“นพ.ธีระวัฒน์” เผย 2 กลุ่มเสี่ยงติดโควิด-19 ทั้งผู้ใช้บริการช่วงเดียวกับทหารอียิปต์-ลูกทูต และประชาชนที่เข้าพื้นที่ภายใน 9 วันหลังจากนั้น เหตุไวรัสนี้มีชีวิต 9 วัน แนะกลุ่มเสี่ยงทุกคนเร่งตรวจหาโควิด-19 เตือน! ผู้ติดเชื้อสามารถแพร่ต่อได้นานนับเดือน ประชาชนพื้นที่เสี่ยงต้องดูแลตัวเองเคร่งครัด ฟันธง ไม่ระบาดรอบสอง หรือถึงขั้นล็อกดาวน์ระยอง ชี้ล็อกกลุ่มเสี่ยงได้ เป้าหมายชัดเจน มั่นใจไร้ปัญหาติดตามควบคุมโรค
กรณีทหารชาวอียิปต์ซึ่งแวะจอดเครื่องที่สนามบินอู่ตะเภา และเข้าพักในโรงแรม จ.ระยอง กับกรณีบุตรสาวอุปทูตซูดานและครอบครัว ซึ่งเดินทางมาไทยและพักในคอนโดมิเนียมที่กรุงเทพฯ โดยทั้ง 2 รายได้รับการยกเว้นไม่ต้องมีการกักตัวเนื่องจากเป็นแขกวีไอพีของรัฐบาล แต่ภายหลังตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด-19 จนกลายเป็นประเด็นร้อนที่สร้างความไม่พอใจให้แก่คนไทยทั้งประเทศ กระทั่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องออกมาแถลงขอโทษ ขณะที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.)ได้ประกาศยกเลิกสิทธิพิเศษของวีไอพีที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศไทย งานนี้เรียกว่า “ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา” เนื่องจากก่อนหน้านี้ มีนักวิชาการและบุคลากรทางการแพทย์หลายท่านได้ออกมาท้วงติงคัดค้านการให้สิทธิพิเศษแก่แขกวีไอพีของรัฐบาลที่เดินทางเข้าประเทศไทยได้โดยไม่ต้องมีการกักตัว แต่ก็ดูเหมือนรัฐบาลและกองทัพจะไม่ได้สนใจและไม่ให้ความสำคัญแต่อย่างใด
ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผอ.ศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หนึ่งในบุคลากรทางการแพทย์ที่เคยคัดค้านเรื่องนี้ ได้ให้ความเห็นต่อกรณีดังกล่าวว่า นี่คือบทเรียนราคาแพงที่รัฐบาลต้องนำไปไตร่ตรอง เพื่อให้มาตรการควบคุมป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นไปอย่างรอบคอบและมีประสิทธิภาพสูงสุด ต่อจากนี้ต้องมีการตรวจเชื้อและกักตัวผู้ที่เดินทางเข้าประเทศไทยเป็นเวลา 14 วัน เหมือนกันทุกคน ไม่เช่นนั้นก็มีโอกาสที่เชื้อจะเล็ดลอดเข้ามาและกลายเป็นการแพร่ระบาดระลอก 2 ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจของไทยซึ่งซบเซาอยู่แล้วยิ่งย่ำแย่หนักขึ้นไปอีก
“ทหารอียิปต์เดินทางไปยังประเทศเสี่ยงมานับไม่ถ้วน ไม่ยอมตรวจเชื้อ และไม่มีการกักตัว ปล่อยให้ไปพักในโรงแรมที่ไม่ใช่ State Quarantine ไปอยู่ปะปนกับประชาชนทั่วไปซึ่งเสี่ยงต่อการแพร่เชื้ออย่างมาก หลายคนคิดว่าการยกเว้นการกักตัววีไอพีเป็นข้อตกลงระหว่างประเทศ ซึ่งจริงๆ ไม่ใช่ เป็นเรื่องที่ ศบค.กำหนดขึ้นเอง โดยระบุอยู่ในมาตรา 9 ของ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ดังนั้น เราแก้ระเบียบได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว ต่อจากนี้การป้องกันโรคระบาดต้องไม่มีวีไอพี หรืออภิสิทธิ์ในการตรวจหาเชื้อและการกักตัว เพราะเชื้อไวรัสไม่เลือกคน ไม่ว่าใครก็ติดเชื้อได้” ศ.นพ.ธีระวัฒน์ กล่าว
สำหรับมาตรการในการตรวจคัดกรองประชาชนที่เป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด-19 จากทหารอียิปต์และลูกอุปทูตซูดานและครอบครัวนั้น ศ.นพ.ธีระวัฒน์ ชี้แจงว่า เนื่องจากเชื้อโควิด-19 จะติดอยู่บนพื้นผิวของสิ่งต่างๆ ที่ผู้ติดเชื้อและคนใกล้ชิด (ซึ่งเสี่ยงจะติดเชื้อ) สัมผัส ได้นานถึง 9 วัน ถ้าบุคคลทั่วไปสัมผัสกับประตู ผนังลิฟต์ หรือข้าวของต่างๆ ที่ผู้ติดเชื้อสัมผัสก็มีโอกาสรับเชื้อได้หมด แม้แต่เชื้อที่ตกอยู่บนพื้นก็สามารถลอยฟุ้งขึ้นมาได้ ดังนั้น ผู้ที่ต้องเฝ้าระวังและเข้าสู่การคัดกรองโควิด-19 จึงไม่ใช่เฉพาะผู้ที่เข้าไปใช้บริการในสนามบิน โรงแรม ห้างสรรพสินค้า และคอนโดมิเนียม ในช่วงเดียวกับทหารอียิปต์และลูกอุปทูตซูดานเท่านั้น แต่รวมถึงผู้ที่มาใช้บริการในสถานที่เหล่านี้ก่อนที่จะมีการฆ่าเชื้อ หรือภายในระยะเวลา 9 วันหลังจากทหารอียิปต์และลูกอุปทูตซึ่งติดเชื้อและผู้ใกล้ชิดเข้ามาในพื้นที่แล้วดังกล่าว
ส่วนผู้ที่ติดเชื้อจากกลุ่มทหารอียิปต์หรือครอบครัวทูตซูดาน ไม่ว่าติดเชื้อแล้วจะแสดงอาการหรือไม่ก็สามารถแพร่เชื้อได้ โดยเชื้อจะเริ่มแพร่หลังจากได้รับเชื้อไปแล้ว 3 วัน และจะแพร่ต่อไปเรื่อยๆ ได้นานถึง 30 วัน หรือจนกว่าจะหายป่วย ดังนั้น จึงมีโอกาสที่เชื้อจะแพร่ไปในวงกว้าง
“ผู้ที่จะได้รับการแจ้งเตือนจาก ศบค.ว่าอยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่จะติดเชื้อจะมีแค่คนที่สแกนแอปไทยชนะหรือคนที่กล้องวงจรปิดสามารถจับได้ในช่วงที่ผู้ติดเชื้อไปใช้บริการในห้างสรรพสินค้า โรงแรม หรือคอนโดฯ ที่เกิดเหตุเท่านั้น ส่วนคนที่ไม่ได้สแกนหรือกล้องจับไม่ได้ รวมถึงคนที่มาใช้บริการภายใน 9 วันหลังจากนั้น ซึ่งจริงๆ แล้วอยู่ในกลุ่มเสี่ยง จะไม่ได้รับการแจ้งเตือน ดังนั้นประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงต้องเช็กให้ดีว่าเราอยู่ในกลุ่มนี้หรือไม่ ถ้าใช่ก็สามารถไปตรวจหาเชื้อได้ทั้งที่โรงพยาบาลและที่รถตรวจเชื้อพระราชทานซึ่งทราบว่าลงไปให้บริการที่ระยองแล้ว ที่สำคัญต้องกักตัวเองและหลีกเลี่ยงการใช้ชีวิตร่วมกับคนในครอบครัวเป็นเวลา 14 วัน” ศ.นพ.ธีระวัฒน์ ระบุ
ทั้งนี้ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ มองว่า การกักตัวของครอบครัวอุปทูตซูดานซึ่งอยู่ในกลุ่มเสี่ยง ภายในบ้านพักของสถานทูตซูดานนั้นอาจไม่ค่อยปลอดภัยและเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ เนื่องจากเจ้าหน้าสถานทูตอาจไม่มีความรู้ความเข้าใจและไม่มีมาตรการป้องกันเหมือนใน State Quarantine ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ดูแล มีระเบียบปฏิบัติชัดเจน มีการรักษาระยะห่าง และฆ่าเชื้อทำความสะอาดสถานที่อยู่เป็นประจำ การกักตัวในบ้านพักหรือในสถานทูตจึงอาจสร้างความเสียหายให้ทั้งครอบครัวผู้ติดเชื้อและสถานทูตเอง ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ควรย้ายมากักตัวใน State Quarantine จะปลอดภัยกว่า
สำหรับการปฏิบัติตัวของประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงจากกรณีการติดเชื้อโควิด-19 ของทหารอียิปต์และลูกอุปทูตซูดานนั้น ศ.นพ.ธีระวัฒน์ ชี้แจงว่า ไม่จำเป็นต้องวิตกวิตกกังวลมากนัก แค่ปฏิบัติตัวเหมือนกับการดูแลป้องกันตัวเองจากโควิด-19 คือใส่หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง หมั่นล้างมือ และกินร้อนช้อนส่วนตัว แต่ที่สำคัญคือต้องปฏิบัติตัวอย่างเคร่งครัด
อย่างไรก็ดี ศ.นพ.ธีระวัฒน์ มั่นใจว่ากรณีนี้จะไม่นำไปสู่การระบาดรอบ 2 ของโควิด-19 หรือถึงขั้นต้องล็อกดาวน์ จ.ระยอง หรือล็อกดาวน์ประเทศอย่างที่หลายฝ่ายหวั่นเกรง เนื่องจาก ศบค. และหน่วยงานด้านสาธารณสุขมีข้อมูลเป้าหมายซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงชัดเจน ทั้งที่ จ.ระยอง และกรุงเทพฯ มีมาตรการติดตามและคัดกรองกลุ่มเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ จึงเชื่อว่าจะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้อย่างแน่นอน