xs
xsm
sm
md
lg

ม็อบจัดทัวร์ลงผลตรงข้าม ยอดปังทุกร้าน

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผิดคาด 5 ร้านค้าที่ถูกทัวร์ลงจากฝั่งผู้ชุมนุมด้วยเหตุผลคิดต่าง ต้องเหนื่อยสุดชีวิต ยอดออร์เดอร์ทะลัก ห่อหมกแม้ม้าคิวกุมภาฯ 64 บ้าน ๙ เบเกอรี่อ่านออร์เดอร์ไม่ทัน Coffee Is.ลูกค้าไกลโอนเงินให้แจกฟรี ไก่ทอดวัดสิงห์ถูกเหมาแจกนักเรียน ตำหลายปิ่นเกล้าแน่นขนัด นักการตลาดชี้กระแสแบนสินค้าเกิดจากการเมืองเมื่อถูกแบนกลุ่มเห็นต่างกำลังซื้อสูงพร้อมสนับสนุนทันที

สถานการณ์ทางการเมืองในเวลานี้ นับเป็นความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันของคน 2 วัย ระหว่างฝ่ายผู้ชุมนุมที่เป็นกลุ่มนักศึกษาและคนที่อยู่ในวัยเริ่มต้นของการทำงาน กับฝ่ายรัฐบาลที่ถูกมองว่าเป็นคนรุ่นเก่า บริหารงานไม่ตอบโจทย์ของพวกเขา บวกรวมไปถึงสถานการณ์บ้านเมืองที่มีการชุมนุมทางการเมืองกันมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน ยิ่งเมื่อเจอกับ Covid-19 ยิ่งเพิ่มปัญหาเรื่องปากท้องเข้ามาอีก คนรุ่นใหม่ที่จบการศึกษามาสุ่มเสี่ยงต่อการว่างงาน

แน่นอนว่าการเลือกตั้งเมื่อปี 24 มีนาคม 2562 แม้จะมีพรรคการเมืองอย่างอนาคตใหม่ที่จับฐานของคนรุ่นใหม่จนได้รับการเลือกตั้งเข้ามาอย่างมาก แต่ไม่สามารถเข้ามาเป็นรัฐบาลได้ และมีการกระทำผิดกฎหมายจนถูกยุบพรรค ยิ่งเป็นการดับฝันของคนรุ่นใหม่ไป

การต่อสู้ในทางการเมืองของผู้ชุมนุมกับข้อเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออก แก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม และการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ กลายเป็นปมของความขัดแย้งกว้างออกไปทุกขณะ โดยเฉพาะเรื่องการปฏิรูปสถาบันฯ ที่คนรุ่นพ่อรุ่นแม่ให้ความเคารพศรัทธามาตลอด

แม้กลุ่มผู้ชุมนุมจะเรียกร้องความเป็นประชาธิปไตย ตามสิทธิเสรีภาพที่พึงมี เรียกร้องให้รัฐบาลหยุดคุกคามประชาชน แต่หลายครั้งที่ฝ่ายผู้ชุมนุมเองต่างคุกคามบุคคลอื่นที่เห็นต่าง ด้วยการใช้สื่อ Social media เข้าไปละเมิดสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่น นับเป็นพฤติกรรมย้อนแย้งกับข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ชุมนุม

แบนสปอนเซอร์เนชั่น

กลุ่มผู้ชุมนุมใช้วิธีการบอยคอตหรือแบนสินค้าที่อยู่ในฝั่งตรงข้าม ปลุกกระแสให้คนเลิกซื้อหรือใช้สินค้าของฝ่ายที่อยู่ฝั่งตรงข้าม วิธีนี้ถูกนำมาใช้ชัดเจนที่สุดคือแบนสินค้าที่สนับสนุนเนชั่นทีวี ที่ทำรายชื่อของสินค้าที่ลงโฆษณาออกมาแจ้งต่อสาธารณะ
ภายใต้สถานการณ์ที่มีความขัดแย้งกันทางการเมือง แม้การรณรงค์ให้เลิกสนับสนุนหรือเลิกใช้สินค้าที่ยืนอยู่คนละฝั่งกับของตนนั้นมีมาก่อนหน้านี้ แต่ครั้งนี้อยู่ภายใต้ยุคที่สื่อสังคมออนไลน์ครอบคลุมไปทุกพื้นที่ ดังนั้นกระแสดังกล่าวจึงมีผลในด้านการรับรู้ออกไปอย่างกว้างขวาง ส่งผลให้สินค้าบางรายยอมถอนโฆษณา แต่ก็มีบางรายที่กล้าเข้าไปซื้อโฆษณา

ไม่เพียงแค่กรณีของเนชั่นทีวีเท่านั้น การแบนสินค้ายังลามไปถึงกิจการขนาดเล็กที่เกี่ยวข้องหรือมีท่าทีที่ไม่เห็นด้วยกับแนวทางของฝ่ายผู้ชุมนุม ด้วยความเชี่ยวชาญในการใช้ Social media ของกลุ่มคนรุ่นใหม่ ไม่ว่าผู้เริ่มต้นแบนจะกระทำเป็นการส่วนตัวหรือทำเป็นทีม แต่มีผลต่อกิจการเล็กๆ ของผู้ที่เห็นต่างไม่น้อย จนบางรายต้องออกมาประกาศว่าจะดำเนินคดีกับผู้ที่เข้ามาต่อว่าทางร้าน ด้วยข้อหาหมิ่นประมาท จึงทำให้บรรดาเกรียนคีย์บอร์ดซาลงไป

ในต่างประเทศการแบนสินค้ามักเป็นกรณีใหญ่ๆ เช่น สินค้าที่มาจากการใช้แรงงานเด็กหรืออื่นๆ แต่ในเมืองไทยเป็นการแบนจากเรื่องการเมือง ดังนั้น ผลของการแบนสินค้าจึงอาจแตกต่างกับต่างประเทศ


5 ร้านถูกถล่ม

จากการรวบรวมการแบนหรือการเข้าไปโจมตีสินค้าของบุคคลที่เห็นต่างกับผู้ชุมนุมที่เรียกตัวเองว่าคณะราษฎร 2563 พบว่ามี 5 รายที่ถูกกล่าวถึง

เริ่มต้นที่กรณีของม้า-อรนภา กฤษฎี พิธีกรรายการโทรทัศน์ โพสต์ข้อความวิจารณ์การชุมนุมของนักเรียนด้วยข้อความที่ไม่เหมาะสม ส่งผลให้ต้องพ้นหน้าที่งานด้านพิธีกรที่เคยทำอยู่นั้นทุกรายการ แน่นอนว่าสื่อ Social ส่วนบุคคลที่เธอใช้อยู่ถูกถล่มอย่างหนัก และตามไปถล่มจนถึงเฟซบุ๊กห่อหมกแม่คุณม้าอรนภา ที่เป็นกิจการของคุณแม่

จนทางเพจโพสต์ข้อความว่า ร้านเราทำห่อหมกขายด้วยฝีมือและความตั้งใจของคุณแม่และร้านนี้เป็นของ “คุณแม่คนเดียว” เท่านั้น และสร้างเพจนี้ขึ้นมาสำหรับ “ร้านขายห่อหมก” เท่านั้น

หากท่านยังมีจุดประสงค์ที่จะตอบโต้ทางร้านในทางด้านอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับอาหาร รสชาติ หรือมีเจตนารมณ์ที่ทำให้ร้านเสื่อมเสียชื่อเสียง โดยวิธีใดๆ ก็ตาม ทางเราต้องขอดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างถึงที่สุด

รายต่อมาเป็นกรณีของ “บ้าน ๙ เบเกอรี่” ที่จังหวัดมหาสารคาม เจ้าของเพจได้ออกมาโพสต์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับทางร้าน “ก็ไม่คิดว่าจะโดนเข้าสักวัน ไม่ซื้อไม่หาไม่ว่ากันค่ะ เอาที่สบายใจ เพราะเราไม่ได้สนใจว่าคนที่มาซื้อขนมเราจะมีความเห็นตรงกับเราหรือไม่ ตราบเท่าที่ขนมเราสร้างความสุขให้เขาได้ เราพอใจเพียงเท่านี้ อยู่ดีๆ กลายเป็นสลิ่มเฉย งงมากแม่เอ๊ย นั่งงงในดงคุกกี้”

ทั้งนี้ เกิดจากการที่ลูกค้ารายหนึ่งที่สั่งคุกกี้กับเธอ ไปเห็นรูปโปรไฟล์บนเฟซบุ๊กส่วนตัว จึงทำให้ยกเลิกรายการสั่งซื้อสินค้า

รายที่ 3 เกิดขึ้นกับร้านกาแฟ Coffee Is. บางแสน ชลบุรี เนื่องจากมีนักศึกษาที่เข้ามาในร้านพูดคุยเรื่องการเมืองและลามไปถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ เจ้าของร้านจึงได้เชิญลูกค้ากลุ่มนั้นออกจากร้าน และโพสต์ข้อความ “ขอบคุณมากนะคะที่ให้ความสนใจเพจร้านเรา เรามีจุดยืนร้านเรา ไม่ใช่ที่ใครจะมาชุมนุมการเมืองค่ะ เราเลยต้องเชิญออกไป คิดต่างได้แต่ต้องมีสถาบันฯ” หลังจากนั้นเกิดเหตุการณ์ทัวร์ลงกับทางร้านของเธอ

รายที่ 4 เป็นร้านขายไก่ทอดย่านชุมชนวัดสิงห์ กรุงเทพมหานคร ของนายไพศาล สุวรรณชัย ที่ติดป้ายหน้าร้านว่า “ร้านนี้ไม่ขายคนจาบจ้วง” จนถูกนายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการประจำสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยเกียวโต และผู้ก่อตั้งกลุ่ม รอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส นำภาพดังกล่าวไปโจมตี

รายที่ 5 คือบุคคลที่ยืนชูพระบรมฉายาลักษณ์ท่ามกลางผู้ชุมนุมเครือข่ายเยาวชนปลดแอกที่หน้าเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า แม้จะไม่ชัดเจนว่าบุคคลดังกล่าวประกอบอาชีพอะไร แต่ทีมงานของกลุ่มผู้ชุมนุมก็ไปตามหาจนเจอว่า อยู่ที่ร้านตำหลาย ปิ่นเกล้า และไม่พลาดเฟซบุ๊กของทางร้านโดนถล่ม

ทัวร์ลงเจ้าของร้านเหนื่อย

ปฏิบัติการถูกทัวร์ลงถือเป็นความหมายที่ไม่ดีนัก เพราะเป็นการรณรงค์ไม่ให้กลุ่มของคนที่คิดเห็นเหมือนกันสนับสนุนสินค้าของฝ่ายที่เห็นต่าง และร้านค้าต่างๆ ที่ถูกทัวร์ลงในครั้งนี้ทุกร้านต่างเหน็ดเหนื่อยกับผลที่ตามมา

ร้านห่อหมกแม่คุณม้าอรนภา “ห่อหมกที่ขายดีที่สุดของทางร้านคือห่อหมกพุงปลา ตอนนี้ยอดจองไปถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2564 แล้ว จากลูกค้าเดิมที่อยู่ในบริเวณร้านหรือพื้นที่กรุงเทพฯ ตอนนี้เราต้องส่งไปทั่วประเทศแล้ว บางรายอยู่ไกลก็ยังสั่งทั้งๆ ที่ค่าส่งจะเกินกว่าค่าห่อหมก แม้จะมียอดเข้ามาอุดหนุนเรามาก แต่เรายังยึดถือเรื่องคุณภาพของสินค้าเป็นสำคัญ”

ร้านบ้าน ๙ เบเกอรี่ มหาสารคาม “ที่สั่งยกเลิกคำสั่งซื้อเป็นคุกกี้ 20 ชิ้น ชิ้นละ 10 บาท เป็นเงิน 200 บาท แต่ตอนนี้ทางเพจ “ร่วมด้วยช่วย 3 จว.ชายแดนใต้” เมื่อทราบเรื่องได้สั่งซื้อเข้ามา 400 ชิ้น เพื่อนำไปแจกจ่ายพลทหารหน่วยรบพิเศษ และยังมีผู้ที่สั่งคุกกี้เข้ามาอีกเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ยอมรับตรงๆ ว่าไม่สามารถอ่านยอดสั่งซื้อของลูกค้าเข้ามาได้ทัน เพราะทำกัน 2 คนกับแม่”

ร้าน Coffee Is. บางแสน “กำลังใจที่เข้ามาเปี่ยมล้น มีบางรายโทรศัพท์เข้ามาบอกอยู่ไกล แต่พร้อมสนับสนุน ถามเราว่าเครื่องดื่มราคาเท่าไหร่ เราตอบกลับไป 50 บาททุกเมนู พี่เขาโอนเข้ามาเลย 100 แก้ว ไว้แจกกับลูกค้าที่มาที่ร้าน เดิมทำงานที่ร้านคนเดียว ตอนนี้ต้องให้น้องชายเข้ามาช่วย”

ร้านไก่ทอดวัดสิงห์ “หลังจากถูกคุณประวินนำไปโพสต์ วันรุ่งขึ้นลูกค้ามา 3 ราย จ่ายเงินสด 6,000 บาท บอกเหมา นำไปแค่ 6 ชิ้นที่เหลือให้แจกเด็กนักเรียน ทั้งที่จริงไก่ทอดทั้งร้านราคาประมาณ 4,000 บาท แต่คนเหมาบอกอีก 2,000 บาท ที่เหลือสมทบให้ไปช่วยในงานด้านช่วยเหลือสังคมที่ทำอยู่ ตอนนี้ที่ร้านถูกเหมาทุกวัน ขนาดวันที่ 23 ตุลาคมทางร้านไม่ได้ขายเพราะตัวเองมาที่ลานพระบรมรูปทรงม้า ลูกค้าก็ตามไปที่ร้านจนต้องวิดีโอคอลแจ้งกับลูกค้า”

ร้านตำหลายปิ่นเกล้า “ที่ร้านถูกถล่มจาก 4.8 ดาวจนลงมาเหลือ 1 ดาว ตอนแรกก็กังวลเพราะเป็นร้านของน้องสาว ลูกค้าลดลงไปบ้างแต่ไม่มาก หลังจากนั้นลูกค้ากลับเข้ามาอุดหนุนมากขึ้นเยอะกว่าเดิม”


คนแบน-คนหนุน : กำลังซื้อต่างกัน

นักการตลาดมองปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นว่า กรณีทัวร์ลงเหล่านี้เกิดขึ้นจากสภาพการตลาดที่ไม่ปกติ การแบนสินค้าไม่ใช่เหตุผลที่มาจากผู้ผลิตสินค้ากระทำผิดต่อเรื่องจริยธรรมหรือทำสิ่งที่ไม่ดีงาม แต่ในบ้านเราเป็นเรื่องของอารมณ์ทางการเมือง

การรวมตัวกันแบนสินค้าบนโลก Social กระทำเพื่อโจมตีผู้ที่เห็นต่างกับฝ่ายตัวเอง แต่ในโลกความเป็นจริงนั้นไม่มีใครรู้ได้ว่าบุคคลที่เข้ามาโจมตีนั้นมีตัวตนอยู่จริงเป็นจำนวนเท่าไหร่ และเป็นผู้บริโภคสินค้าเหล่านั้นจริงหรือไม่ มากน้อยเพียงใด เช่น 100 ข้อความโจมตี อาจมีเพียง 10-20% เท่านั้นที่มีตัวตนจริงหรืออาจมีต่ำกว่านั้น เพราะตัวเทคโนโลยีสามารถทำยอดที่เกินกว่าความจริงได้

เมืองไทยแตกต่างจากในต่างประเทศ อย่างเมื่อเกิดกระแสแบนสินค้าที่มาจากสถานการณ์ทางการเมือง เมื่อร้านใดถูกแบนจากกลุ่มผู้ชุมนุมก็จะมีคนกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับผู้ชุมนุมเข้ามาสนับสนุนร้านค้าเหล่านั้นทันที เพื่อเป็นการให้กำลังใจและสนับสนุนสิ่งที่ได้ดำเนินการไป

ทั้งนี้ หากประเมินปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น ในมุมมองของผู้บริโภคอาจประเมินได้ว่า กลุ่มที่เข้ามาโจมตี เป็นคนรุ่นใหม่ใช้ความรู้ทางด้านสื่อออนไลน์โจมตีฝ่ายเห็นต่าง กลุ่มนี้อาจเป็นเยาวชนหรือกลุ่มคนที่เพิ่งเริ่มต้นในวัยทำงาน ส่วนฝ่ายที่เข้ามาสนับสนุนนับว่าเป็นคนสูงอายุ อาจไม่เชี่ยวชาญเรื่องการใช้สื่อสมัยใหม่ แต่กลุ่มนี้มีกำลังซื้อสูง เพราะทำงานมามากพอ เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นจึงพร้อมให้ความช่วยเหลือ โดยไม่ได้คำนึงว่าสินค้านั้นจะตรงกับความต้องการบริโภคของตนเองหรือไม่

คงไม่มีผู้ค้ารายใดคิดจะเพิ่มลูกค้าด้วยวิธีนี้ โดยเฉพาะร้านเล็กๆ เพราะถือว่าเป็นเรื่องที่สุ่มเสี่ยงมาก หากผลการแบนสินค้าเป็นผลและไม่มีแรงสนับสนุนกลับเข้ามา ดังนั้นการแสดงออกจึงเป็นเรื่องความรู้สึกนึกคิดของเจ้าของสินค้า เชื่อว่าทุกรายต่างก็พร้อมรับกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น

ดังนั้น หากจะกล่าวว่าทัวร์ลงแล้วจะเป็นผลเสียนั้น อาจต้องยกเว้นกรณีที่เกิดขึ้นกับเมืองไทย เพราะทุกร้านที่ถูกทัวร์ลงภายใต้สถานการณ์ที่เห็นต่างทางการเมืองแล้ว ตอนนี้ทุกร้านต้องเหนื่อยขึ้นกว่าเดิมในการผลิตสินค้าเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับลูกค้าจำนวนมากที่พร้อมใจกันเข้าไปสนับสนุน






กำลังโหลดความคิดเห็น