อุณหภูมิทางการเมืองร้อนฉ่า‘แดง-น้ำเงิน-ส้ม’ ชิงความได้เปรียบต่อเนื่องวงในนายทุนและเพื่อไทย ยัน‘ทักษิณ’ สู้เต็มที่พิสูจน์ชัด‘อำนาจ-บารมี’ ถดถอยวางอัศวินขี่ม้าขาว ที่รู้กันในวงแคบว่าคือ‘พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค’ หน.รทสช คนของบิ๊กตู่ ว่ากันว่ามีสายสัมพันธ์ที่ดีกับ‘นายหญิง’ เชื่อมมาทาง ณ ป้อมเพ็ชร์เป็นนายกฯ แต่พลาดเพราะพรรคร่วมแตกแถว แถมงูเห่าเพื่อไทย ไปหนุนเสี่ยหนูเดินเกมเจรจา‘ธนาธร’ ส่ง‘สุริยะ หารือแม่ธนาธร’ เพื่อขอให้‘พรรคประชาชน’ มาร่วมหนุนก็ไม่สำเร็จ ตั้งกองทุนแจก‘กล้วย’ กลับพบว่า สส.ยุคนี้ไม่หิวเงิน แต่กลัวสอบตกช้ำใจยุบสภาดีกว่า ขณะที่ภูมิใจไทย รุกแรงและเร็วหมายมั่นส่ง ‘อนุทิน’ เป็นนายกฯ คนที่ 32จับตาหมากเกมนี้สีไหนจะคว้าชัยชนะได้!
การตัดสินใจของพรรคประชาชนพร้อมเงื่อนไข 5 ข้อ ที่จะร่วมโหวตให้ ‘อนุทิน ชาญวีรกูล’ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 นั้นได้รับการตอบรับจากนายอนุทิน และบรรดาพรรคต่าง ๆ ที่จะร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลเป็นอย่างดี และทุกข้อเสนอนายอนุทิน ยืนยันพร้อมปฏิบัติตามเงื่อนไข
ส่วนการจัดตั้งรัฐบาลที่มีนายอนุทิน เป็นนายกรัฐมนตรี จะสำเร็จหรือไม่? ยังเป็นเรื่องที่ต้องติดตาม เพราะสภาวะการเมืองที่เกิดขึ้นเวลานี้เป็นเกมการชิงไหว ชิงพริบ ตลอดเวลา เมื่อสีแดงคือพรรคเพื่อไทยไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ก็อย่าหวังว่าขั้วสีน้ำเงินที่มีนายอนุทิน เป็นหัวหน้าทีมจะเป็นนายกฯ ได้ง่าย ๆ
‘กรณีที่นายภูมิธรรม เวชยชัย ทูลเกล้าฯ ยุบสภา ก็คือเกมการเมืองของเพื่อไทยที่ต้องการสกัดพรรคสีน้ำเงิน เพราะรู้สึกผิดหวังจาก สส.ในพรรคตัวเองที่กลายเป็นงูเห่า ผิดหวังจากธรรมนัส พรหมเผ่า พรรคกล้าธรรม ที่ทำตัวเป็นเงาตามติดเสมือนเป็นเพื่อไทยสาขา 2 ก็ยังมาหักหลังกันได้ และผิดหวังที่สุดคือพรรคส้ม เรียกว่าทักษิณ เจ็บจี๊ด ๆ”
แหล่งข่าวจากแกนนำพรรคเพื่อไทยและนายทุนพรรค บอกว่า คนที่เจ็บที่สุดในพรรคเพื่อไทย ก็คือ นายทักษิณ ชินวัตร ที่วันนี้ต้องทำใจให้ได้แล้วว่า ‘อำนาจ-บารมี-ทุน’ ที่ทำให้เขารู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ทางการเมืองมันถูกลดทอนลงไปแล้ว เพราะเกมการต่อสู้ทางการเมืองก่อนหน้านี้อาจจะรู้สึกว่าตัวเองชนะพรรคภูมิใจไทย ที่สามารถเด้งให้พรรคนี้ไปเป็นฝ่ายค้านและยึดกระทรวงมหาดไทยมาได้เพื่อใช้กลไกของมหาดไทยให้สามารถชนะในศึกเลือกตั้งครั้งต่อไปได้
โดยที่นายทักษิณ และบรรดาแกนนำในพรรคเพื่อไทย ไม่รู้เลยว่า สส.ในมุ้งต่าง ๆ เริ่มส่งสัญญาณกันมาหลายเดือนแล้วว่าจะย้ายไปอยู่พรรคภูมิใจไทย หรืออาจจะรู้ก็ได้ แต่ไม่ใส่ใจเพราะคิดว่า สส.เหล่านี้ไม่มีทางย้ายพรรค ซึ่งเชื่อว่าถ้าออกจากเพื่อไทย ก็จะมีโอกาสสอบตกสูง จึงมักจะพูดกดดันในพรรคอยู่หลายครั้งว่า สส.คนนี้ รอบหน้าพรรคจะไม่ส่งลงสมัครแล้ว หากสั่งให้ทำอะไรแบบซ้ายหันขวาหันแต่ไม่ยอมปฏิบัติตาม
“สส.ไม่ใช่พนักงานบริษัทจะต้องทำตามทุกอย่างตามที่แกนนำสั่ง จริง ๆ ต้องเข้าใจด้วยว่า สส.ทุกคนไม่ใช่หิวเงินทั้งหมด จนต้องทนอยู่ แต่สิ่งที่ สส.กลัวที่สุดคือการสอบตก คนพวกนี้อยู่ในพื้นที่ย่อมรู้ว่าพื้นที่ไหนตระกูลชินวัตรและเพื่อไทย ขายไม่ได้แล้ว โดยเฉพาะจังหวัดที่ติดชายแดนเขมร บอกได้เลยถ้าไม่ย้ายพรรคสอบตกแน่ ๆ ปัญหาระหว่างฮุนเซนกับทักษิณและหลานอิ๊งค์ มันมากมายจริงๆ”
ที่สำคัญเมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 6:3 วินิจฉัยให้นายกฯ อิ๊งค์ ‘แพทองธาร ชินวัตร’ สิ้นสุดความเป็นนายกรัฐมนตรี คดีคลิปเสียงคุย "ฮุน เซน" และส่งผลให้คณะรัฐมนตรีพ้นตำแหน่งทั้งคณะ ยิ่งทำให้เกมการเมืองต้องพลิกขั้วไปอย่างรวดเร็วหลังศาล รธน.วินิจฉัยจบลง เพราะทั้งนายอนุทิน และนายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย เดินเกมเร็วรวมเสียงพรรคร่วมฝ่ายค้าน และพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบันเสนอนายอนุทิน เป็นนายกฯ คนที่ 32 พร้อมเดินทางไปพรรคประชาชน เพื่อรับข้อเสนอร่วมสนับสนุนนายอนุทิน โดยที่ไม่เข้าร่วมเป็นรัฐบาลหรือรับตำแหน่งรัฐมนตรีใด ๆ แต่ยังคงเป็นฝ่ายค้านต่อไป
ทั้งนี้การรวมเสียงสนับสนุนนายอนุทิน ได้ประมาณ 146 เสียง บวกกับพรรคประชาชนอีก 143 เสียง รวม 289 เสียง ซึ่งเกินกึ่งหนึ่งคือ 247 เสียงแล้ว
หากจะถามว่านายทักษิณ และพรรคเพื่อไทยอยู่นิ่ง ๆ ไม่เคลื่อนไหวใต้ดินอะไรจริงหรือไม่ แหล่งข่าว ระบุว่า นายทักษิณ ได้มีการเตรียมการไว้บ้างแล้วตั้งแต่ที่อดีตนายกอิ๊งค์ มีความเสี่ยงว่าจะมีโอกาสผิดจริยธรรมร้ายแรง และรู้ว่าจะต้องเผชิญปัญหาหากต้องเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีแม้เพื่อไทยจะมีแคนดิเดต คนที่ 3 คือนายชัยเกษม นิติสิริ แต่ในความเป็นจริงนายทักษิณ , ครอบครัวชินวัตร และแกนนำพรรคก็รู้ว่า ควรจะต้องมีตัวเลือกอื่นไว้ด้วย เพราะนายชัยเกษม เป็นคนที่เป็นตัวของตัวเอง และรักษาหลักนิติธรรมสูงมาก จะสั่งให้ทำอะไร จะเป็นเรื่องที่ยากมาก หากเห็นว่าไม่ถูกต้อง
“กลุ่มทุน ก็หารือเรื่องนี้กันกับนายใหญ่ ก็บอกว่านายชัยเกษม มีเงื่อนไขไม่เอา หมอมิ้ง มาเป็นเลขาธิการนายกฯ แน่ ต้องเลือกคนที่เขาไว้ใจมาทำงานให้ เราจึงเห็นว่าพรรคก็ไม่ได้สนับสนุนหรือดันอาจารย์ชัยเกษม แต่ในความเป็นจริงนายใหญ่ นายหญิง มีตัวเลือกอยู่ในใจกันแล้ว และไม่คิดว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะแตกไปหนุนนายอนุทินกัน”
แหล่งข่าวอธิบายว่า ที่นายชัยเกษม พูดว่าอาจมีอัศวินขี่ม้าขาวพุ่งพรวดมาก็ได้ ที่จะมานั่งเป็นนายกฯ นั่นก็เพราะนายชัยเกษม รู้ว่านายใหญ่เตรียมคนไว้เพียงแต่ยังไม่มีการขยายความชัดเจนว่าคือใครชัดเจน แต่กลุ่มทุนที่สนิทกับคนในพรรคบอกว่า คนที่นายใหญ่ต้องการให้มานั่งเป็นนายกฯ ชั่วคราวก่อนที่จะมีการยุบสภา หรือถ้าประคองรัฐบาลไปได้ก็อยากให้อยู่ยาว คือนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เพราะวันนี้นายใหญ่กับนายพีระพันธุ์ พูดคุยกันรู้เรื่อง แถมยังเป็นที่รักของนายหญิง
“คนภายนอกมองว่า คุณพีระพันธุ์ เป็นคนแข็ง เจ้าหลักการ สั่งไม่ได้ แต่ถ้ามาเทียบกับอาจารย์ชัยเกษมแล้ว จะรู้ว่า อาจารย์ชัยเกษม คือตัวจริง สั่งไม่ได้ แต่คุณพีระพันธุ์ ผสมผสานเข้าใจกับนายใหญ่และยังมีสายที่เชื่อมต่อกับนายหญิง ทางด้าน ณ ป้อมเพ็ชร์ ทำให้คุณพีระพันธุ์ นั่งเป็นรัฐมนตรีพลังงานได้ โดยที่กลุ่มทุนเกิดอาการอึดอัดก็ต้องทนอึดอัดอยู่แบบนี้”
สำหรับอัศวินขี่ม้าขาว ที่อาจารย์ชัยเกษมกล่าวไว้ ในส่วนของกลุ่มทุน บอกชัดว่า คือนายพีระพันธุ์ ที่เป็นสายตรงของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี และยังเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค รทสช.ด้วย
“นายใหญ่และแกนนำพรรครู้ว่า บิ๊กตู่ ไม่กลับมาเป็นนายกฯ แน่ ๆ และการส่งไม้ต่อให้พีระพันธุ์ จึงเป็นเรื่องที่ทำให้รักษาสัมพันธภาพไว้ได้ดีที่สุด แม้ว่านายพีระพันธุ์จะมีข้อเสียที่บรรดา สส.ทั้งในพรรค รทสช.กว่าครึ่งและพรรคร่วมไม่ชอบ แต่ก็คิดว่า ถ้า สส.ในพรรคร่วมยังไม่แตกแถว และมีสัญญาณจากบิ๊กตู่ส่งมาให้หนุนพีระพันธุ์ ก็เชื่อว่า นายอนุทิน ถอยไม่กล้าแข่งแน่นอน และเสียง สส.ที่มีอยู่ในมือก็เกินกึ่งหนึ่งที่จะดันนายพีระพันธุ์ได้ ส่วนปัญหาที่มีคดีความอยู่ใน ป.ป.ช.นั้น มีการคุยกันแล้วและนายพีระพันธุ์ ยืนยันทุกอย่างไม่เป็นปัญหาพร้อมมีหลักฐานชี้แจงได้ทั้งหมด เพราะตัวเขาก็เป็นนักกฎหมาย เป็นผู้พิพากษามาก่อน ก็ย่อมรู้ว่าจะชี้แจงอย่างไรที่จะทำให้รอดหรือไม่รอด”
ต่อเมื่อสมการต่างๆ ไม่ได้เป็นอย่างที่นายใหญ่คิดไว้ เพราะพรรคภูมิใจไทย เดินเกมเร็วมากและชัดเจนที่สุดเมื่อมีงูเห่าเพื่อไทย มีพรรคกล้าธรรม กลุ่มนายสุชาติ ชมกลิ่นจากพรรค รทสช.และยังเดินเกมดึงพรรคประชาชน 143 เสียงเข้าร่วม
เมื่อเกมการเมืองเปลี่ยนไปเช่นนี้ยิ่งเพิ่มแรงฮึดสู้ให้นายใหญ่และพรรคเพื่อไทย ต้องเคลื่อนไหวโดยด่วนและรีบสกัดนายอนุทิน ไม่ให้มีโอกาสเป็นนายกฯ คนที่ 32 โดยนายทักษิณ ได้ติดต่อพูดคุยกับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ไม่เพียงเท่านั้น นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ยังทำหน้าที่ไปเจรจาพูดคุยกับนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ คุณแม่ของนายธนาธร เพื่อให้หาทางสั่งพรรคประชาชนให้มาร่วมสนับสนุนนายกรัฐมนตรี ที่พรรคเพื่อไทยนำเสนอ ซึ่งก็น่าจะเป็นนายพีระพันธุ์ ตามที่กลุ่มทุนอธิบาย
“แต่ข้อเสนอไม่ได้ผล เพราะพรรคประชาชนเป็นคนรุ่นใหม่ เป็นตัวของตัวเองสูงมาก สั่งไม่ได้ หัวหน้าเท้งก็หนักแน่นมากให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมในการตัดสินใจว่าจะหนุนแดงหรือน้ำเงิน โดยหยิบเงื่อนไขต่าง ๆ มาเป็นเครื่องผูกมัด ทำให้นายสุริยะต้องนำความมาแจ้งให้นายทักษิณ ว่าเกมนี้ไม่สำเร็จ จนกระทั่งต้องส่งนายภูมิธรรมและแกนนำไปคุยไปง้อเพื่อแสดงความจริงใจก็ยังไม่สำเร็จ”
ว่ากันว่าไม่ใช่แค่ไปพูดคุยกับพรรคประชาชนเท่านั้น ยังมีการตั้งกองทุนไว้ในใจและรู้กันเฉพาะแกนนำคนสำคัญ เพื่อไว้ใช้ซื้อ ‘กล้วย’ แจกให้ทั้งคนที่เป็นงูเห่าและคนที่กำลังจะเป็นงูเห่าในพรรคร่วมรัฐบาลให้กลับมาโหวตให้กับพรรคเพื่อไทย แต่ทุกอย่างก็ไปไม่ถึงฝั่งฝัน แถมมีข่าวลือว่าทุนสีเขียว ช่วยแจกงูเห่าให้มาร่วมหนุนนายอนุทิน ทำให้นายทักษิณยิ่งเพิ่มดีกรีความโกรธเพิ่มไปอีก เพราะเกมนี้แสดงให้เห็นว่า ‘อำนาจ-บารมี-เงิน’ ที่นายทักษิณ เคยเรืองอำนาจนั้นวันนี้มันพ่ายแพ้จริงๆ
“พ่ายแพ้ แม้กระทั่งนายธรรมนัส ที่นักการเมืองส่วนใหญ่ก็รู้กันว่าเขาแสดงออกเสมอต้นเสมอปลายอยู่แล้ว ว่าประโยชน์แท้จริงคืออะไร ซึ่งนายทักษิณ ก็ยอมรับและขอโทษสมาชิกพรรคไปแล้วที่ทำให้พรรคสะดุด ผิดหวังที่ไปคบคนผิดและยืนยันจะไม่ทิ้งพรรคเพื่อไทย”
ดังนั้นเกมการเมืองครั้งนี้ยังต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิด เพราะพรรคเพื่อไทยก็เลือกใช้เกมยุบสภาเป็นเครื่องมือสกัดกั้นนายอนุทิน ซึ่งการยุบสภาเป็นพระราชอำนาจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หากมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ยุบสภา ก็จะเข้าสู่กระบวนการจัดให้มีการเลือกตั้งภายใน 45-60 วัน ซึ่งจะเริ่มนับจากมีพระราชกฤษฎีกายุบสภาประกาศในราชกิจจานุเบกษาและสภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลงทันที
ล่าสุดมีข่าวยืนยันว่า ทางสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ได้รับแจ้งเป็นหนังสือตีกลับจากสำนักองคมนตรี ในฐานะหน่วยงานกลั่นกรองและถวายความเห็นประกอบการกราบบังคมทูลเพื่อทรงมีพระบรมราชวินิจฉัย และทรงลงพระปรมาภิไธย พร้อมส่งคืนร่างพระราชกฤษฎีกายุบสภา มายัง สลค. แล้ว
ดังนั้นหากสภาฯ จัดให้มีกระบวนการเลือกนายกรัฐมนตรี และนายอนุทิน ได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ก็ต้องเร่งเข้ามาแก้วิกฤตของประเทศ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และเรื่องชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งหากรัฐบาลนายอนุทินทำได้จริง โดยมีการประกาศไว้แล้วว่าจะดึงคนภายนอกที่มีความสามารถเข้ามาแก้ปัญหาเศรษฐกิจ หากทำสำเร็จ เชื่อว่าเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคภูมิใจไทย น่าจะมีโอกาสได้ สส. มากขึ้น ขณะที่นายทักษิณ และพรรคเพื่อไทย จะกอบกู้วิกฤตพรรคเพื่อไทยได้หรือไม่ ต้องติดตาม..
ข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่
Facebook :https://www.facebook.com/SpecialScoopManagerOnline/
Instragram :https://instagram.com/special.scoop.mgronline
Tiktok :https://vt.tiktok.com/ZSe4j