สารพัดลางร้ายของผู้นำประเทศ “นายกฯตู่” ผวาฝูงอีกาบุกตึกบัญชาการ ขณะที่ “ยิ่งลักษณ์” เจอต้นไม้เก่าแก่โค่นคาทำเนียบ พานศาลพระภูมิตกแตกเป็น 2 เสี่ยง หนำซ้ำภาพถ่ายคล้ายถูกแขวนคอ ด้าน “อภิสิทธิ์” ประสบทั้งลางดี-ลางร้าย ผึ้งหลวงทำรังเป็นรูปหัวใจ อีการ้องไล่ประธานสภาฯ ส่วน “นายกฯ สมัคร” ถูกศาล รธน.ตัดสินให้พ้นจากตำแหน่ง หลังต้นคูนประจำทำเนียบล้ม ด้าน “ทักษิณ” เจออาถรรพ์ตัวเงินตัวทองถึง 4 ครั้ง บ้างปีนขึ้นไปหาถึงตึกไทยคู่ฟ้า
ฤกษ์ยาม วันธงชัย ลางดีลางร้าย รวมถึงอาเพศต่างๆ ดูจะผูกพันกับสังคมไทยมานาน ไม่เว้นแม้แต่ในแวดวงการเมือง โดยทุกครั้งที่มีเหตุการณ์แปลกๆ เกิดขึ้นที่ทำเนียบรัฐบาล รัฐสภา หรือเกิดกับตัวนายกรัฐมนตรี จะมีการร่ำลือกันว่าน่าจะเป็นลางบอกเหตุว่าอาจจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับผู้นำประเทศ หรือสถานการณ์บ้านเมืองของไทย ส่วนว่าจะมีเหตุการณ์ใดบ้างนั้นคงต้อนย้อนไปไล่เรียงกัน
“บิ๊กตู่” ดาบหล่นใส่แขน
อีกานับร้อยบุกทำเนียบ
ล่าสุด กรณีที่ถูกพูดถึงอย่างมากคือเหตุการณ์ที่ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี ถูกดาบหล่นใส่แขนระหว่างที่ถวายดาบเพื่อสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 3 มี.ค.2566 ที่ผ่านมา โดยหลายฝ่ายมองว่าเป็น “ลางร้าย” ที่ส่งสัญญาณเตือนถึงความล้มเหลวทางการเมืองที่อาจเกิดขึ้นในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง
นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมายได้โพสต์ข้อความระบุว่า “เหตุอันเกิดแก่ พล.อ.ประยุทธ์ ในขณะถวายสักการะสมเด็จพระนเรศวร จนบาดเจ็บและป่วยต้องเข้าพักรักษาในโรงพยาบาล และยังพบแคลเซียมเกาะกระดูกคอ มีอนาคตที่จะเป็นอันตรายนั้น เป็นอะไร คือ เป็นนิมิต ลาง หรืออุบาทว์ ควรใส่ใจถามไถ่ผู้รู้ด้วยความไม่ประมาทเถิด ยามนี้ไม่อาจบอกได้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พอบอกได้ว่า ตอนนี้ท่านมีอาการเหนื่อย หน้าตาเศร้าหมองนัก”
และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ถูกร่ำลือว่าเกิดลางร้ายขึ้นกับ พล.อ.ประยุทธ์ โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 18 ต.ค.2561 ช่วงที่ พล.อ.ประยุทธ์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เกิดเหตุการณ์ประหลาด! มีฝูงอีกาหลายร้อยตัว บินมาเกาะอยู่ที่ต้นมะขาม เลียบคลองเปรมประชากร บริเวณด้านนอกทำเนียบรัฐบาล พร้อมส่งเสียงร้องดังไปทั่ว จากนั้นฝูงอีกาได้บินโฉบเข้าไปยังตึกบัญชาการ 1 และวนมาเกาะที่ยอดตึกไทยคู่ฟ้า ก่อนจะบินออกมาเกาะที่ต้นมะขามเช่นเดิม และเนื่องจากฝูงอีกาบินเข้าออกอยู่สักระยะหนึ่ง เป็นเหตุให้นกพิราบที่อยู่หน้าห้องผู้สื่อข่าวบินหนีออกไปนอกทำเนียบรัฐบาล ซึ่งบรรดาข้าราชการและสื่อมวลชนต่างวิจารณ์กันว่าอาจจะเป็นลางร้าย เป็นเหตุให้มีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น โดยเฉพาะสถานการณ์การเมืองในขณะนั้นซึ่งมีการเคลื่อนไหวอย่างเข้มข้น รวมถึงการที่นายกฯเปิดช่องทางสื่อสารผ่านโซเชียลหลายช่องทางเพื่อติดต่อกับประชาชน ซึ่งมีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นทั้งดีและไม่ดีเป็นจำนวนมาก
ลางร้ายภาพ “ยิ่งลักษณ์”
คล้ายถูกแขวนคอ
และไม่ใช่แค่นายกฯ ประยุทธ์เท่านั้น อดีตนายกฯ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ก็เป็นหนึ่งในนายกรัฐมนตรีที่มีเหตุการณ์ซึ่งถูกมองว่าเป็นลางร้ายเกิดขึ้นหลายครั้งหลายครา โดยเฉพาะเหตุการณ์เมื่อวันที่ 17 ก.ค.2555 ช่วงที่นายกฯ ยิ่งลักษณ์ เดินทางไปปฏิบัติภารกิจเยือนประเทศเยอรมนี และฝรั่งเศส ปรากฏว่าต้นกระพี้จั่นซึ่งเป็นต้นไม้เก่าแก่ประจำทำเนียบรัฐบาล ที่มีอายุราว 40 ปี และมีความสูงถึง 10 เมตร ซึ่งอยู่บริเวณข้างห้องผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล หรือที่เรียกว่ารังนกกระจอกเก่า ใกล้กับตึกนารีสโมสร ได้หักโค่นลงมา โดยปรากฏการณ์ดังกล่าวทำให้เกิดความฮือฮา และมีการตั้งข้อสังเกตไปต่างๆ นานา รวมทั้งวิพากษ์วิจารณ์ว่าอาจเป็นอาถรรพ์ หรือเป็นลางร้ายกับรัฐบาลยิ่งลักษณ์
ต่อมา วันที่ 30 ก.ค.2555 ช่วงเช้าก่อนที่นายกฯ ยิ่งลักษณ์ จะเดินทางไปเป็นประธานในพิธีทำบุญตักบาตรบนหลังช้าง ที่อนุสาวรีย์พระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง อ.เมือง จ.สุรินทร์ ได้เกิดเหตุการณ์ชายสติไม่สมประกอบ ได้เข้าไปหยอกล้อเล่นกับช้าง แต่ถูกช้างใช้งวงรัดแล้วโยนขึ้น จึงร่วงลงมากระแทกพื้น พร้อมเข้ากระทืบซ้ำ ได้รับบาดเจ็บสาหัส ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าอาจเป็นลางร้ายของรัฐบาลยิ่งลักษณ์
ตามด้วย วันที่ 24 ต.ค.2555 ขณะที่นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ได้เรียกรัฐมนตรีและผู้ที่คาดว่าจะได้เป็นรัฐมนตรีในการปรับ ครม.ยิ่งลักษณ์ 3 เข้าหารือที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ปรากฏว่าได้มีเมฆมืดครึ้มดำทะมึนปกคลุมไปทั่วบริเวณ และมีลมกระโชกแรง จนทำให้พานทองที่ศาลพระภูมิบริเวณสนามหญ้าด้านประตู 1 ทำเนียบรัฐบาล หน้าห้องทำงานผู้สื่อข่าว หรือรังนกกระจอกเก่า ซึ่งอยู่บริเวณทางเชื่อมระหว่างตึกไทยคู่ฟ้า ที่จะเดินมาตึกบัญชาการ 1 ล้มคว่ำตกลงมาจากศาล ส่งผลให้พานดังกล่าวแตกออกมาสองเสี่ยง พร้อมกันนี้ ขวดน้ำแดงที่นำมาสักการะก็ถูกลมพัดหกกระจายไปทั่ว ทำให้สื่อมวลชนตั้งข้อสังเกตว่า ปรากฏการณ์นี้จะเป็นลางร้ายกับรัฐบาลชุดนี้หรือไม่ เนื่องจากเกิดขึ้นท่ามกลางกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรีที่ยังไม่ลงตัว และต่อมาช่วงปลายเดือน ต.ค.2556 ได้เกิดการชุมนุมใหญ่เพื่อคัดค้านร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ซึ่งเป็นแรงกดดันให้นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ต้องประกาศยุบสภา ในวันที่ 9 ธ.ค.2556 โดยคณะรัฐมนตรียังคงปฏิบัติหน้าที่ในฐานะรักษาการต่อไปจนกว่าจะมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่
แต่ที่น่าตกใจที่สุดเห็นจะเป็นเหตุการณ์ที่มีผู้โพสต์ภาพของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในฐานะรักษาการนายกฯ ขณะกำลังทำความเคารพพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 หน้าบึงพลาญชัย อำเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด เนื่องในโอกาสที่เดินทางไปตรวจราชการที่จังหวัดร้อยเอ็ด ในวันที่ 19 ธ.ค.2556 เนื่องจากภาพดังกล่าวทำให้เกิดเสียงวิจารณ์ว่าเหมือน น.ส.ยิ่งลักษณ์ กำลังถูกแขวนคอ เพราะยืนซ้อนอยู่กับเสาไฟส่องสว่างด้านหลังพอดิบพอดี แสดงให้เห็นถึงลางไม่ดีของรักษาการรัฐบาลในขณะนั้น ซึ่งอีกไม่กี่เดือนต่อมา คือวันที่ 7 พ.ค.2557 ศาลรัฐธรรมนูญได้มีมติเอกฉันท์ถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จากกรณีที่มีส่วนใช้อำนาจแทรกแซงการโยกย้าย นายถวิล เปลี่ยนศรี จากตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ไปเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และแต่งตั้ง พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ในขณะนั้น ให้ดำรงตำแหน่งเลขาฯ สมช.แทน เพื่อเปิดทางให้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ขึ้นเป็น ผบ.ตร.
ยุค “อภิสิทธิ์” มาหมด
ทั้งอีกา-ผึ้ง-ตัวเงินตัวทอง
ส่วนลางดี-ลางร้ายในยุค นายกฯ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ดูจะข้องเกี่ยวกับสารพัดสรรพสัตว์ โดยเมื่อวันที่ 19 ก.พ.2552 ขณะที่มีการประชุมสภา ได้มีฝูงอีกากว่า 20 ตัว บินว่อนและส่งเสียงร้องดังสนั่นอยู่ตรงข้ามห้อง นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ทำให้เกิดเสียงวิจารณ์ว่าอาจเป็นลางร้าย หรืออาจจะเกิดเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงทางการเมืองอีกครั้ง
ต่อมา วันที่ 9 มี.ค.2552 ได้มีฝูงผึ้งหลวงบินมาเกาะทำรังอยู่ที่กิ่งต้นลีลาวดี ภายในทำเนียบรัฐบาล โดยใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็สามารถสร้างรังเป็นรูปหัวใจดวงโต อีกทั้งผึ้งหลวงไม่ได้แสดงอาการตกใจกับผู้คนที่มารุมล้อมสังเกตการณ์ ขณะที่บรรดาข้าราชการทำเนียบจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นนิมิตหมายที่ดี และเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นมงคล เนื่องจากคติโบราณระบุว่า ผึ้ง เป็นสัตว์นำโชคลาภมาให้ และส่วนใหญ่ผึ้งมักทำรังตามต้นไม้ใหญ่ซึ่งอยู่ในที่สงบ อย่างไรก็ตาม ช่วงหนึ่งได้มีอีกาบินมาวนดูรังผึ้ง และทำท่าจะโฉบลงไปอีก ทำให้ฝูงผึ้งส่วนหนึ่งแตกฮือบินเข้ารุมต่อยอีกาจนบินหนีไป ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้แก่ผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก
จากนั้น วันที่ 27 ส.ค.2552 ทำเนียบรัฐบาลได้เกิดเหตุการณ์แปลกๆ โดยมีกลิ่นเน่าเหม็นคล้ายซากสัตว์ตายโชยคละคลุ้งไปทั่วบริเวณอาคารผู้สื่อข่าวหลังใหม่ และพบว่ามีซากตัวเงินตัวทองขนาดใหญ่ ความยาวกว่า 2 เมตร ตายอยู่ในท่อระบายน้ำ ทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าอาจเป็นลางร้ายเตือนรัฐบาล เนื่องจากที่ผ่านมาไม่เคยเกิดเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้มาก่อน เพราะปกติตัวเงินตัวทองจะสามารถเดินหากินอยู่ในท่อระบายได้อยู่แล้ว
ช่วงนายกฯ “สมัคร” ต้นคูนล้ม
ตัวเงินตัวทองผสมพันธุ์
ขณะที่ยุค นายกฯ “นายสมัคร สุนทรเวช” ก็มีลางร้ายเกิดขึ้นเช่นกัน โดยวันที่ 6 มี.ค.2551 ได้เกิดเหตุตัวเงินตัวทองบุกรัฐสภา โดยตัวเงินตัวทองรุ่นหนุ่มตัวยาว 1 เมตร ได้หลุดเข้าทางประตูด้านข้างของอาคารรัฐสภา 1 ซึ่งตามปกติประตูด้านนี้จะถูกปิดตาย จากนั้นตัวเงินตัวทองก็วิ่งเข้าไปตรงตู้จดหมายของ ส.ส. ซึ่งเป็นบริเวณห้องทำบัตรประจำตัว ส.ส. และใช้เท้าตะกายตู้ พร้อมกับส่งเสียงขู่ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ตัวเงินตัวทองบุกเข้าไปภายในตัวอาคารรัฐสภา โดยที่ผ่านมา จะอยู่แค่ภายนอกอาคาร หรือบริเวณบ่อปลาคราฟเท่านั้น ข้าราชการจึงวิจารณ์กันไปต่างๆ นานา บ้างก็ว่าอาจเป็นลางร้ายทางการเมือง
จากนั้น วันที่ 9 ก.ค.2551 ก็มีลางร้ายเกิดขึ้นอีกครั้ง โดยต้นคูนซึ่งเป็นต้นไม้ใหญ่คู่ทำเนียบรัฐบาล ได้ล้มลงทั้งรากทั้งโคน ขณะที่นายกฯ สมัคร กำลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ ณ ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า เหตุดังกล่าวทำให้เจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบฯ ต่างผวาไปตามๆ กันว่าอาจเป็นลางบอกเหตุอาเพศ ซึ่งในวันเดียวกันศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยชี้ขาดให้ นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พ้นจากตำแหน่ง ทั้งนี้ต้นคูนดังกล่าวได้นำมาปลูกในช่วงที่ นายยงยุทธ ติยะไพรัช เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งต้องการปรับภูมิทัศน์ภายในทำเนียบรัฐบาล ช่วงการประชุมเอเปก
ต่อมา วันที่ 25 ก.ค.2551 ได้มีตัวเงินตัวทอง 2 ตัว ผสมพันธุ์กันอยู่ในคลองหลังตึกสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ซึ่งอยู่ติดกับห้องที่ใช้ประชุม ครม.พอดี โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเป็นเวลานานกว่า 1 ชั่วโมง ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ต่างๆ นานา โดยเฉพาะการวิจารณ์ถึงความแตกแยกในสังคมไทยที่มีต้นตอมาจากความเห็นต่างทางการเมืองซึ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น ถึงขั้นม็อบตีม็อบ ทั้งที่ จ.อุดรธานี และ จ.บุรีรัมย์
และไม่ว่าลางร้ายดังกล่าวจะมีจริงหรือไม่ แต่ในวันที่ 9 ก.ย.2551 ศาลรัฐธรรมนูญก็ได้วินิจฉัยให้นายสมัคร สิ้นสุดจากการเป็นนายกรัฐมนตรี เนื่องจากมีการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ จากกรณีเป็นพิธีกรกิตติมศักดิ์ของรายการ “ชิมไปบ่นไป” และ “ยกโขยง 6 โมงเช้า”
ตัวเงินตัวทองเหิมหนัก
สมัย “ทักษิณ”
และที่จะขาดเสียมิได้คือลางร้ายที่เกิดขึ้นในช่วงการบริหารงานของอดีตนายกรัฐมนตรี 2 สมัย อย่าง “นายทักษิณ ชินวัตร” ซึ่งน่าแปลกที่ล้วนแต่เป็นลางร้ายซึ่งเกิดจากฤทธิ์เดชของตัวเงินตัวทองทั้งสิ้น เริ่มจากวันที่ 9 ธ.ค.2546 ได้เกิดความแตกตื่นขึ้นที่บริเวณโรงจอดรถ ภายในทำเนียบรัฐบาล เนื่องจากมีตัวเงินตัวทอง ความยาวประมาณ 2 เมตร วิ่งขึ้นจากท่อระบายน้ำมุ่งหน้าไปตึกไทยคู่ฟ้า ซึ่งเป็นห้องทำงานของนายกรัฐมนตรี ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ข้าราชการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างสนุกปาก เพราะถือเป็นครั้งแรกที่ตัวเงินตัวทองเข้ามาในทำเนียบรัฐบาล หลังจากที่ได้มีการปรับปรุงอาคารขึ้นมาใหม่
ต่อมา วันที่ 20 เม.ย.2548 ระหว่างที่มีการประชุมสภาได้มีตัวเงินตัวทองความยาวประมาณ 1 เมตร โผล่ขึ้นมาบริเวณร้านอาหารข้างลานจอดรถ และได้พยายามขึ้นไปยังลานจอดรถชั้น 2 ของรัฐสภา แต่ไม่สำเร็จ เพราะตื่นผู้คนและช่างภาพสื่อมวลชน ทำให้พ่อค้าแม่ค้า และเจ้าหน้าที่รัฐสภาต่างวิพากษ์วิจารณ์กันว่าตั้งแต่เปิดสภาฯ ในยุครัฐบาลทักษิณ ได้มีตัวเงินตัวทองโผล่ขึ้นมาบ่อยมาก
และในเวลาบ่าย 3 โมง ของวันเดียวกัน ขณะที่นายกฯ ทักษิณ นั่งทำงานอยู่บนชั้น 2 ของตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ปรากฏว่ามีลูกตัวเงินตัวทองขนาด 1 ฟุต ปีนตามผนังตึกขึ้นไปที่ชั้น 2 ฝั่งตรงข้ามกับห้องที่นายกฯ ทำงาน และเกาะอยู่ที่ผนังตึกด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า สูงจากพื้นดินประมาณ 3 เมตร โดยใช้เวลาเกาะนานกว่า 30 นาที จนกระทั่งใกล้เวลาที่นายกฯ จะลงจากตึก คนสวนของทำเนียบฯ จึงปีนขึ้นไปใช้ไม้ไล่ แต่ตัวเงินตัวทองพยายามปีนหนีขึ้นไปบนชั้น 2 ของตึก แต่หนีไม่พ้น ถูกเขี่ยลงมาบนพื้นดิน
โดยเหตุการณ์ดังกล่าวได้มีหมอดูชื่อดังออกมาเตือนว่า “ นี่คือลางไม่ดี รัฐบาลและท่านนายกฯ จะมีเรื่องร้ายเก่าๆ กลับมาสร้างปัญหาหรือคลื่นใต้น้ำจากบริวาร คนรอบข้างจะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงเป็นอย่างมาก”
จากนั้น วันที่ 21 มิ.ย.2548 หลังจากเสร็จสิ้นการประชุม ครม. มีตัวเงินตัวทอง ขนาดยาวประมาณ 1.2 เมตร หลุดเข้าไปในบริเวณโรงจอดรถประจำตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรี หลังจากนั้นอีกประมาณเกือบ 1 ชั่วโมง ได้มีตัวเงินตัวทองอีกตัว ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าตัวแรกมุดเข้ามาในทำเนียบรัฐบาลอีกครั้ง แล้ววิ่งเข้าไปหลบที่ใต้ท้องรถยนต์ประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรี ประมาณ 5 นาที ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของผู้พบเห็น ทั้งผู้สื่อข่าว และเจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบว่าอาจเป็นลางบอกเหตุทางการเมืองอะไรบางอย่างก็เป็นได้
ซึ่งในช่วงปลายปี 2548 ได้เกิดการชุมนุมประท้วงขับไล่นายกฯ ทักษิณ โดยกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เนื่องจากข้อครหาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนและการฉ้อราษฎร์บังหลวง โดยมีการชุมนุมอย่างต่อเนื่องและขยายตัวในวงกว้างไปยังบุคคลหลากหลายสาขาอาชีพในเวลาต่อมา ส่งผลให้นายกฯ ทักษิณ ประกาศยุบสภาในวันที่ 24 ก.พ.2549 และจัดให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 2 เม.ย.2549 แต่ท้ายที่สุดการเลือกตั้งดังกล่าวก็ถูกศาลรัฐธรรมนูญพิพากษาให้เป็นโมฆะเนื่องจากมีปัญหามากมาย และได้มีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 15 ต.ค.2549 โดยมีรัฐบาลทักษิณ เป็นรัฐบาลรักษาการ ต่อมาวันที่ 19 ก.ย.2549 คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งมี พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เป็นหัวหน้าคณะ ได้ทำรัฐประหารยึดอำนาจ ขณะที่รักษาการนายกฯ ทักษิณ อยู่ระหว่างการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก
และตลอดเวลา 16 ปีที่ผ่านมา อดีตนายกฯ ทักษิณได้กลับมาเหยียบแผ่นดินไทยเพียงครั้งเดียว คือเมื่อวันที่ 28 ก.พ.2551 อีกทั้งก่อนหน้านั้น คือเมื่อปี 2546 อาจารย์ภาณุวัฒน์ พันธุ์วิชาติกุล ซินแสชื่อดัง เคยทำนายดวงของทักษิณ ว่า “จะไม่มีแผ่นดินอยู่” จึงกล่าวได้ว่าทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรีที่ถูกเคราะห์ซ้ำกรรมซัดมากที่สุดคนหนึ่งเลยทีเดียว!