หมดยุคดาราเป็นพรมเช็ดเท้า “เปิ้ล ไอริณ” ลุยแหลกฟ้องสาวก “ปวิน” กว่า 100 เรียกค่าเสียหายรายละ 1 ล้าน นำเงินแบ่งให้ 3 มูลนิธิ ทั้งช่วยชาติ คิดค้นวัคซีนป้องกันโควิด และคนตาบอด เย้ยอีคิวมีแค่นี้ ร้องหาความเท่าเทียมแต่ทำตัวเป็นคอมมิวนิสต์ ด่าตนกะxรี่ ขายตัว ดาราขยะ อีนมปลอม ก่อนเผยต้นตระกูลรับนามสกุลพระราชทานจาก ร.๖ มีที่ซุกหัวนอนบนแผ่นดินพระมหากษัตริย์ จะไม่ทำหูหนวก ตาบอดให้คนย่ำยีสถาบันเพื่อรักษาผลประโยชน์
ช่วงนี้เหตุการณ์บ้านเมืองกำลังคุกรุ่น ลามไปทุกวงการ ไม่เว้นแม้แต่วงการบันเทิง ที่นักแสดง-ศิลปินต่างโดนเรียกร้องให้ออกมาพูดถึงเรื่องประชาธิปไตยปฏิรูปสถาบัน ส่วนใครที่อยู่เงียบๆ นิ่งๆ หรือเห็นต่างก็จะโดนทัวร์ลงลากพวกมารุมประณาม
ไม่เว้นแม้แต่ “เปิ้ล ไอริณ ศรีแกล้ว”ที่โดนทัวร์ลงชุดใหญ่ เพียงเพราะวิจารณ์เผ็ดร้อนถึงข้อความที่ “ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์” ผู้ต้องหาคดี ม.112 และลี้ภัยต่างประเทศ โพสต์ดูถูกคนมีอาชีพขายไก่ทอด จนสาวกปวินมาคุกคามในพื้นที่ส่วนตัว บูลลี่ต่างๆ นานา ด่าทั้งเป็นตลาดล่าง ขายตัว นมปลอม ควาย สัต_ดาราขยะ แต่งานนี้เปิ้ลสู้ตาย ประกาศเดินหน้าฟ้อง
ล่าสุด เปิ้ลพร้อมทนายความ “ธนภัทร ศรีปินตา” ตั้งโต๊ะแถลงข่าว ณ ร้าน Lizm ซ.รัชดา 74 ลั่นเตรียมฟ้องเกรียนปากดี ที่เข้ามาเมนต์ด่ากว่า 100 ราย ได้เงินจะนำไปแบ่งให้ 3 มูลนิธิ
“เรื่องของเรื่องมันเริ่มตั้งต้นมาจากครั้งแรกที่เปิ้ลเห็นรูปพ่อค้ายืนทอดไก่ (โชว์รูป) และมีป้ายขึ้นว่าร้านนี้ไม่ขายคนจาบจ้วง แล้วก็มีคนมาโพสต์ว่า ตลกนะ ถ้ากษัตริย์ดี ประเทศดี มึงไม่ต้องมายืนขายไก่ทอดหรอก มึงไปเป็นเจ้าของฟาร์มไก่แล้ว อีดอ_ พอเขาลงไปปุ๊บเขาก็ชักนำพาคนไปด่าพ่อค้าคนนี้ค่ะ ซึ่งถามว่าเปิ้ลเกี่ยวข้องอะไร ตัวเปิ้ลเองทุกคนคงทราบดีว่าครอบครัวเปิ้ลเคยทำร้านอาหารมาตอนอายุ 16 ตัวเปิ้ลก็เคยยืนทอดไก่ ยืนขายหมูทอด ทำร้านอาหารชื่อยูคาลิป อยู่ตรงโชคชัย 4 ตอนที่บ้านเปิ้ลล้มละลาย เปิ้ลก็เคยยืนทอดไก่ ขายอาหารมาก่อน เปิ้ลก็เลยรู้สึกว่าคำพูดต่างๆ นี้มันแทงใจดำเรามากเลย
เราสร้างตัว สร้างบ้านมาด้วยการขายอาหาร ทำไมเขาต้องมาดูถูกด้วย โดยเฉพาะพ่อค้าคนนี้ เขามีแต่ตะหลิว เขาอาจจะหาเงินเพื่อเลี้ยงดูครอบครัวเขา เขาทำอาชีพสุจริต มีฝีมือในการขายอาหาร ทำไมต้องเอารูปเขาไปลงให้คนประณาม ให้คนด่าว่าเขาเสียๆ หายๆ ด่าไอ้สัต_ ไอ้นั่น ไอ้นี่ ซึ่งเปิ้ลเชื่อว่าเขาอาจจะไม่ได้มีโอกาสมาอ่าน เขามีแค่ตะหลิวในมือ แต่ตัวเปิ้ลเองในฐานะที่เป็นแม่ค้ามาก่อน และเปิ้ลมีคีย์บอร์ดในมือ เปิ้ลก็เลยพิมพ์ไปด้วยความบริสุทธิ์ใจว่า แล้วทำไมล่ะ พ่อค้าแม่ค้ามันเสียหายอะไร เคยเห็นคนขายไก่ทอดได้วันนึงเป็นหมื่นก็มี นั่นก็คือ แมสเสจที่เปิ้ลลงไปประมาณนี้ ปรากฏว่าหลังจากนั้นมีคนแห่มาด่าเปิ้ล มารุมประณามเปิ้ลด้วยคำหยาบคายเป็นสิบๆ ข้อความเลยค่ะ นี่คือที่มาของการเกิดเรื่องนี้ค่ะ”
บอกนอกจากจะด่าหยาบคาย ยังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตนเลยด้วยซ้ำ
“มีหลากหลายข้อความมาก แต่คำที่เปิ้ลจะต้องฟ้องคือข้อความว่า อ๋อ ออกมาหาตังค์นี่เองอีกะxรี่ยาจก นี่มันเป็นในพื้นที่เปิ้ลค่ะ และอีกข้อความนึง ขายอีปิไม่ออกแล้วเหรอ แต่เขาไม่ได้ใช้คำว่าอีปิหรอกค่ะ ใช้ ห สระอี ว่าขายไม่ออกแล้วเหรอ จนต้องมาฟ้องร้องคนเอาเงินใช้ อีเปิ้ล มีข้อความนี้อีกด้วยว่า อีเปิ้ลมึงมันดาราขยะวันนาบี อีควาย อีสัตว_ชั้นต่ำ ยังอยากจะเป็นสลิ่มอีก อีไร้ค่า ไร้ราคาในวงการมากที่สุดเลยมึง คือเปิ้ลอ่านแล้วมีความรู้สึกว่าเขาไม่เคยรู้เลยว่าเปิ้ลก้าวเข้ามาอยู่ในวงการนี้ยังไง
เปิ้ลเข้ามาอยู่ในวงการตั้งแต่อายุ 14 เปิ้ลประกวดโฆษกรุ่นเยาว์ ครั้งแรกที่เปิ้ลมีนักข่าวถ่ายรูปเปิ้ลในชีวิต เปิ้ลหนีตายายมาประกวดโฆษกรุ่นเยาว์ในวันเด็ก จากพันคน แล้วเปิ้ลได้ที่หนึ่ง ครั้งที่สองเปิ้ลไปเรียนการแสดงที่เอ็กแซ็กท์แกรมมี่ จากนักแสดงที่เรียนทั้งหมด 100 คน เปิ้ลได้เพียงคนเดียวเท่านั้นที่คัดตัวและเป็นนักแสดงของเอ็กแซ็กท์ เล่นเรื่องร้อยเล่ห์เสน่ห์ร้าย เรื่องแรก คือ เขาไม่รู้ว่าเราผ่านอะไรมาเยอะมาก เราภูมิใจในหน้าที่การงานเรามากแค่ไหน แต่ ณ วันนี้กับคนที่พูดบอกว่าต้องการความเท่าเทียม แต่สิ่งที่เขาพูดกับเปิ้ล อีดาราชั้นต่ำ อีดาราตลาดล่าง เขาคอยที่จะเหยียบเปิ้ลตลอดเวลาเพื่อกดให้ตัวเองยืนสูงขึ้นมา เขาไม่รู้ว่าเปิ้ลผ่านอะไรมาบ้าง”
บอกต้นตระกูลคือนามสกุลบุญนาค ที่รัชกาลที่ ๖ พระราชทานให้ มีที่ซุกหัวนอนบนทรัพย์สินพระมหากษัตริย์
“เปิ้ลในวัย 16 ที่ยืนขายไก่ทอด จนเปิ้ลสามารถซื้อบ้าน ซื้อรถให้แม่และเรียนจบได้ เขารู้ประวัติเปิ้ลไหมว่าเปิ้ลทำอะไรในชีวิตมาบ้าง และ ณ วันนี้เปิ้ลไม่ใช่สลิ่ม ไม่ใช่ลอดช่อง ไม่ใช่อะไรทั้งนั้น เปิ้ลพูดตรงๆ จากหัวใจว่าเปิ้ลไม่ชอบการเมืองด้วยซ้ำ แต่เรื่องนึงที่เปิ้ลไม่เคยบอกใครเลย และมันเป็นเรื่องจริงก็คือ ต้นตระกูลของเปิ้ลได้รับนามสกุลพระราชทานบุญนาค มาจากรัชกาลที่ ๖ คุณย่าเปิ้ลชื่อนางจั่นเล็ก บุญนาค เราได้นามสกุลพระราชทานมาจากกษัตริย์ อีกเรื่องนึงคือเปิ้ลเติบโตมาในบ้าน อาศัยซุกหัวนอนบนที่ทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ทุกอย่างในชีวิตเปิ้ลที่มาเป็นตัวเองได้ เป็นเพราะกษัตริย์จริงๆ
คุณตาก็เป็นทหารรับราชการ ในหิ้งพระที่บ้านคุณตาจะมีพระบรมฉายาลักษณ์ทุกพระองค์ตั้งแต่รัชกาลที่ ๑ ถึงรัชกาลที่ ๙ มีรูปพระมหากษัตรย์จูงพระหัตถ์พระราชินี เปิ้ลมองว่าท่านสูงส่ง ท่านเป็นพระราชินี สาบานได้เลยว่าองค์นี้อยู่กับคอเปิ้ลมาตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่เปิ้ลจำความได้สิ่งที่อยู่กับเปิ้ลคือองค์นี้ค่ะ (โชว์สร้อยคอ) แล้วเปิ้ลไม่เข้าใจที่วันนึงเปิ้ลเห็นภาพคนชูนิ้วให้กับคนที่เราถือว่าเป็นพ่อ เป็นแม่ แล้วประเทศนี้ก็คือบ้านของเปิ้ล แล้วมีคนมาย่ำยี มาพูดอย่างนี้ เปิ้ลทนไม่ได้ที่เปิ้ลจะข้ามผ่าน ตาบอด หูหนวก เพื่อรักษาผลประโยชน์ตัวเอง กลัวคนด่า ไม่สามารถที่จะแสดงออกซึ่งความรักประเทศ ไม่สามารถแสดงออกซึ่งกษัตริย์ที่เหมือนพ่อเหมือนแม่ฉันได้ เพราะว่าฉันรักษาผลประโยชน์ตัวเอง ฉันกลัวคนรุมด่า กลัวคนรุมประณาม เปิ้ลเป็นคนแบบนั้นไม่ได้ค่ะ”
บอกอยู่วงการมา 28 ปี โดนบูลลี่มาตลอด แต่ครั้งนี้มาด่าสถาบัน ตนยอมไม่ได้
“ถามว่าวางไว้ขั้นต้นว่าจะฟ้องเท่าไหร่ จริงๆ เปิ้ลขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลเลยค่ะ เพราะโดยส่วนตัวมีข้อความบางประเภทซึ่งเป็นข้อความที่เหยียดเพศ และเรารู้สึกเหมือนเป็นการหมิ่นศักดิ์ศรีการเป็นมนุษย์เกินไป เพราะเปิ้ลเองทำงานมาด้วยความเหนื่อยยากตั้งแต่อายุ 16 แต่การที่มากล่าวหาว่าเปิ้ลเป็นโสเภณี เปิ้ลขายตัว พูดถึงอวัยวะเพศ เปิ้ลคิดว่าเป็นสิ่งที่เปิ้ลต้องจัดการ ยิ่งเรานิ่งเขาก็ยิ่งไม่หยุด
ถ้าต้องใช้เวลานานเราพร้อมจะสู้ไหม ในขั้นต้นเปิ้ลอยู่ในวงการนี้มาปีนี้ปีที่ 28 แล้วนะคะ เปิ้ลเจอการบูลลี่มาชั่วชีวิตแล้วค่ะ แต่คราวนี้มันเป็นอะไรที่เรารู้สึกว่าเขาเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวเราจริงๆ และมันสาหัส และพยายามลากเราอิงไปในเรื่องของการเมือง เพราะฉะนั้นคราวนี้ไม่ว่าจะเป็นระยะเวลานานแค่ไหนเปิ้ลสามารถที่จะไปได้อยู่แล้วค่ะคือครั้งนี้มันรวมเอาหลายอย่างมาด้วยกันค่ะ เปิ้ลไปอ่านข้อความล่างๆ มันมีการด่าอย่างอื่นมากขึ้น เช่น ด่าสถาบัน ด่าชาติ ศาสนา และอิงมาด่าที่เปิ้ลด้วย อิงไปการเมืองด้วย เปิ้ลคิดว่าครั้งนี้เป็นครั้งที่เปิ้ลสมควรจะลุกมาจัดการสักทีค่ะ
มีทั้งมาด่าในเฟซบุ๊กเราบางส่วน และมีไปตั้งกระทู้ในเว็บของตลาดนึงอีกบางส่วนค่ะ จะดำเนินคดีกับเพจนั้นด้วยค่ะ เพราะรายได้ที่ได้มาจากฟ้องเปิ้ลจะแบ่งเป็นสามส่วน หนึ่งเปิ้ลจะให้กับมูลนิธิที่ช่วยชาติค่ะ สองเปิ้ลจะแบ่งให้มูลนิธิที่คิดค้นวัคซีนป้องกันโควิด อันนี้เปิ้ลทำจริงๆ และจะมาโชว์ใบเสร็จให้ดูด้วย สามเปิ้ลจะให้กับมูลนิธิคนตาบอดค่ะ”
ปากว่าต้องการประชาธิปไตย แต่การกระทำเหมือนคอมมิวนิสต์
“ถามว่าฟางเส้นสุดท้ายที่เราต้องฟ้องคืออะไร ก็อย่างที่บอกว่าสิ่งที่เขาว่าเรามันแทงใจดำกับทุกอย่าง โดยที่เขาไม่เคยรู้เลยว่าเราเป็นใคร และเขาร้องหาความเท่าเทียม แต่สิ่งที่กระทำมันสวนทางย้อนแย้งกันมากเลย เขาต้องการประชาธิปไตย ในมุมมองนึงก็เป็นคอมมิวนิสต์ที่เราไม่สามารถแสดงออกด้วยความรักหรือเทิดทูนในสิ่งที่เราบูชาเลย เพราะเปิ้ลเชื่อว่าการที่เราจะรัก เทิดทูนบูชาอะไรสักอย่างนึง มันเกิดจากจิตใต้สำนึก จากการสั่งสมบุญบารมี เกิดจากการสั่งสมประสบการณ์ชีวิต เพราะฉะนั้นคุณไม่สามารถที่จะมาชี้บอกใครได้ว่าหยุดรัก หยุดพูด หยุดเทิดทูน ไม่งั้นแกจะโดนพวกฉันรุมด่านะ คือเปิ้ลอยากให้พวกเขารู้ว่าทุกคนมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น แต่คุณต้องรับผิดชอบต่อตัวเอง ต่อผู้อื่นและต่อคนรอบข้างไม่ให้ได้รับความเดือดร้อน และไม่ต้องไปละเมิดเขาด้วยค่ะ
ส่วนทำเป็นกระบวนการหรือเป็นบุคคล ตรงนั้นเปิ้ลไม่ทราบ เปิ้ลไม่อยากไปวิเคราะห์นะคะว่าจะทัวร์ลงหรือไม่ เพราะเปิ้ลสนใจเฉพาะคนที่เขาให้กำลังใจเรามากกว่า เอาเป็นว่าข้อความทั้งหมดเปิ้ลบอกทนายความไปด้วยซ้ำว่าทนายเลือกเลยนะ เพราะเปิ้ลจะไม่เข้าไปอ่าน เปิ้ลจะอ่านแต่ข้อความดีๆ ให้กำลังใจดีๆ ที่คนส่งมา เปิ้ลจะเอาตรงนั้นมาผลักดันตัวเอง ตอนแรกบอกว่า มึงไม่เห็นมีผลงานเลย อีดอ_ ดาราชั้นต่ำนั่นนี่ มันก็เป็นแรงผลักดันที่ทำให้เปิ้ลรู้ว่าเปิ้ลคงจะต้องทำงานต่อไป ต้องมีผลงาน”
ถึงนมจะปลอม แต่ตนก็มีที่หัวใจที่ยิ่งใหญ่
“เปิ้ลไม่ใช่คนที่หาเช้ากินค่ำ แล้วปล่อยให้ชีวิตเกษียณแล้วตายไปโดยที่ไม่ก้าวเข้ามาช่วยอะไรแผ่นดินได้ ไม่ได้เอาชื่อเสียงของเรามาชวนทำอะไรให้เป็นการจุดประกาย เปิ้ลเชื่อว่าทุกอย่างบนโลกนี้เชื่อมต่อกัน หนึ่งความคิดกระเพื่อมให้คนทั้งประเทศ เปิ้ลไม่ถามตัวเองด้วยว่าเปิ้ลผิดอะไร เพราะเปิ้ลเชื่อว่าเปิ้ลทำถูกต้องแล้วคนที่ควรได้รับการลงโทษคือคนที่ทำผิด อย่างคนที่มาตั้งกระทู้เปิ้ล พูดเลยว่าเปิ้ลไม่ได้ให้ค่าอะไรเลย เพราะรูปก่อนหน้านั้นเขาก็มาด่าเปิ้ลว่าอีนมปลอม พอเขาพูดปุ๊บสิ่งที่เปิ้ลรู้สึกเลยคือเปิ้ลขำค่ะ นี่หรือคนที่อยากเป็นตำนาน คนที่อยากเป็นวีรบุรุษ มีการกระทำและอีคิวแค่นี้เหรอ เปิ้ลรู้สึกว่าเปิ้ลไม่มีค่าอะไรจะไปให้ค่าเขาเลย รู้สึกว่าเราเสียเวลามาก เปิ้ลเลยปล่อยผ่าน
จะบอกว่าถึงเปิ้ลจะมีนมปลอม แต่ภายใต้นมปลอมนี้มันมีหัวใจที่ยิ่งใหญ่ มีเนื้อแท้ที่รักในสถาบันกษัตริย์ โดยที่เปิ้ลไม่เคยเจาะจงเลยว่าเป็นกษัตริย์องค์ไหนหรือการกระทำใดๆ เพียงแต่ว่าสิ่งเหล่านี้ปลูกฝังเปิ้ลมาตั้งแต่จำความได้ เปิ้ลร้องเพลงแรกในชีวิตคือเพลงชาติ ฉะนั้น ตรงนี้เปิ้ลแสดงจุดยืนเท่านั้นเองว่าเปิ้ลรักสถาบัน การกระทำอะไรก็ตาม สมมติพระองค์นึงกระทำในสิ่งที่เราไม่ชอบใจ จำเป็นที่เราต้องยุบศาสนาไหม จำเป็นที่เราต้องเลิกเคารพพระทุกองค์ไหม จำเป็นต้องเลิกบูชาคำสอนพระพุทธเจ้าไหม มันไม่ใช่ เปิ้ลรักสถาบันค่ะ อยากให้เป็นกรณีตัวอย่างค่ะ แล้วถ้าเปิ้ลไม่เริ่มก็ไม่รู้ว่าใครจะเริ่ม”
เผยตั้งแต่มีข่าวว่าจะฟ้อง ข้อความด่าก็หายเงียบ แถมมาอินบ็อกซ์ขอโทษ
“พอมีข่าวว่าเราจะแถลงฟ้อง ไม่มีข้อความแบบนั้นมาอีกเลยค่ะ ตอนแรกเข้ามารุมด่าเปิ้ลประมาณ 40 แมสเสจ เปิ้ลก็ไม่ได้ลบ และไม่ใส่ใจ ไม่ให้ค่าจริงๆ และพอเปิ้ลพูดว่ายินดีด้วยค่ะคนที่เข้ามาคอมเมนต์แบบนี้เปิ้ลจะฟ้อง หลังจากนั้น ก็มีคนไปกดไลก์ให้ข้อความนี้ของเปิ้ล 300 กว่าคนในเฟซบุ๊ก ทุกคนแฮปปี้กับสิ่งที่เปิ้ลจะทำ เป็นสิ่งที่สมควร หลังจากนั้น ก็เงียบกริบเลยค่ะ ไม่มีใครกล้าเข้ามาพูดอะไรอีกเลยค่ะ ก็มีอินบ็อกซ์มาขอโทษว่าพี่จะฟ้องหนูจริงๆ เหรอ หนูเป็นแม่ลูกอ่อนนะ หนูไม่มีเงินจะจ่ายพี่หรอกนะ เปิ้ลก็ตอบกลับไปว่า 1 ล้านบาทสั้นๆ ค่ะ ไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว แล้วก็มีคนเข้าไปลบคอมเมนต์ค่ะ ประมาณ 4 คอมเมนต์ แต่สายไปแล้ว แคปไว้หมดแล้วค่ะ (ยิ้ม)
ถามว่าการที่เราอยู่วงการนานและโดยบูลลี่มาตลอด ทำให้ใช้ชีวิตลำบากไหม เปิ้ลมองในมุมบวกมากกว่านะคะ มารไม่มีบารมีไม่เกิด มันทำให้เรากลายเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตมากขึ้น กลายเป็นคนที่แข็งแกร่งมากขึ้น ถ้ามองย้อนกลับไปพวกที่ดูถูกคนส่วนใหญ่ก็ไม่ใช่คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต การที่ต้องเหยียบคนอื่นเพื่อให้ตัวเองสูงขึ้นมา มันยืนได้ไม่นานหรอกค่ะ เหยียบได้แป๊บเดียว เขาก็คงไม่ได้ภูมิใจในสิ่งที่เขาทำ เปิ้ลมองว่ามันเป็นสิ่งต้องเกิด ทุกอย่างบนโลกนี้ไม่มีเรื่องบังเอิญ การที่เปิ้ลต้องมานั่งตรงนี้ด้วยค่ะ
ทุกคำด่าเป็นพลังให้เราทุกวันนี้อย่างมากเลยค่ะ ตอนแรกเปิ้ลทำเพลงเรียบร้อยแล้ว เปิ้ลนัดถ่ายเอ็มวีพอดีกับวันที่ประกาศเคอร์ฟิววันแรก เปิ้ลก็อุตส่าห์เก็บเงินเพื่อจะถ่ายเอ็มวีนี้ 2-3 แสน ก็เลยจะเก็บไว้ใช้ทำโน่นนี่ดีกว่า แต่พอเกิดเหตุนี้ขึ้นเปิ้ลมีความรู้สึกว่าไปต่อค่ะ ในเมื่อมันมีอะไรบางอย่างที่อยากให้ไป มันมีเหตุแห่งที่มาทุกอย่างค่ะ มันไม่มีเรื่องบังเอิญ”
บอกหมดยุคดาราเป็นพรมเช็ดเท้าแล้ว อย่าเหยียบย่ำศักดิ์ศรีใครเพื่อความสนุก
“ถามว่าอยากจะบอกอะไรสองคนแรกที่เราจะฟ้อง เปิ้ลเชื่อว่ากรรมเกิดจากเหตุแห่งการกระทำ คุณทำอะไรไว้ คุณก็ต้องได้รับผลการกระทำนั้น เพราะฉะนั้นนี่อาจจะเป็นนิมิตหมายที่บอกกับทุกคนว่ายุคนี้หมดยุคที่ดาราต้องเป็นพรมเช็ดเท้าแล้วค่ะ ดาราไม่ใช่พรมเช็ดเท้า ไม่ใช่เฉพาะดาราก็ได้ ตอนนี้ถ้าเปิ้ลไม่ใช่ดารา เป็นเป็นแม่ค้าคนนึง ก็หมดยุคที่ใครจะเป็นพรมเช็ดเท้าให้คุณมาระบายอารมณ์เล่นๆ แล้ว ทุกคนมีเกียรติ ทุกคนมีศักดิ์ศรี เปิ้ลเข้าไปแก้ตัวแทนพ่อค้า เพราะเปิ้ลเห็นว่าเขาเป็นผู้มีเกียรติคนนึง ทุกคนเกิดมาบนผืนแผ่นดินไทย อยู่บนโลกมนุษย์นี้ทุกคนมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ฉะนั้นอย่าไปเหยียบศักดิ์ศรีใครด้วยความสนุกอีกแล้วค่ะ หมดเวลาแล้วค่ะ
ก็ขอเตือนสองเรื่องแล้วกันนะคะ เปิ้ลเคยโพสต์เรื่องนี้ไปในเฟซบุ๊ก 4 ปีก่อน เปิ้ลบอกว่าเปิ้ลเป็นคนที่เชื่อถือเรื่องโชคลางมาก เขาว่าหากเก็บเหรียญที่ตกอยู่ที่พื้น เราจะเคราะห์ร้าย แต่เปิ้ลยอมเคราะห์ร้ายแค่ไหนก็ได้ แต่เปิ้ลยอมให้คนมาเหยียบข้ามคนที่อยู่บนเหรียญไม่ได้อันนี้เรื่องแรกที่เปิ้ลมีจุดยืน เรื่องที่สอง เปิ้ลเชื่อว่าอะไรก็ตามที่ตั้งใจ เรายินดี เราขอบคุณ เราสนใจ ซาบซึ้ง สิ่งนั้นก็จะมากขึ้นๆ อยากมีความร่ำรวย แต่คุณยังย่ำยีคนที่อยู่บนแบงก์อยู่เลย เปิ้ลเชื่อว่ามันคนละเรื่องกัน ตัวเปิ้ลเองบอกเลยว่าไม่ได้อิงการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น แต่ทุกคนต้องมีสิ่งที่รัก มีสิ่งที่เทิดทูนต่างกัน คุณควรเคารพการเห็นต่างของคนอื่นด้วย ก็อยากจะบอกชาวเน็ตว่า ทุกคนมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น แต่เสรีภาพนั้นต้องยืนอยู่บนความถูกต้องและไม่เบียดเบียนใคร ไม่ละเมิดใครให้เขาทุกข์ด้วยค่ะ”
ด้าน “ทนายธนภัทร ศรีปินตา” เผยว่า คอมเมนต์ที่วิจารณ์ไม่มีปัญหา แต่คอมเมนต์ที่ใส่ร้ายโดนฟ้องแน่
“ในส่วนของแง่คดีตามที่นักข่าวเห็นในคอมเมนต์ ก็มีทั้งวิจารณ์และใส่ร้าย พี่เปิ้ลเขาเป็นดารา เป็นบุคคลสาธารณะวิจารณ์ได้ ข้อความไหนวิจารณ์เราก็น้อมรับคำวิจารณ์ แต่กับสองข้อความนี้เป็นข้อความที่ใส่ร้าย ในส่วนที่ผมเป็นทนายความก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย และตอนนี้กำลังอยู่ในส่วนให้ทีมทนายรวบรวมข้อมูลครับ คิดว่าไม่เกินสองอาทิตย์ก็น่าจะถึงศาล ทางทีมทนายของผมก็รวบรวมข้อมูลในการฟ้อง ไม่ได้ฟ้องทีเดียว แต่จะทยอยฟ้องเรื่อยๆ ตอนนี้อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานอยู่ครับ
ถามว่าคาดว่าจะมีสักกี่คน เป็นการปูพรมในการฟ้องครับ ล็อตแรกอาจจะมีสัก 2-3 คนไปเรื่อยๆ อีกอาทิตย์นึงก็น่าจะมีอีก 2-3 คนไปเรื่อยๆ ส่วนประเด็นว่าเป็นอวตารหรือไม่ ทางผมและทีมทนายตรวจสอบแล้วส่วนมากมีข้อมูลอยู่จริงครับ คัดทะเบียนราษฎร์แล้วมีตัวตนอยู่จริง สามารถฟ้องร้องและดำเนินคดีได้ ซึ่งขั้นแรก 2 คนนี้โดนแน่นอนครับ มีข้อมูลแน่นอนครับ ก็ต้องดำเนินคดีถึงที่สุดครับ เพราะมันส่งผลกระทบต่อชื่อเสียง หน้าที่การงานและบริษัทของพี่เปิ้ลมาก แต่ถึงที่สุดมากน้อยเพียงไรเรื่องนี้ก็ปล่อยให้เป็นกระบวนการของศาลที่ศาลจะตัดสิน ส่วนทางเราได้ลั่นไปแล้วว่าจะดำเนินคดีถึงที่สุดและจะมากน้อยเพียงไรก็ต้องขึ้นอยู่ที่เขาด้วย เพราะเขาเป็นคนก่อ ไม่ใช่ทางเรา และถ้ากระบวนการไกล่เกลี่ยหลังจากนี้ก็ต้องไปคุยกันในชั้นศาลเท่านั้นครับ
ตอนนี้มีถ้าอินบ็อกซ์มาขอโทษแล้ว มีมาเยอะมากครับ แต่การจะขอโทษต้องไปคุยในชั้นศาลดีกว่าครับ และคดีอาญาเกี่ยวข้องคดีแพ่งอยู่แล้วครับ การเรียกค่าเสียหายต้องมีอยู่แล้ว อยู่ที่ความเหมาะสม อยู่ที่ความเสียหายของลูกความว่าเขาเสียหายมากน้อยเพียงไร ข้อความที่เลือกว่าจะฟ้อง คือข้อความไหนวิจารณ์ท่านก็เห็นอยู่ในคอมเมนต์ วิจารณ์อันนี้ผมยอมรับ เพราะเป็นบุคคลสาธารณะ นักการเมือง ดารา วิจารณ์ได้ แต่ข้อความไหนใส่ร้ายเราก็เอาข้อความพวกนั้นมาฟ้องตามข้อกฎหมาย อันไหนใส่ร้ายเราก็ต้องฟ้องทุกข้อความที่ใส่ร้าย แต่ข้อความวิจารณ์ก็ขอบคุณมากครับ อาจจะมีฟ้องเกินหลักร้อยคน ต้องเกินอยู่แล้วครับ แต่เราจะไม่ฟ้องทีเดียว เราจะทยอยครับ
ในมุมทนายที่สุดก็คือ คนที่ทำผิดจะต้องได้รับโทษ ระหว่างนี้ถ้าเป็นกระบวนการทางกฎหมายฟ้องไปปุ๊บศาลก็จะเรียกมาไกล่เกลี่ย ประนีประนอมยอมความกันก่อนครับ ถ้าตกลงได้ก็ตกลง ตกลงไม่ได้ก็ต้องให้พิพากษาไป อีกไม่เกินสองอาทิตย์ต้องเริ่มฟ้องแล้วครับ ครั้งแรกสองคนก่อนครับ ที่เหลือก็ทยอยฟ้องเรื่อยๆ ครับ”