ยังอยู่ให้จับหรือเปล่าจ๊ะ..เป็นคำถามที่ผุดขึ้นมาในสังคม หลัง "อัยการ" เห็นควรสั่งฟ้อง "พระธัมมชโย" และแจ้งให้ดีเอสไอดำเนินการจับกุมมาส่งให้อัยการเพื่อดำเนินการต่อไปภายในอายุความ 15 ปี ส่วนพวกก็ไม่รอด ต้องมารายงานตัวเพื่อยื่นฟ้องต่อศาลในวันที่ 30 พ.ย.นี้ ซึ่งเป็นการวัดใจ "อัยการ" ครั้งใหญ่ว่าจะสามารถบังคับใช้กฎหมายในคดีดังกล่าวนี้ได้หรือไม่...
มหากาพย์คดี "ธัมมชโย"
ทันทีที่มีข่าว "อัยการ" เห็นควรสั่งฟ้อง "พระธัมมชโย" พระเทพญาณมหามุนี หรือ ไชยบูลย์ ธมฺมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย จ.ปทุมธานี ผู้เสพข่าวที่ติดตามคดีนี้อย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงผู้ใช้สื่อโซเชียลต่างมีความเห็นที่หลากหลาย โดยเฉพาะประเด็นคำถาม ทำไมถึงตามจับพระรูปนี้ไม่ได้สักที ทั้งๆ ที่มีชนักติดหลังถึง 3 หมายจับ พร้อมกับคาดการณ์ว่า ป่านนี้คงไม่อยู่ให้เจ้าหน้าที่ได้จับกุมแล้ว
เมื่อพูดถึงคดีนี้ หลายคนคงเกาหัวยิกๆ ด้วยความฉงนใจว่าทำไมคดี "พระธัมมชโย" ยังยืดเยื้อยาวนาน โดยเฉพาะอัยการที่มีการเลื่อนสั่งคดีออกไปตั้ง 5 ครั้ง ทั้งๆ ที่เป็นผู้ต้องหาในข้อหาสมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจร ตลอดจนคดีบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ กรณีจัดสร้างสวนป่าหิมวันต์ ต.ร่องจิก อ.ภูเรือ จ.เลย
ตามมาด้วยอีกดอกกับหมายจับคดีที่ 3 ศาลจังหวัดสีคิ้วอนุมัติหมายจับตามคำร้องขอของ พ.ต.อ.ชาญณรงค์ ขนาดนิด ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานความผิดร่วมกันสร้าง แผ้วถาง หรือเผาป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่าหรือเข้ายึดถือครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่น โดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 54 และมาตรา 72 ตรี กรณีการก่อสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรมเวิลด์พีซวัลเล่ย์ เขาใหญ่ ในอ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
"เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน เพราะเจ้าหน้าที่เองก็ไม่อยากดำเนินการใดๆ ที่ก่อให้เกิดปัญหาบ้านเมืองขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงนี้ อีกทั้งคดีดังกล่าวก็เป็นความผิดฐานบุกรุกป่า ไม่ใช่ความผิดต่อชีวิต และร่างกาย ที่จะต้องใช้กำลังเข้าไปเอาตัวมาลงผิดโดยทันที..." เป็นคำให้สัมภาษณ์ส่วนหนึ่งของรอง ผบ.ตร.ในฐานะผู้มีส่วนรับผิดชอบกับคดีดังกล่าว เช่นเดียวกับอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่บอกว่า การเข้าจับกุม พระธัมมชโยเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ต้องรอประเมินความพร้อมทุกๆ อย่างให้รอบคอบ ดีเอสไอรอประเมินสถานการณ์ตลอด
ได้ฟังแบบนี้แล้ว ทำให้เกิดเสียงประชดประชันขึ้นมาว่า ภายใน 15 ปี ตามอายุความนั้น อาจมีการจับกุมเอาในช่วงปีที่ 14 หรือปีที่ 15 ก่อนหมดอายุความเพียงไม่กี่ชั่วโมงหรือเปล่า
อย่างไรก็ดี ดูเหมือนจะมีความหวังที่ผุดพรายขึ้นจากการตื่นตัวของ "อัยการ" หลังพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ส่งผลการสอบสวนเพิ่มเติมมาให้อัยการเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน คณะทำงานอัยการพิจารณาหลักฐานจากการสอบสวนและผลสอบสวนเพิ่มเติมทั้งหมดรวมถึงหนังสือร้องขอความเป็นธรรมของผู้ต้องหาแล้ว ได้มีความเห็นสั่งคดีดังกล่าวเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2559 ที่ผ่านมา
โดยมีความเห็นควรสั่งฟ้องอดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น "นายศุภชัย ศรีศุภอักษร" ผู้ต้องหาที่ 1, อดีตคณะบริหารสหกรณ์ฯ "น.ส.ศรัญญา มานหมัด" ผู้ต้องหาที่ 3 และอดีตคณะบริหารสหกรณ์ฯ "นางทองพิน กันล้อม" ผู้ต้องหาที่ 4 ในความผิดฐานสมคบกันฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน โดยพนักงานอัยการได้นัดผู้ต้องหาที่ 3 และผู้ต้องหาที่ 4 มารายงานตัวเพื่อยื่นฟ้องต่อศาลในวันที่ 30 พฤศจิกายนนี้ หากผู้ต้องหาไม่มาจะประสานขอออกหมายจับต่อศาล ส่วนผู้ต้องหาที่ 1 ถูกคุมขังในคดีอื่นอยู่ในเรือนจำอยู่แล้ว
ขณะที่ผู้ต้องหาคนสำคัญ "พระธัมมชโย" ผู้ต้องหาที่ 2 และน.ส.ศศิธร โชคประสิทธิ์ ผู้ต้องหาที่ 5 คณะทำงานมีความเห็นควรสั่งฟ้องในความผิดฐานสมคบกันฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงินและรับของโจร ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 359, 83 และแจ้งให้ดีเอสไอดำเนินการจับกุม ก่อนส่งให้อัยการเพื่อดำเนินการต่อไปภายในอายุความ 15 ปี นับแต่วันที่กระทำผิด คือเดือนมกราคม 2552
แต่กระนั้น ความเห็นควรสั่งฟ้องในครั้งนี้ ถูกจับตาจากสังคมอยู่ไม่น้อย เพราะใครหลายคนยังหวั่นๆ อยู่ว่าจะเลื่อนการสั่งฟ้องออกไปเป็นครั้งที่ 6 อีกหรือไม่
อย่าปล่อยให้ "เธอ" ลอยนวล
"ตอนนี้อัยการบอกว่าควรสั่งฟ้อง ทำให้ผมสงสัยต่อว่า ตอนนี้พระธัมมชโยยังอยู่ที่วัดหรือครับ"
"จับให้ได้ก่อน 15 ปีสักหนึ่งวันก็ยังดีครับท่าน ไม่อย่างนั้นเสียฟอร์มหมดแน่"
"ส่วนจะหนีหรือไม่หนีนั้นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นหลักก็คือ เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องไปตามจับมา"
เป็นความเห็นส่วนหนึ่งในโลกโซเชียลฯ หลัง "อัยการ" เห็นควรสั่งฟ้อง "พระธัมมชโย" และพวก ก่อนให้ดีเอสไอตามจับก่อนหมดอายุความ 15 ปี
ล่าสุด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม "พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา" เผยถึงความคืบหน้าผ่านสื่อ ซึ่งคงต้องติดตามในวันที่ 30 พฤศจิกายนนี้อีกทีว่า "อัยการ" จะสั่งฟ้องหรือไม่หลังจากเลื่อนการพิจารณามาแล้ว 5 ครั้ง เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับสำนวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) อย่างไรก็ดี แม้จะเอาตัวมาได้แล้ว แต่ถ้าอัยการไม่สั่งฟ้องเรื่องก็จบ ดังนั้นต้องรออัยการไม่อยากไปก้าวก่ายซึ่งกันและกัน
ทางฟากอธิบดีดีเอสไอ "พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง" ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อ โดยบอกว่า ต้องรอหนังสือแจ้งอย่างเป็นทางการจากอัยการอีกที ก่อนจะเผยถึงการติดตามประเมินสถานการณ์ของวัดพระธรรมกายอย่างต่อเนื่อง โดยได้ประสานกับหน่วยงานตำรวจ ทหาร พร้อมกับวางการจับกุมไว้หมดแล้ว
ถึงตอนนี้ แน่นอนว่า แรงกดดันทั้งหมดจึงตกมาอยู่ที่ฝ่าย "อัยการ" เต็มๆ ซึ่งถือเป็นบทพิสูจน์น้ำยากระบวนการยุติธรรมไทยครั้งสำคัญเลยก็ว่าได้
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754