้างที่เขมร แล้วไปอ้างจีนเทา ปัญหามันอยู่ตรงนี้ถ้าไทยเทาไม่เอื้ออำนวย มันก็สร้างไม่ได้ ที่มาที่ไปก็เป็นแบบนี้”
หากจะบอกว่าทุกคนก็รู้ใช่ไหมว่าวัตถุก่อสร้าง หรือสินค้าต่าง ๆ ส่งไปจากที่ไหน เช่นที่ชำราก ก็ไปจากตราด สายตะกูก็มาจากบุรีรัมย์ ช่องจอม ก็มาจากสุรินทร์ ช่องชะงำมาจากศรีสะเกษ ช่องอานม้า มาจากอุบลฯ เป็นต้น
อดีตรองแม่ทัพภาคที่ 2 ระบุว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่สามารถแก้ได้หรือยุติได้ ก็เพราะคนที่ทำไม่คิดทำเพื่อประเทศชาติ ถ้าคิดทำเพื่อชาติจริง ๆ ก็ต้องหยุดหมดทุกอย่าง โดยเฉพาะคนที่คิดได้ สั่งได้ คือคนที่มีอำนาจ นั่นก็คือรัฐบาล ดังนั้นรัฐบาลต้องทำให้จบไม่เช่นนั้นทุกอย่างจะยืดเยื้อ เขมรก็จะใช้วิธีเดิม ๆ เพื่อรุกเข้ามาในอธิปไตยไทย
“รู้มั้ยว่าเพราะอะไรที่เขมรต้องเป็นฝ่ายรุกเข้ามา ก็เพราะคนไทยไม่เดินไปหาเขมร มีแต่เขมรเดินเข้ามาหาเรา เพราะไทยเราเจริญ มีน้ำ มีไฟ มีถนนหนทางอย่างดี มีความอุดมสมบูรณ์ เขมรก็อยากเข้ามา นี่คือสาเหตุให้เรามีโอกาสเสียดินแดนเพิ่มขึ้นได้ทุกวินาที”
ดังนั้นหาก ‘รัฐบาลอนุทิน’ ต้องการแก้ปัญหาจริง ๆ หลังคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนปฏิบัติหน้าที่แล้ว ก็เดินหน้าทำงานได้เลย ซึ่งนายกฯอนุทิน ก็ต้องนัดหารือกับฮุน มาเนต เพื่อกำหนดแนวทางว่าจะทำอย่างไร ส่วนด้านความมั่นคง ทั้งสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) หรือ ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ก็ต้องชัดเจนว่าจะเดินหน้าอย่างไร ไม่ใช่แค่ประคองตัว ยื้อเยื้อ ผ่อนปรนไปเรื่อย ๆ
“หลักใหญ่เราต้องยึดหลักการรักษาดินแดนของเราไว้ ถ้าเราผ่อนปรนไปเรื่อย ๆ เราก็จะเสียดินแดนได้ คุณอนุทิน ต้องไปทวงถามคำว่าสันติภาพ ที่ฮุน มาเนต บอกเปลี่ยนนโยบายเป็นสันติภาพ ซึ่งชายแดนจะต้องมีสันติภาพเกิดขึ้น การจะเกิดสันติภาพที่ชายแดนได้จริง กำลังที่กำลังเผชิญหน้าอยู่นั้นต้องปรับกำลังและถอยออกไป และต้องไม่มีการเข้ามาอย่างเด็ดขาด”
สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาเมื่อมีการถอนกำลังออกไป ก็จะไม่เกิดปัญหาการลอบฝัง ลอบวางทุ่นระเบิด และจะไม่มีการกระทบกระทั่งเหมือนที่ผ่านมา เพราะเมื่อทหารไม่เข้ามา ประชาชนก็ไม่เข้ามายั่วยุ ก็จะไม่มีปัญหาอะไร พร้อมปล่อยให้คณะกรรมการปักปันเขตแดนดำเนินการต่อไป
“ไทย-กัมพูชา ลงนามข้อตกลง JBC เห็นพ้องใช้เทคโนโลยี LiDAR สำรวจพื้นที่เขตแดนร่วม 45 จุด พร้อมเดินหน้าจัดทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ เพื่อความแม่นยำในการจัดทำหลักเขต ซึ่งหาได้ง่ายไม่นานก็เสร็จ เมื่อได้ข้อมูลแล้ว ก็นำมาขึ้นโต๊ะ ก็น่าจะมีพื้นที่เหลื่อมล้ำอยู่แล้ว ก็มาเจรจากันก็จะจบเรื่องความชัดเจน เช่นถ้าเขมรล้ำมา 10 ไร่ ไทยจะเอาคืนตรงไหน ก็มาหาข้อสรุป เหมือนที่ไทยทำกับมาเลเซีย ก็จบ”
แต่หากจะมาใช้กำลังในการแก้ไขข้อพิพาท ก็จะก่อให้เกิดอันตรายและสิ้นเปลืองกันทั้ง2ฝ่าย สู้เอางบประมาณตรงนี้ไปพัฒนาตรงจุดอื่น พัฒนาเศรษฐกิจดีกว่า เพียงแต่ถามว่ารัฐบาลอนุทินจะกล้าทำหรือไม่ ส่วนการจะปรับกำลังของทหารนั้นก็ให้เป็นเรื่องของทหาร เพราะแต่ละพื้นที่ไม่เหมือนกัน
รัฐบาลจำเป็นต้องชัดเจน เพื่อให้หน่วยงานความมั่นคงเดินหน้าต่อได้ ทั้งกองทัพภาคที่ 1 และกองทัพภาคที่ 2 จะได้กำหนด ‘วัน ว. เวลา น.’ ในทางทหารที่จะลงมือปฏิบัติการตามแผน พื้นที่ตรงไหน ปรับกำลังทหารออกเมื่อไหร่ และชาวบ้านต้องถอยออกเมื่อไหร่ต่อไป
“เมื่อถึงวัน ว. เวลา น.แล้วฝ่ายเขมรไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง ฝ่ายไทยก็มีอำนาจในการที่จะผลักดันออกไป ตรงนี้แหละจะชี้ให้เห็นความชอบธรรม เพราะถ้าถึงเวลาแล้วคุณไม่ทำ เราถล่มได้เลย”
พล.ท.กนก ย้ำว่าการจัดทำแผนปฏิบัติการดังกล่าว หน่วยงานในพื้นที่สามารถจัดทำได้ เพียงแต่ต้องไปอธิบายให้นายกฯอนุทินเข้าใจ จะได้ไปคุยกับฮุน มาเนต ให้เข้าใจ เมื่อแผนปฏิบัติการนี้สำเร็จ นายกฯเห็นด้วยก็ประกาศให้นักลงทุน ทหาร ประชาชนได้รับรู้ โดยเฉพาะผู้ที่อยู่บริเวณชายแดนจะได้มีความหวังว่า อีกกี่วันเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในบริเวณชายแดนจะคลี่คลายไปในทางที่ดี จากนั้นก็จะนำไปสู่การจัดระเบียบที่บริเวณชายแดนต่อไป
“ก็จะมาถึงการเปิดชายแดนเพื่อการค้าขาย ย้ำไม่ใช่เพื่อการอยู่อาศัย ไม่จำเป็นต้องเปิดทุกจุด จุดไหนเรียบร้อยเราก็เปิด จุดไหนมีปัญหาเราก็ยังไม่เปิด เมื่อมีการประกาศชัดเจน ทุกคนก็จะให้ความร่วมมือ ต้องให้ไปฟังเพลงชาติไทย ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย ฟังให้จบจะได้ทำตาม ไม่ใช่ฟังคนละทิศละทางแบบทุกวันนี้”
ที่สำคัญอยากให้ทุกคนได้คิด และตระหนักว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นกับตัวเรา
“เรามีบ้าน อยู่ในพื้นที่ของเรา แล้วทำไมเราต้องล้อมรั้ว ก็เพื่อจะได้ปกป้องรักษาที่ดินของเราไม่ให้ใครมาบุกรุกใช่หรือไม่ ก็เปรียบได้กับบริเวณชายแดนที่เกิดขึ้น เสมือนว่าเขมรเป็นโจร บุกรุกบ้านเรา แล้วบางส่วนก็ปีนเข้าบ้านเรา เราจะนึกภาพออกว่าเมื่อเขมรปีนเข้ามาบ้านเรา เราจะเปิดประตูค้าขายกับเขาอีกหรือ ต้องทำให้จบไม่ใช่ประชุม GBC แล้วโยนไป RBC ไม่ถูกต้อง”
อดีตรองแม่ทัพภาคที่ 2 ย้ำว่า รัฐบาลต้องรีบจัดการให้เด็ดขาด ถ้ายังคาราคาซัง ไทยจะเสียดินแดนเพิ่ม เพราะเขมรมีพฤติกรรมที่พร้อมรุกราน และใช้วิธีรุกโดยทหาร เข้ามาสร้างครอบครัว ตามด้วยประชาชนเข้ามาจัดสรรกันอยู่ หากปล่อยให้เป็นแบบนี้เราจะยิ่งจัดการยากขึ้น อีก 5 ปีหรือ 10 ปีข้างหน้า เราจะเสียพื้นที่เพิ่มเท่าไหร่ การสู้รบก็จะรุนแรงขึ้น เพราะต่างก็สะสมกำลังอาวุธ กำลังพล พร้อมพัฒนาให้ทันสมัยเพื่อเอามาใช้ ในการสู้รบกัน
“คุณอนุทิน ต้องเร่งดำเนินการเรื่องเขตแดน สร้างรั้วตลอดแนว ตราบใดยังตกลงกันไม่ได้เรื่องเขตแดน ก็สร้างรั้วไม่ได้ ก็ขายฝันไปวัน ๆ ประชาชนของทั้ง 2 ประเทศและที่อยู่บริเวณชายแดนก็ยิ่งเพิ่มความเกลียดชังกันมากขึ้นกลายเป็นผลเสียให้ทั้ง 2 ประเทศ”
ถึงวันนี้คงต้องฝากความหวังไว้ที่รัฐบาลอนุทิน ที่จะเข้ามาดำเนินการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา และใช้กลยุทธ์ต่าง ๆ เพื่อทำให้ ‘ฮุน มาเนต’ ร่วมลงมือสร้างพื้นที่ความขัดแย้งให้เป็นพื้นที่แห่งสันติภาพและความมั่นคง ตามที่ฮุน มาเนต ส่งสารแสดงความยินดีในฐานะนายกฯคนที่ 32 บรรลุเป้าหมายให้จงได้!
ข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่
Facebook :https://www.facebook.com/SpecialScoopManagerOnline/
Instragram :https://instagram.com/special.scoop.mgronline
Tiktok :https://vt.tiktok.com/ZSe4j