หลายฝ่ายหนุนปิดเมือง-ปิดประเทศ ให้ประชาชนกักตัวอยู่ในบ้าน 21 วัน เพื่อสกัดโควิด “ศ.นพ.ธีระวัฒน์” ยันมาตรการนี้หยุดโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ได้ใน 3 สัปดาห์ เหตุสามารถคัดกรองผู้ป่วยออกจากระบบป้องกันการแพร่ระบาดได้เกือบ 100% พบ 10 ประเทศทั่วโลกออกประกาศแล้ว ด้าน “รศ.ดร.สมชาย” ชี้ หากไม่รีบดำเนินการเศรษฐกิจไทยจะพังทั้งประเทศ ผู้นำต้องรู้จักลำดับความสำคัญ เตือนดูอิตาลีเป็นตัวอย่าง
นอกจากมาตรการ “ล็อกดาวน์” จังหวัดอุทัยธานีและบุรีรัมย์ ปิดเมืองด้วยมาตรการสาธารณสุข เพื่อสร้างความมั่นใจในการสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ได้ ที่ผลักดันโดยนายเนวิน ชิดชอบ ประธานบริหารสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และอดีตแกนนำพรรคภูมิใจไทย และนายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย ที่ได้รับเสียงตอบรับอย่างกว้างขวางแล้ว ด้านแพทย์แผนปัจจุบันที่เชี่ยวชาญด้านโรคอุบัติใหม่ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุทะ ผอ.ศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และแพทย์ทางเลือกอย่าง นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต ต่างก็เห็นพ้องกันว่ารัฐบาลควรประกาศปิดประเทศเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19 แบบ 100% เนื่องจากขณะนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อเข้าขั้นวิกฤตแล้ว จะเห็นได้ว่าช่วง 3 วันที่ผ่านมา ยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดทุกวัน โดยเพิ่มขึ้นถึงวันละ 30 คน ส่งผลให้จำนวนผู้ป่วยสะสมของไทยสูงถึง 177 คน
ศ.นพ.ธีระวัฒน์ ชี้ว่า ความน่ากลัวของโควิด-19 อยู่ตรงที่ระยะแพร่เชื้อของโรคนี้เริ่มตั้งแต่บุคคลได้รับเชื้อและยังไม่แสดงอาการ ทำให้บุคคลนั้นไม่รู้ว่าตนเองติดเชื้อโคโรนาสายพันธุ์ใหม่จึงยังใช้ชีวิตแบบปกติ ยังคงไปที่ทำงาน ไปโรงเรียน ไปซื้อของในห้างสรรพสินค้า ไปออกกำลังกาย เข้าไปในที่ชุมชน ทำให้ผู้ติดเชื้อเข้าไปใกล้ชิดและสัมผัสผู้คนจำนวนมาก ขณะที่ผู้รับเชื้อก็ไม่ได้ระมัดระวัง เพราะไม่รู้ว่าบุคคลที่ใกล้ชิดกับตนเป็นผู้ติดเชื้อ ทำให้โควิด-19 แพร่กระจายไปเป็นทอดๆ อย่างรวดเร็ว ดังนั้น หากทุกคนไม่หยุดกิจกรรม แล้วจำกัดให้ตัวเองอยู่ในบ้าน ก็มีโอกาสที่จะเป็นผู้รับเชื้อหรือผู้แพร่เชื้อได้ เราจึงจำเป็นที่ต้องปิดประเทศเพื่อหยุดกิจกรรมทุกอย่างไว้ชั่วคราว เพื่อคัดกรองผู้ป่วยและหยุดการแพร่เชื้อ โดยควรประกาศปิดประเทศเป็นเวลา 21 วัน ซึ่งเป็นระยะที่สามารถตรวจพบและคัดกรองผู้ติดเชื้อออกจากระบบได้เกือบทั้งหมด
การปิดประเทศคือ การป้องกันไม่ให้ผู้ที่อาจติดเชื้อเข้าประเทศ ให้คนไทยทุกคนหยุดกิจกรรมนอกบ้าน หรือทำเท่าที่จำเป็น บางสาขาอาชีพต้องหยุดดำเนินงานชั่วคราว อาชีพที่สามารถทำงานที่บ้านได้ก็ทำงานที่บ้าน ส่วนงานที่มีความจำเป็นต่อสาธารณะ เช่น งานบริการ งานที่เกี่ยวข้องกับสาธารณูปโภค ก็ออกจากบ้านไปทำ ส่วนผู้ที่หยุดอยู่บ้านจะออกจากบ้านก็เพื่อทำกิจธุระที่จำเป็นจริงๆ เช่น ออกไปซื้ออาหาร ซื้อของใช้ เสร็จแล้วต้องรีบกลับ และป้องกันตัวเองสูงสุด คือมีหน้ากาก เจลล้างมือ ห้ามพูดคุยหรือพบปะสังสรรค์เด็ดขาด
“ปัญหาคือปัจจุบันเราไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ป่วยบ้าง เพราะเขายังไม่แสดงอาการ แต่เขาแพร่เชื้อแล้ว ถามว่าทำไมต้องปิดประเทศ 21 วัน ก็เพราะระยะฟักตัวอยู่ที่ 14 วัน ระยะนี้บางคนที่แข็งแรงอาจมีอาการไม่มากหรือไม่รู้ตัว แต่เขาสามารถปล่อยเชื้อไวรัสได้ถึง 21 วัน หากหยุดกิจกรรม อยู่แต่ในบ้านก็จะไม่นำเชื้อออกไปแพร่ให้ผู้อื่น ใน 21 วันนี้ใครมีอาการป่วยก็เข้าสู่การรักษาตามขั้นตอน ส่วนคนที่ไม่ป่วยหลังจาก 21 วัน ก็กลับเข้าสู่สังคมได้ตามปกติ แบบนี้เราจะสามารถคัดกรองผู้ติดเชื้อได้เกือบ 100% ใช้เวลาแค่ 3 สัปดาห์ประเทศก็จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ" ศ.นพ.ธีระวัฒน์ กล่าว
สำหรับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ที่ประกาศออกมาล่าสุดนั้น ศ.นพ.ธีระวัฒน์ มองว่า ยังเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ตรงจุด เพราะแม้จะปิดสถานบันเทิง หยุดมหรสพต่างๆ ไม่ให้มีการชุมนุม ประชุม หรือเลื่อนวันสงกรานต์ออกไป แต่ผู้คนยังใช้ชีวิตตามปกติ ผู้ที่ติดเชื้อแต่ยังไม่รู้ตัวเพราะยังไม่แสดงอาการก็ยังคงออกไปทำงานเหมือนเดิม ไปโดยสารรถเมล์ แท็กซี่ รถประจำทาง หรือรถไฟฟ้าซึ่งมีความแออัด เขาก็ยังแพร่เชื้อสู่บุคคลอื่นได้อยู่ อยากให้ดูตัวอย่างประเทศที่เกิดการแพร่ระบาดอย่างหนัก อย่าง จีน อิตาลี เขาก็ตัดสินใจปิดประเทศแล้ว
“อู่ฮั่นครั้งแรกสุด บอกว่าโรคไม่น่ากลัว พอบรรลัยเรียบร้อยก็เริ่มตื่นตัว ปิดประเทศและปิดบ้าน ผมเรียนย้ำว่าวิธีการปิดในลักษณะนี้มีหลายประเทศที่บรรลัยไปเรียบร้อย อย่างอิหร่าน อังกฤษ หรืออิตาลี การปิดประเทศมันอาจไม่คลีน 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้ามีมาตรการเข้มข้นจะมีประสิทธิภาพมาก ต้องไม่ลืมว่าประเทศจีนพินาศทั้งประเทศ แต่กลับมาได้ใน 3 อาทิตย์เพราะปิดประเทศ จนปัจจุบันกลายเป็นประเทศสะอาดที่สุด และคนอื่นจะเข้าจีนต้องมีการกักตัว 14 วัน สำหรับประเทศไทย ณ ขณะนี้เอาไม่อยู่แน่ๆ ถ้าไม่มีความเด็ดขาด ตอนนี้เรายังไม่ได้บรรลัยถึงขนาดนั้น เราไม่ต้องรอให้มันเจ๊งขนาดนั้น เราดักล่วงหน้าก่อน”
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่าขณะนี้มีอย่างน้อย 10 ประเทศทั่วโลกที่ประกาศ ปิดเมือง ปิดพรมแดน รวมไปถึงปิดประเทศเป็นการชั่วคราวเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ไม่ว่าจะเป็น จีน ซึ่งประกาศปิดประเทศตั้งแต่เดือน ม.ค.ที่ผ่านมา อิตาลี ประกาศปิดประเทศถึงวันที่ 3 เม.ย.2563 สหรัฐอเมริกา ระงับการเดินทางจากยุโรปเข้าสู่ประเทศ เป็นเวลา 30 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคม 2563 แคนาดา ห้ามชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศทั้งหมด ยกเว้นลูกเรือ นักการทูต สมาชิกในครอบครัวของพลเมืองแคนาดา และพลเมืองสหรัฐอเมริกา สเปน ประกาศใช้นโยบายปิดประเทศเพื่อต่อสู้กับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หลังพบตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องในยุโรป ซึ่งคำสั่งดังกล่าวถือว่ามีผลบังคับใช้ในทันที โดยชาวสเปนทุกคนจะต้องอยู่ภายในบ้านพัก เว้นแต่ออกมาซื้อยา อาหาร ไปทำงาน ไปโรงพยาบาล หรือมีเหตุฉุกเฉินเร่งด่วนเท่านั้น
อินเดีย ประกาศปิดประเทศเป็นการชั่วคราว ห้ามนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าระหว่างวันที่ 13 มีนาคม-15 เมษายน 2563 มาเลเซีย สั่งห้ามพลเมืองเดินทางไปต่างประเทศ และห้ามชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศเป็นเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ โดยเริ่มจากวันที่ 18 มีนาคม จนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2563 ประเทศกาตาร์ ระงับการเข้าเมืองชั่วคราว เป็นเวลา 2 สัปดาห์ นับจากวันที่ 16 มีนาคม 2563 เยอรมนี ประกาศปิดพรมแดนที่ติดต่อกับฝรั่งเศส ออสเตรีย และสวิตเซอร์แลนด์ เป็นเวลา 30 วัน โดยเริ่มจากวันที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมา ฟิลิปปินส์ ประกาศปิดกรุงมะนิลา ตั้งแต่วันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่วนฝรั่งเศส ประกาศขอความร่วมมือไม่ให้ประชาชนออกจากที่พักอาศัยเป็นเวลา 15 วัน ตั้งแต่วันที่ 17 มีนาคม 2563
ด้าน รศ.ดร.สมชาย ภคภาสวิวัฒน์ นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์และการเมือง ระบุว่า เห็นด้วยกับมาตรการปิดประเทศ และปิด จ.บุรีรัมย์ จ.อุทัยธานี เพื่อป้องการการแพร่ระบาดของโควิด-19 เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดในขณะที่เกิดวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ไปทั่วโลกไม่ใช่เศรษฐกิจ แต่เป็นชีวิตผู้คน ซึ่งคนที่เป็นผู้นำจะต้องสามารถเรียงลำดับความสำคัญว่าในสถานการณ์นั้นๆ อะไรที่มีความสำคัญก่อนหลัง ทั้งนี้ หากไม่สามารถป้องกันการแพร่เชื้อ กระทั่งเกิดการลุกลามบานปลายจะยิ่งทำให้เศรษฐกิจของไทยทรุดจนยากจะเยียวยา
รัฐบาลต้องมีมาตรการที่เข้มข้นเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโรค เราจะเห็นตัวอย่างจากประเทศอิตาลี ซึ่งมีบางเมืองที่ประกาศปิดเมืองตั้งแต่ไวรัสโคโรนาเพิ่งเริ่มระบาด กระทั่งปัจจุบันรัฐบาลอิตาลีได้ประกาศปิดประเทศ ซึ่งจะพบว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อของเมืองที่มีการปิดตัวไปก่อนหน้านี้มีจำนวนน้อยกว่าเมืองอื่นๆ ที่เพิ่งปิดตัว ซึ่งที่ผ่านมา จีนพยายามที่จะเตือนอังกฤษและอิตาลีให้ปิดประเทศ แต่ 2 ประเทศนี้ไม่ฟัง กระทั่งโรคลุกลามไปทั่ว เศรษฐกิจย่ำแย่ ล่าสุดอิตาลีเพิ่งตัดสินใจประกาศปิดประเทศ
“ถ้าเชื้อแพร่กระจายไปทั่ว เศรษฐกิจไทยก็จะพังพินาศทั้งประเทศ หากรัฐบาลตัดสินใจล่าช้าเชื้ออาจขยายตัวลุกลามเหมือนที่เกิดในประเทศอิตาลี ซึ่งแม้ตอนนี้จะประกาศปิดประเทศก็ดูจะสายไปแล้ว ถ้าเราปิดประเทศตอนนี้เศรษฐกิจสามารถกลับมาฟื้นตัวภายในระยะเวลาสั้นๆ เพราะคนยังมีกำลังซื้อ หลังจาก 3 สัปดาห์ที่ปิดประเทศ คนไม่ได้ออกจากบ้านไปไหน บางส่วนไม่ได้ใช้เงินก็จะอัดอั้น ออกมาเที่ยว ออกมาจับจ่ายกัน ส่วนกรณีที่เกรงว่าสินค้าอุปโภคบริโภคจะขาดตลาดเพราะประชาชนตื่นตระหนกจึงเกิดการกักตุนกันนั้น รัฐบาลก็สามารถสั่งให้ผู้ประกอบการเพิ่มกำลังการผลิตและควบคุมราคาได้อยู่แล้ว” รศ.ดร.สมชาย ระบุ