“ธัมมชโย” สั่งสู้ ไม่ยอมมอบตัวหรือให้เข้าจับกุม หลังอัยการเห็นควรสั่งฟ้อง เดินหน้าระดมคนผ่านโครงการสวดธัมมจักฯ ที่วัดตลอด 24 ชั่วโมง ขยายเป้าไปเรื่อย ๆ จาก 1 ล้านจบเป็น 11 ล้านจบ ลากยาวถึงสิ้นปี หากดีเอสไอเข้ามาต้องฝ่ากำแพงมนุษย์เหมือนเดิม ด้านคณะทำงานคดีนี้เผยหลังธัมมชโยเข้าสู่กระบวนการทางคดี เตรียมเคลียร์ทรัพย์สินในวัด แย้มคราวนี้ตัวช่วยไม่เหมือนเดิมแล้วทั้งมหาเถรสมาคมและนักการเมืองที่หวังจะมาช่วย
เป็นอันว่าคดีของพระเทพญาณมหามุนี อัยการมีความเห็นสั่งฟ้องเมื่อ 23 พฤศจิกายน 2559 ในคดีที่นายธรรมนูญ อัตโชติ ประธานชมรมฟื้นฟูสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นก้าวหน้า พร้อมผู้เสียหาย กล่าวหาว่า พระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย พร้อมพวกรวม 5 คน กระทำความผิดฐานสมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และรับของโจร (คดีพิเศษที่ 27/2559)
หลังจากที่อัยการเลื่อนการสั่งคดีมาแล้ว 5 ครั้ง หลังจากพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ส่งผลการสอบสวนเพิ่มเติมมาให้อัยการเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยในครั้งนี้อัยการมีความเห็นสั่งฟ้องนายศุภชัย ผู้ต้องหาที่ 1 นางสาวศรัญญา ผู้ต้องหาที่ 3 นางทองพิน ผู้ต้องหาที่ 4 ในความผิดฐานสมคบกันฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงินตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 โดยพนักงานอัยการได้นัดนางสาวศรัญญา ผู้ต้องหาที่ 3 นางทองพิน ผู้ต้องหาที่ 4 มารายงานตัวเพื่อยื่นฟ้องต่อศาลในวันที่ 30 พฤศจิกายน เวลา 09.30 น. ผู้ต้องหาที่ 3 และ 4 ต้องมาพบพนักงานอัยการ หากไม่มาจะประสานขอออกหมายจับต่อศาล ส่วนนายศุภชัย ผู้ต้องหาที่ 1 ถูกคุมขังในคดีอื่นอยู่ในเรือนจำอยู่แล้ว
นอกจากนี้ยังมีความเห็นควรสั่งฟ้องพระธัมมชโย ผู้ต้องหาที่ 2 และนางสาวศศิธร ผู้ต้องหาที่ 5 ในความผิดฐานสมคบกันฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงินและรับของโจร ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 359, 83 และแจ้งให้กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการจับกุมผู้ต้องหาที่ 2 และ 5 มาส่งให้อัยการเพื่อดำเนินการต่อไปภายในอายุความ 15 ปี นับแต่วันที่กระทำผิด คือเดือนมกราคม 2552
ขณะที่พันตำรวจเอกไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า ต้องรอหนังสือจากทางอัยการส่งมาก่อน จากนั้นต้องวางแผนการเข้าตรวจค้นภายในวัดพระธรรมกาย โดยดีเอสไอมีแผนการปฏิบัติตามขั้นตอนเพื่อนำตัวมาส่งอัยการต่อไป หากเกิดการขัดขวางของบรรดาลูกศิษย์ เจ้าหน้าที่ก็ต้องทำตามกระบวนการกฎหมาย ส่วนวันและเวลาไม่สามารถเปิดเผยได้
ลุ้นจับตัวพระธัมมชโย
นับเป็นเรื่องที่หลายฝ่ายติดตามกันอย่างใจจดใจจ่อต่อคดีดังกล่าวว่า จะเป็นมวยล้มเหมือนในอดีตหรือไม่ และเป็นเรื่องที่ต้องลุ้นระทึกว่าการที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ในฐานะพนักงานสอบสวนจะเข้าไปจับกุมตัวพระธัมมชโยออกมาจากวัดพระธรรมกายได้หรือไม่ หลังจากที่ล้มเหลวไปครั้งที่แล้วเมื่อ 16 มิถุนายน 2559 เนื่องจากมีการระดมศิษย์ของวัดพระธรรมกายมานั่งขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ และดีเอสไอกังวลว่าจะเกิดเหตุวุ่นวายจึงมีการยกเลิกภารกิจดังกล่าว
“ตอนนี้ต้องดูว่าพระธัมมชโยยังอยู่ในวัดหรือหลบหนีไปต่างประเทศเหมือนกระแสข่าวที่ออกมา หากยังอยู่ในวัดทางดีเอสไอจะเข้าไปจับกุมตัวได้หรือไม่ และสถานการณ์ในวันที่เข้าไปจับกุมตัวนั้นจะมีการปลุกระดมมวลชนของวัดพระธรรมกายเหมือนเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาหรือไม่” หนึ่งในคณะทำงานติดตามคดีวัดพระธรรมกายกล่าว
อย่างไรก็ตามการจะเข้าไปจับกุมตัวพระธัมมชโยภายในวัดพระธรรมกายนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเป็นวัดใหญ่มีลูกศิษย์เป็นจำนวนมาก ก่อนหน้านี้ก็มีการระดมคนมาป้องกันการจับกุมตัวพระธัมมชโยด้วยการออกแบบให้เป็นการสวดมนต์ จนดีเอสไอต้องถอนกำลังออกไป
หลังจากนั้นทางวัดก็ได้ออกแบบพิธีกรรมสวดธัมมจักกัปปวัตตนสูตร บูชาพระมหาธรรมกายเจดีย์ ด้วยการเชิญชวนให้สวดทั้งวันทั้งคืนที่บริเวณพระมหาเจดีย์พระพุทธเจ้าล้านพระองค์ เริ่มที่ 1 ล้านจบ เพิ่มเป็น 2 ล้านจบ ขยายเป็น 4 ล้านจบ 5.5 ล้านจบ เรื่อยมาจนเป็น 7.7 ล้านจบเมื่อเทศกาลลอยกระทงและเพิ่มเป็น 11.11 ล้านจบจนถึงสิ้นปี 2559 ซึ่งชัดเจนว่าแล้วโครงการสวดธัมมจักกัปปวัตตนสูตรที่ผ่านมานั้น เป้าหมายที่แท้จริงคือการดึงทั้งพระและลูกศิษย์มาเป็นเวรยามป้องกันการจับกุมตัวพระธัมมชโย
ธัมมชโยสั่งสู้
“เราทราบเบื้องต้นผ่านทางคนใกล้ชิดของพระธัมมชโยว่า รอบนี้หลวงพ่อท่านสั่งสู้และจะไม่ยอมเข้าไปมอบตัวหรือยอมให้เจ้าหน้าที่เข้ามาจับกุม”
อย่างตอนนี้ก็มีการเร่งระดมคนผ่านโครงการสวดธัมมจักฯ ตลอด 24 ชั่วโมง คราวนี้ขึ้นอยู่กับท่าทีของวัดว่าจะตัดสินใจอย่างไร หากต้องการจะให้เกิดความวุ่นวายด้วยการขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน เพื่อภาพที่ออกมาดูไม่ดีก็เป็นอีกแนวทางหนึ่ง และจะมีการจัดงานใหญ่ในวันที่ 2 ธันวาคมนี้คาดมีคนนับแสนร่วมงาน
เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ทางดีเอสไอจะต้องไปหาวิธีในการเข้าไปจับกุมตัว ในกรณีที่จับกุมตัวพระธัมมชโยมาได้แล้ว ต้องมีขั้นตอนดำเนินการสึกจากความเป็นพระเพื่อมาต่อสู้คดีในทางโลก แต่อาจมีการต่อรองกันขึ้นกับดุลพินิจของผู้ที่เกี่ยวข้องว่าจะตัดสินใจอย่างไร
แต่คราวนี้ DSI ต้องจับพระธัมมชโยเพื่อนำตัวมาให้อัยการให้ได้ ไม่อย่างนั้นกระบวนการดำเนินคดีต่อศาลจะไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ ถ้าไม่สามารถนำตัวพระธัมมชโยมาได้จะมีผลต่อตัวหน่วยงานของ DSI เอง
ครั้งนี้คงไม่เหมือนกับครั้งก่อน เนื่องจากในครั้งนั้นคดีฟอกเงินและรับของโจรทางอัยการยังไม่มีคำสั่งฟ้องในเวลานั้น แต่วันนี้อัยการมีความเห็นสั่งฟ้องแล้ว ดังนั้นทาง DSI มีหน้าที่นำตัวพระธัมมชโยมาดำเนินคดีให้ได้ ซึ่งทาง DSI จะต้องถอดบทเรียนจากครั้งที่แล้วและนำมาปรับยุทธวิธีในการเข้าจับกุมกันใหม่และคงเพิ่มเจ้าหน้าที่จากส่วนงานอื่นเข้ามาร่วมปฏิบัติการ
เตรียมเคลียร์ทรัพย์สินธรรมกาย
ตอนนี้ยังไม่มีใครให้คำตอบได้ชัดเจนว่า พระธัมมชโยยังอยู่ในวัดพระธรรมกายหรือไม่ แม้ว่านายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกของวัดพระธรรมกายจะออกมายืนยันว่า พระเดชพระคุณหลวงพ่อของพวกเขายังอยู่ในวัดและไม่มีพาสปอร์ตในการเดินทางไปต่างประเทศ แต่ทุกอย่างคงต้องรอให้ทางเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจค้นภายในวัดก่อน
หากพระธัมมชโยหลบหนีไปต่างประเทศจริง ก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องดำเนินการประสานกับประเทศปลายทางให้ดำเนินการส่งตัวกลับมายังประเทศไทย ส่วนจะได้รับความร่วมมือหรือไม่ขึ้นอยู่กับการเจรจาของรัฐบาล
ในกรณีที่พระธัมมชโยยังอยู่ในวัด แต่มีการใช้มวลชนล้อมตัวอดีตเจ้าอาวาสไว้ DSI ก็ต้องหาวิธีการเอาตัวออกมา อาจจะไม่ได้ตัวในครั้งแรก ๆ ก็ต้องพยายามในครั้งต่อไป หากทุกอย่างเรียบร้อย สามารถนำตัวพระธัมมชโยเข้ามาสู่กระบวนการพิจารณาตามกฎหมายได้
“ไม่ว่าพระธัมมชโยจะหลบหนีไปต่างประเทศหรือสามารถนำตัวออกมาดำเนินคดีได้ ขั้นตอนต่อไปภาครัฐได้เตรียมแนวทางปฏิบัติหลังจากนี้ไว้เรียบร้อยแล้ว นั่นคือขั้นตอนของกระบวนการดำเนินการกับทรัพย์สินต่าง ๆ ที่อยู่ภายในวัดพระธรรมกายให้เป็นไปตามหลักธรรมคำสอนที่ถูกต้อง”
มหาเถรสมาคม-ไม่เหมือนเดิม
คดีนี้แม้จะไม่ต่างกับคดีอื่นที่พระกระทำความผิด แต่ด้วยเหตุที่เครือข่ายของวัดพระธรรมกายนั้นใหญ่ มีลูกศิษย์เป็นจำนวนมาก ทั้งข้าราชการระดับสูง นักการเมือง รวมไปถึงเครือข่ายทางสงฆ์ ซึ่งคดีก่อนหน้าของพระธัมมชโยที่มีการถอนฟ้องออกไปนั้น เชื่อว่าสถานการณ์ในวันนี้มีความแตกต่างจากในอดีต การจะลากคดีออกไปให้พ้นจากรัฐบาลชุดนี้ แล้วไว้รอไปรอดในรัฐบาลของพรรคการเมืองบางพรรคเหมือนในอดีตอาจจะไม่ง่ายอีกต่อไป
ประการต่อมาแม้พระธัมมชโยจะเป็นพระชั้นผู้ใหญ่ มีสายสัมพันธ์ที่ดีกับมหาเถรสมาคมที่เคยพ้นจากการอาบัติปาราชิกมา แต่อาจจะไม่เหมือนเดิมแม้หัวขบวนในมหาเถรสมาคมจะเป็นสมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ อาจารย์ของพระธัมมชโย ด้วยปัญหาเรื่องสุขภาพและท่านยังมีคดีเรื่องรถเบนซ์หรู การเข้าร่วมตัดสินใดๆ เกี่ยวกับกรณีของพระธัมมชโยอาจไม่สง่างาม
นอกจากนี้ในวันที่ 5 ธันวาคม 2559 ทางมหาเถรสมาคมเตรียมสถาปนาสมณศักดิ์พระเถรานุเถระ 159 รูป โดยมีสมเด็จพระราชาคณะชั้นสุพรรณบัฏ 1 รูปคือ พระพรหมคุณาภรณ์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต ป.ธ.9) วัดญาณเวศกวัน อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม เป็นสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ญาณอดุลสุนทรนายก ปาพจนดิลกวรานุศาสน์ อารยางกูรพิลาสนามานุกรม คัมภีรญาณอุดมวิศิษฏ์ ตรีปิฎกบัณฑิต มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี อรัญวาสี เป็นกรรมการมหาเถรสมาคมโดยตำแหน่ง
ที่ผ่านมาพระพรหมคุณาภรณ์เคยออกมาให้ความรู้ต่อสาธารณชนถึงเรื่องความผิดเพี้ยนไปจากหลักธรรมคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าของวัดพระธรรมกายอยู่ระยะหนึ่ง ดังนั้นหากกระบวนการใด ๆ ของพระธัมมชโยที่ต้องมาอยู่ในการพิจารณาของมหาเถรสมาคมอีกครั้ง ตัวช่วยที่เคยมีอาจไม่เหมือนเดิม
รอการเมืองช่วยคงยาก
สำหรับในทางคดีแล้วนี่เป็นเพียงแค่คดีแรกที่อัยการสั่งฟ้อง ยังมีคดีอื่น ๆ อีกหลายคดีที่รอดำเนินการกับพระธัมมชโย ตอนนี้จึงขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพระธัมมชโยเองว่าจะสู้คดีหรือหลบหนี หากเลือกที่จะสู้คดีตัวช่วยจากลูกศิษย์อาจจะยังมีอยู่บ้าง แต่จะน้อยลงไปเรื่อย ๆ เพราะที่ผ่านมารัฐบาลมีการสั่งย้ายข้าราชการที่ทำให้คดีนี้ล่าช้าออกไป
ส่วนการรอความหวังให้พรรคการเมืองบางพรรคกลับเข้ามาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง เพื่อช่วยให้คดีของพระธัมมชโยพ้นมลทินนั้น วันนี้ท่านต้องกลับไปพิจารณาสถานการณ์ต่าง ๆ ให้ดีว่าเฉพาะคดีรับจำนำข้าวนั้น หัวขบวนก็ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองไปแล้วและกำลังถูกดำเนินคดีอาญาเช่นกัน รวมไปถึงรัฐธรรมนูญใหม่ที่แม้อยู่ระหว่างปรับแก้ แต่ไม่ได้ให้อำนาจกับนักการเมืองเหมือนในอดีตอีกต่อไป
ส่วนการหลบหนีไปต่างประเทศนั้น ในทางปฏิบัติสามารถทำได้อยู่แล้วด้วยวิธีการที่ผู้ต้องหาส่วนใหญ่ใช้กันคือเล็ดลอดไปตามชายแดนต่าง ๆ วิธีการนี้จะช่วยให้พระธัมมชโยไม่ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ไม่ถูกจับกุม แต่ท่านจะยอมตัดใจจากอาณาจักรธรรมกาย รวมถึงทรัพย์สินเงินทองที่มีอยู่ท่านจะปล่อยวางได้หรือไม่
เป็นอันว่าคดีของพระเทพญาณมหามุนี อัยการมีความเห็นสั่งฟ้องเมื่อ 23 พฤศจิกายน 2559 ในคดีที่นายธรรมนูญ อัตโชติ ประธานชมรมฟื้นฟูสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นก้าวหน้า พร้อมผู้เสียหาย กล่าวหาว่า พระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย พร้อมพวกรวม 5 คน กระทำความผิดฐานสมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และรับของโจร (คดีพิเศษที่ 27/2559)
หลังจากที่อัยการเลื่อนการสั่งคดีมาแล้ว 5 ครั้ง หลังจากพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ส่งผลการสอบสวนเพิ่มเติมมาให้อัยการเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยในครั้งนี้อัยการมีความเห็นสั่งฟ้องนายศุภชัย ผู้ต้องหาที่ 1 นางสาวศรัญญา ผู้ต้องหาที่ 3 นางทองพิน ผู้ต้องหาที่ 4 ในความผิดฐานสมคบกันฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงินตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 โดยพนักงานอัยการได้นัดนางสาวศรัญญา ผู้ต้องหาที่ 3 นางทองพิน ผู้ต้องหาที่ 4 มารายงานตัวเพื่อยื่นฟ้องต่อศาลในวันที่ 30 พฤศจิกายน เวลา 09.30 น. ผู้ต้องหาที่ 3 และ 4 ต้องมาพบพนักงานอัยการ หากไม่มาจะประสานขอออกหมายจับต่อศาล ส่วนนายศุภชัย ผู้ต้องหาที่ 1 ถูกคุมขังในคดีอื่นอยู่ในเรือนจำอยู่แล้ว
นอกจากนี้ยังมีความเห็นควรสั่งฟ้องพระธัมมชโย ผู้ต้องหาที่ 2 และนางสาวศศิธร ผู้ต้องหาที่ 5 ในความผิดฐานสมคบกันฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงินและรับของโจร ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 359, 83 และแจ้งให้กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการจับกุมผู้ต้องหาที่ 2 และ 5 มาส่งให้อัยการเพื่อดำเนินการต่อไปภายในอายุความ 15 ปี นับแต่วันที่กระทำผิด คือเดือนมกราคม 2552
ขณะที่พันตำรวจเอกไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า ต้องรอหนังสือจากทางอัยการส่งมาก่อน จากนั้นต้องวางแผนการเข้าตรวจค้นภายในวัดพระธรรมกาย โดยดีเอสไอมีแผนการปฏิบัติตามขั้นตอนเพื่อนำตัวมาส่งอัยการต่อไป หากเกิดการขัดขวางของบรรดาลูกศิษย์ เจ้าหน้าที่ก็ต้องทำตามกระบวนการกฎหมาย ส่วนวันและเวลาไม่สามารถเปิดเผยได้
ลุ้นจับตัวพระธัมมชโย
นับเป็นเรื่องที่หลายฝ่ายติดตามกันอย่างใจจดใจจ่อต่อคดีดังกล่าวว่า จะเป็นมวยล้มเหมือนในอดีตหรือไม่ และเป็นเรื่องที่ต้องลุ้นระทึกว่าการที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ในฐานะพนักงานสอบสวนจะเข้าไปจับกุมตัวพระธัมมชโยออกมาจากวัดพระธรรมกายได้หรือไม่ หลังจากที่ล้มเหลวไปครั้งที่แล้วเมื่อ 16 มิถุนายน 2559 เนื่องจากมีการระดมศิษย์ของวัดพระธรรมกายมานั่งขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ และดีเอสไอกังวลว่าจะเกิดเหตุวุ่นวายจึงมีการยกเลิกภารกิจดังกล่าว
“ตอนนี้ต้องดูว่าพระธัมมชโยยังอยู่ในวัดหรือหลบหนีไปต่างประเทศเหมือนกระแสข่าวที่ออกมา หากยังอยู่ในวัดทางดีเอสไอจะเข้าไปจับกุมตัวได้หรือไม่ และสถานการณ์ในวันที่เข้าไปจับกุมตัวนั้นจะมีการปลุกระดมมวลชนของวัดพระธรรมกายเหมือนเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาหรือไม่” หนึ่งในคณะทำงานติดตามคดีวัดพระธรรมกายกล่าว
อย่างไรก็ตามการจะเข้าไปจับกุมตัวพระธัมมชโยภายในวัดพระธรรมกายนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเป็นวัดใหญ่มีลูกศิษย์เป็นจำนวนมาก ก่อนหน้านี้ก็มีการระดมคนมาป้องกันการจับกุมตัวพระธัมมชโยด้วยการออกแบบให้เป็นการสวดมนต์ จนดีเอสไอต้องถอนกำลังออกไป
หลังจากนั้นทางวัดก็ได้ออกแบบพิธีกรรมสวดธัมมจักกัปปวัตตนสูตร บูชาพระมหาธรรมกายเจดีย์ ด้วยการเชิญชวนให้สวดทั้งวันทั้งคืนที่บริเวณพระมหาเจดีย์พระพุทธเจ้าล้านพระองค์ เริ่มที่ 1 ล้านจบ เพิ่มเป็น 2 ล้านจบ ขยายเป็น 4 ล้านจบ 5.5 ล้านจบ เรื่อยมาจนเป็น 7.7 ล้านจบเมื่อเทศกาลลอยกระทงและเพิ่มเป็น 11.11 ล้านจบจนถึงสิ้นปี 2559 ซึ่งชัดเจนว่าแล้วโครงการสวดธัมมจักกัปปวัตตนสูตรที่ผ่านมานั้น เป้าหมายที่แท้จริงคือการดึงทั้งพระและลูกศิษย์มาเป็นเวรยามป้องกันการจับกุมตัวพระธัมมชโย
ธัมมชโยสั่งสู้
“เราทราบเบื้องต้นผ่านทางคนใกล้ชิดของพระธัมมชโยว่า รอบนี้หลวงพ่อท่านสั่งสู้และจะไม่ยอมเข้าไปมอบตัวหรือยอมให้เจ้าหน้าที่เข้ามาจับกุม”
อย่างตอนนี้ก็มีการเร่งระดมคนผ่านโครงการสวดธัมมจักฯ ตลอด 24 ชั่วโมง คราวนี้ขึ้นอยู่กับท่าทีของวัดว่าจะตัดสินใจอย่างไร หากต้องการจะให้เกิดความวุ่นวายด้วยการขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน เพื่อภาพที่ออกมาดูไม่ดีก็เป็นอีกแนวทางหนึ่ง และจะมีการจัดงานใหญ่ในวันที่ 2 ธันวาคมนี้คาดมีคนนับแสนร่วมงาน
เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ทางดีเอสไอจะต้องไปหาวิธีในการเข้าไปจับกุมตัว ในกรณีที่จับกุมตัวพระธัมมชโยมาได้แล้ว ต้องมีขั้นตอนดำเนินการสึกจากความเป็นพระเพื่อมาต่อสู้คดีในทางโลก แต่อาจมีการต่อรองกันขึ้นกับดุลพินิจของผู้ที่เกี่ยวข้องว่าจะตัดสินใจอย่างไร
แต่คราวนี้ DSI ต้องจับพระธัมมชโยเพื่อนำตัวมาให้อัยการให้ได้ ไม่อย่างนั้นกระบวนการดำเนินคดีต่อศาลจะไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ ถ้าไม่สามารถนำตัวพระธัมมชโยมาได้จะมีผลต่อตัวหน่วยงานของ DSI เอง
ครั้งนี้คงไม่เหมือนกับครั้งก่อน เนื่องจากในครั้งนั้นคดีฟอกเงินและรับของโจรทางอัยการยังไม่มีคำสั่งฟ้องในเวลานั้น แต่วันนี้อัยการมีความเห็นสั่งฟ้องแล้ว ดังนั้นทาง DSI มีหน้าที่นำตัวพระธัมมชโยมาดำเนินคดีให้ได้ ซึ่งทาง DSI จะต้องถอดบทเรียนจากครั้งที่แล้วและนำมาปรับยุทธวิธีในการเข้าจับกุมกันใหม่และคงเพิ่มเจ้าหน้าที่จากส่วนงานอื่นเข้ามาร่วมปฏิบัติการ
เตรียมเคลียร์ทรัพย์สินธรรมกาย
ตอนนี้ยังไม่มีใครให้คำตอบได้ชัดเจนว่า พระธัมมชโยยังอยู่ในวัดพระธรรมกายหรือไม่ แม้ว่านายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกของวัดพระธรรมกายจะออกมายืนยันว่า พระเดชพระคุณหลวงพ่อของพวกเขายังอยู่ในวัดและไม่มีพาสปอร์ตในการเดินทางไปต่างประเทศ แต่ทุกอย่างคงต้องรอให้ทางเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจค้นภายในวัดก่อน
หากพระธัมมชโยหลบหนีไปต่างประเทศจริง ก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องดำเนินการประสานกับประเทศปลายทางให้ดำเนินการส่งตัวกลับมายังประเทศไทย ส่วนจะได้รับความร่วมมือหรือไม่ขึ้นอยู่กับการเจรจาของรัฐบาล
ในกรณีที่พระธัมมชโยยังอยู่ในวัด แต่มีการใช้มวลชนล้อมตัวอดีตเจ้าอาวาสไว้ DSI ก็ต้องหาวิธีการเอาตัวออกมา อาจจะไม่ได้ตัวในครั้งแรก ๆ ก็ต้องพยายามในครั้งต่อไป หากทุกอย่างเรียบร้อย สามารถนำตัวพระธัมมชโยเข้ามาสู่กระบวนการพิจารณาตามกฎหมายได้
“ไม่ว่าพระธัมมชโยจะหลบหนีไปต่างประเทศหรือสามารถนำตัวออกมาดำเนินคดีได้ ขั้นตอนต่อไปภาครัฐได้เตรียมแนวทางปฏิบัติหลังจากนี้ไว้เรียบร้อยแล้ว นั่นคือขั้นตอนของกระบวนการดำเนินการกับทรัพย์สินต่าง ๆ ที่อยู่ภายในวัดพระธรรมกายให้เป็นไปตามหลักธรรมคำสอนที่ถูกต้อง”
มหาเถรสมาคม-ไม่เหมือนเดิม
คดีนี้แม้จะไม่ต่างกับคดีอื่นที่พระกระทำความผิด แต่ด้วยเหตุที่เครือข่ายของวัดพระธรรมกายนั้นใหญ่ มีลูกศิษย์เป็นจำนวนมาก ทั้งข้าราชการระดับสูง นักการเมือง รวมไปถึงเครือข่ายทางสงฆ์ ซึ่งคดีก่อนหน้าของพระธัมมชโยที่มีการถอนฟ้องออกไปนั้น เชื่อว่าสถานการณ์ในวันนี้มีความแตกต่างจากในอดีต การจะลากคดีออกไปให้พ้นจากรัฐบาลชุดนี้ แล้วไว้รอไปรอดในรัฐบาลของพรรคการเมืองบางพรรคเหมือนในอดีตอาจจะไม่ง่ายอีกต่อไป
ประการต่อมาแม้พระธัมมชโยจะเป็นพระชั้นผู้ใหญ่ มีสายสัมพันธ์ที่ดีกับมหาเถรสมาคมที่เคยพ้นจากการอาบัติปาราชิกมา แต่อาจจะไม่เหมือนเดิมแม้หัวขบวนในมหาเถรสมาคมจะเป็นสมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ อาจารย์ของพระธัมมชโย ด้วยปัญหาเรื่องสุขภาพและท่านยังมีคดีเรื่องรถเบนซ์หรู การเข้าร่วมตัดสินใดๆ เกี่ยวกับกรณีของพระธัมมชโยอาจไม่สง่างาม
นอกจากนี้ในวันที่ 5 ธันวาคม 2559 ทางมหาเถรสมาคมเตรียมสถาปนาสมณศักดิ์พระเถรานุเถระ 159 รูป โดยมีสมเด็จพระราชาคณะชั้นสุพรรณบัฏ 1 รูปคือ พระพรหมคุณาภรณ์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต ป.ธ.9) วัดญาณเวศกวัน อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม เป็นสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ญาณอดุลสุนทรนายก ปาพจนดิลกวรานุศาสน์ อารยางกูรพิลาสนามานุกรม คัมภีรญาณอุดมวิศิษฏ์ ตรีปิฎกบัณฑิต มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี อรัญวาสี เป็นกรรมการมหาเถรสมาคมโดยตำแหน่ง
ที่ผ่านมาพระพรหมคุณาภรณ์เคยออกมาให้ความรู้ต่อสาธารณชนถึงเรื่องความผิดเพี้ยนไปจากหลักธรรมคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าของวัดพระธรรมกายอยู่ระยะหนึ่ง ดังนั้นหากกระบวนการใด ๆ ของพระธัมมชโยที่ต้องมาอยู่ในการพิจารณาของมหาเถรสมาคมอีกครั้ง ตัวช่วยที่เคยมีอาจไม่เหมือนเดิม
รอการเมืองช่วยคงยาก
สำหรับในทางคดีแล้วนี่เป็นเพียงแค่คดีแรกที่อัยการสั่งฟ้อง ยังมีคดีอื่น ๆ อีกหลายคดีที่รอดำเนินการกับพระธัมมชโย ตอนนี้จึงขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพระธัมมชโยเองว่าจะสู้คดีหรือหลบหนี หากเลือกที่จะสู้คดีตัวช่วยจากลูกศิษย์อาจจะยังมีอยู่บ้าง แต่จะน้อยลงไปเรื่อย ๆ เพราะที่ผ่านมารัฐบาลมีการสั่งย้ายข้าราชการที่ทำให้คดีนี้ล่าช้าออกไป
ส่วนการรอความหวังให้พรรคการเมืองบางพรรคกลับเข้ามาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง เพื่อช่วยให้คดีของพระธัมมชโยพ้นมลทินนั้น วันนี้ท่านต้องกลับไปพิจารณาสถานการณ์ต่าง ๆ ให้ดีว่าเฉพาะคดีรับจำนำข้าวนั้น หัวขบวนก็ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองไปแล้วและกำลังถูกดำเนินคดีอาญาเช่นกัน รวมไปถึงรัฐธรรมนูญใหม่ที่แม้อยู่ระหว่างปรับแก้ แต่ไม่ได้ให้อำนาจกับนักการเมืองเหมือนในอดีตอีกต่อไป
ส่วนการหลบหนีไปต่างประเทศนั้น ในทางปฏิบัติสามารถทำได้อยู่แล้วด้วยวิธีการที่ผู้ต้องหาส่วนใหญ่ใช้กันคือเล็ดลอดไปตามชายแดนต่าง ๆ วิธีการนี้จะช่วยให้พระธัมมชโยไม่ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ไม่ถูกจับกุม แต่ท่านจะยอมตัดใจจากอาณาจักรธรรมกาย รวมถึงทรัพย์สินเงินทองที่มีอยู่ท่านจะปล่อยวางได้หรือไม่