xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กตู่” รู้แล้วใครคือ “ไอ้โม่ง” งาบหน้ากาก ใช้ “ทหาร-ตำรวจ-ปปง.-ดีเอสไอ” ลุยสืบ!

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



จับตาหน้ากากอนามัย หายไปไหน ใครคือ 'ไอ้โม่ง' ใครได้ประโยชน์ ทุกรายชื่อทั้งนักการเมือง ข้าราชการ พ่อค้า ล้วนอยู่ในมือ 'นายกฯ' แล้ว ระบุ 'บิ๊กตู่' ใช้ทีมงานจากหน่วยข่าวกรองทหาร, สตช., สอบสวนกลาง, ดีเอสไอ, ปปง., ปอท.และอัจฉริยะ ร่วมด้วยสืบทางลับและเปิดเผย รู้เส้นทางการเงินไปที่ใคร นายกฯ เตือนกลุ่มคนที่ฉวยโอกาส อย่าคิดว่าจะหลุดพ้นไปได้! ชี้การออก พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน โทษหนัก 2 เท่า ส่วน ปชป.จี้ถาม 'จุรินทร์' คำตอบคือ 'เงียบ' ด้านสมาชิก ปชป.เชื่อ นายกฯ ไม่ไว้ใจ ก.พาณิชย์แล้ว! เพียงแต่ยังไม่จัดการ!

หน้ากากอนามัยที่ใช้ในวงการแพทย์ หายไปไหน และใครคือไอ้โม่งที่กักตุนหน้ากากอนามัยเพื่อหาประโยชน์ให้กับตัวเองและพวกพ้องท่ามกลางภาวะวิกฤตการระบาดเชื้อไวรัส COVID-19 และทันที่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกาศใช้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในเขตทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักรตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม 2563-30 เมษายน 2563 เพื่อให้เราสามารถหยุดการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 พร้อมกับลดผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นกับพี่น้องประชาชนทุกคน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
ที่สำคัญนายกฯ ยังได้ประกาศเตือนกลุ่มคนที่ฉวยโอกาส หาผลประโยชน์บนความทุกข์ร้อนบนความเป็นความตายของประชาชน ให้รู้ไว้ว่าอย่าคิดว่าจะหลุดพ้นไปได้!

“ผมจะทำทุกอย่างที่จะใช้กฎหมายจัดการกับคนเหล่านี้อย่างรวดเร็วเด็ดขาดและไม่ปรานี”

ถ้อยแถลงที่นายกฯ ลั่นออกมานั้นจะส่งผลให้บรรดาผู้ที่กักตุน หรือแสวงหาประโยชน์จากวิกฤตครั้งนี้ โดยเฉพาะเรื่องหน้ากากอนามัย ต่างก็ร้อนๆ หนาวๆ ตามกันว่าใครบ้างทั้งข้าราชการ นักการเมือง พ่อค้า อยู่ในบัญชีรายชื่อที่ถูกส่งถึงนายกรัฐมนตรีบิ๊กตู่ไปแล้ว

เบื้องต้นนายกรัฐมนตรีมีคำสั่งย้ายนายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ให้ไปปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งทันทีที่มีคำสั่งนี้ออกไปก็ปรากฏว่านายวิชัย โภชนกิจ ได้ยื่นใบลาออกจากราชการเช่นกัน




แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล บอกว่า วันนี้นายกฯ มีข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการหายไปของหน้ากากอนามัย และบุคคลที่เกี่ยวข้องเกือบทุกฝ่าย เนื่องจากนายกฯ ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากเพราะในยามที่ประเทศกำลังเผชิญวิกฤตอยู่บนความเป็นความตายของประชาชนกลับมีกลุ่มคนฉวยโอกาสแสวงหาประโยชน์ได้อย่างไร จึงเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาสั่งการโดยตรง มีทั้งหน่วยข่าวกรองของทหาร, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง, กรมสอบสวนคดีพิเศษ(DSI), สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(บก.ปอท.) เข้าไปตรวจสอบ

“ทุกหน่วยงานไปตรวจสอบตามอำนาจหน้าที่ โดยเฉพาะ ปปง.ต้องไปดูเส้นทางการเงินย้อนหลังดูกันว่าไปอยู่ที่ใครบ้าง เพราะเรื่องการไหลของเงินไปเข้ากระเป๋าใคร ก็จะทำให้เราตามหาหลักฐานได้ง่าย ใครจะกล้าใช้บัญชีคนอื่นทำแทนก็ต้องไปควานหาตัวจริงกันให้ได้”

เมื่อทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับคำสั่งดังกล่าวแล้ว ก็จะต้องมีการเข้าไปรายงานซึ่งนายกฯ ให้เวลาหน่วยงานละ 15-20 นาที และข้อมูลทุกหน่วยงานจะมีการเชื่อมโยงหากันทั้งหมด เช่นเมื่อประมาณ 16 มี.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ก็ได้เข้าไปรายงานความคืบหน้าเรื่องหน้ากากอนามัยให้นายกฯ ได้รับทราบข้อมูล

“ตอนนี้ข้อมูลที่มีอยู่ที่เป็นเอกสารตั้งแต่ คณะกรรมการ กกร. กรมการค้าภายใน กรมศุลกากร กระทรวงสาธารณสุข บริษัทเอกชน รวมทั้งคนที่เกี่ยวข้องทั้งที่เป็นนักการเมือง ข้าราชการ อยู่ในมือนายกฯ มีการทำเป็นแผนผัง หรือกราฟิก ดูเข้าใจง่าย ที่ชัดๆ มีการตรวจพบสต๊อกลมของหน้ากาก และยังมีการใช้เอกสารปลอมหรือการสำแดงเท็จ รวมทั้งโรงงานผลิตจริงกับการส่งให้หน่วยงานรัฐไม่ตรงกัน มีการนำออกไปขายในตลาดออนไลน์จำนวนมาก”

นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม
รวมทั้งในการหาข้อมูลเรื่องของหน้ากากอนามัยนั้น นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ถือเป็นคนหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญในการช่วยสืบหาข้อมูลในทางลับและเปิดเผย รวมทั้งยังเป็นผู้ทำหน้าที่ล่อซื้อหน้ากาก ซึ่งข้อมูลที่ได้มานั้นถูกส่งมอบให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยตรง

อีกทั้งในการไปตรวจสอบข้อมูลต่างๆ นั้นนายอัจฉริยะ ยังได้ทีมตำรวจในทุกกองบัญชาการคอยให้การช่วยเหลือในการเข้าตรวจค้น ซึ่งเรื่องนี้นายกฯ รับรู้ทั้งหมด

แหล่งข่าวบอกอีกว่า สังคมอาจจะมองว่านายกฯ นิ่งเฉยไม่ได้ดำเนินการอะไรต่อในเรื่องของหน้ากากอนามัยหลังจากที่มีคำสั่งย้ายอธิบดีกรมการค้าภายในไปแล้ว แต่ในความเป็นจริงนายกฯเร่งรัดมาก และเมื่อมี พ.ร.ก.ฉุกเฉินออกมาแล้ว จะพบว่าเส้นทางในการค้าหน้ากากอนามัยจะเปลี่ยนรูปแบบไปทันที เพราะคนเหล่านี้ไม่สามารถจะขนหน้ากากอนามัยออกมาเพื่อส่งออกไปต่างประเทศหรือขายออนไลน์ได้เป็นคันๆ รถ เพราะมีการตั้งด่านตรวจทั่วประเทศ เพราะหากตรวจเจอทั้งถูกจับและส่งดำเนินคดีทันที

สำหรับการเปิดขายออนไลน์ ก็ไม่สามารถทำได้ง่ายอีกต่อไปแล้วเพราะหน่วยงาน ปอท.จะเฝ้าตรวจสอบเข้มงวดขึ้น ซึ่งหากถูกจับได้บทลงโทษในช่วงมี พ.ร.ก.ฉุกเฉินจะรุนแรงขึ้นเป็น 2 เท่า


“ตอนนี้นายกฯ คุมอำนาจเบ็ดเสร็จ ใครที่เคยได้ประโยชน์ก็คงต้องดิ้นสุดฤทธิ์ 200 ล้านชิ้น ถ้าได้ชิ้นละ 10 บาท จะเป็นเงินเท่าไหร่ 2 พันล้านหรือไม่? แต่จริงๆ ได้มากกว่านั้นหรือไม่?”

ปัจจุบันข้อมูลต่างๆ ถูกส่งตรงไปให้นายกฯ บิ๊กตู่ทั้งหมด! ซึ่งก็แปลว่านายกฯ รู้อยู่ว่านักการเมือง ข้าราชการคนไหนได้ประโยชน์บ้าง แต่ที่ยังไม่ดำเนินการใดๆ ในเวลานี้ก็เพราะยังมีเรื่องวิกฤต COVID-19 ซึ่งเป็นประเด็นใหญ่ที่ต้องรีบจัดการก่อน

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค ปชป
แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล บอกอีกว่า ในส่วนของรัฐมนตรี และ ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ ก็ได้มีการพูดคุยกันเกี่ยวกับปัญหาหน้ากากอนามัยและใครคือผู้ต้องสงสัยบ้าง ซึ่งสมาชิกพรรค ปชป. เชื่อว่านายกฯ ไม่ให้ความไว้วางใจกระทรวงพาณิชย์แล้ว เพียงแต่ยังไม่พูดและไม่ตำหนิรัฐมนตรีของพรรคโดยตรง แต่การที่นายกฯ เฉย ไม่พูดอะไรกับรัฐมนตรีของพรรคทั้งที่มีการส่งข้อมูลจากทีมงานที่นายกฯ ใช้หาข้อมูลโดยตรง จึงเป็นเรื่องที่สมาชิกทุกคนมีความกังวลอยู่บ้าง

“ที่เห็นเคลื่อนไหวในพรรค ปชป.ก็มี เทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช ยื่นหนังสือถึงนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค ปชป.และกรรมการบริหารพรรค ปชป. เรียกร้องให้ใช้มาตรฐานพรรคพร้อมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง กรณีนางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ลาออกจากตำแหน่งโดยไม่ต้องรอผลสอบจากปมปัญหาการกักตุนหน้ากากอนามัย จนเป็นวิวาทะกันในพรรคเกิดขึ้น”

แต่ก็ยังมีสมาชิกพรรคหลายคนยังไม่ละความพยายามที่จะหาคำตอบว่าหัวหน้าพรรค ปชป.จะจัดการปัญหานี้อย่างไร จึงได้เข้าไปพูดคุย เข้าไปสอบถามนายจุรินทร์ ในเรื่องของหน้ากากอนามัยโดยให้ความเห็นว่านายกฯ บิ๊กตู่ แสดงออกในลักษณะไม่ให้ความไว้วางใจกระทรวงพาณิชย์ แต่สิ่งที่สมาชิกได้คำตอบกลับมาจากนายจุรินทร์ คือความนิ่งเฉย เงียบ ไม่พูดไม่ตอบอะไร ซึ่งส่วนตัวนายจุรินทร์ ก็เป็นคนเงียบๆ อยู่แล้ว

“สมาชิกก็ถามคุณจุรินทร์ จะไม่พูดอะไรให้สมาชิกพรรค หรือแถลงข่าวให้สังคมรู้เข้าใจบ้างเลยหรือ แต่หัวหน้าพรรคก็ได้แต่เฉยๆ แสดงออกเหมือนกับว่าช่วงนี้ก็พยายามทำให้หน้ากากมีใช้เพียงพอ ก็น่าจะยุติปัญหาที่เกิดขึ้นไปได้”


ส่วนจะให้หัวหน้าพรรค ปชป.เรียกประชุมพรรค เพื่อชี้แจงเรื่องหน้ากากอนามัยก็เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลย ยิ่งช่วงปิดประชุมสภาฯ พรรค ปชป.ก็ไม่มีการเรียกประชุมใดๆ ทิ้งสิ้น เวลานี้ก็ใช้ไลน์กลุ่มของพรรคเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์เท่านั้น

จากนี้ไปก็ต้องเฝ้ารอว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะจัดการเรื่องหน้ากากอนามัยอย่างไร และจะสามารถเช็กบิลนักการเมืองที่ได้ประโยชน์จริงหรือไม่? ตามที่ได้ลั่นวาจาไว้

“ผมจะทำทุกอย่างที่จะใช้กฎหมายจัดการกับคนเหล่านี้อย่างรวดเร็ว เด็ดขาด และไม่ปรานี”!!



กำลังโหลดความคิดเห็น