เพื่อไทยยอมรับพรรคอยู่ในช่วงขาลง เหลียวหาคน“ชินวัตร”นำทัพ ล้วนทยอยถูกเชือด หวังพึ่ง “ลูกโอ๊ค” ก็ติดบ่วงจากกรณีกรุงไทย ส่วนจะดันแกนนำอย่างจาตุรนต์ก็โดนรัฐบาลบิ๊กตู่ถอนพาสปอร์ต ด้านลูกพรรคมองไม่เห็นอนาคต เตรียมทยอยย้ายหนี วันนี้เหลือตัวเลือกสุดท้ายแค่“บิ๊กจิ๋ว” แต่อาจไม่สมหวัง จนอาจนำไปสู่การปิดฉากของพรรคเพื่อไทยก็เป็นได้
คำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เมื่อ 26 สิงหาคม 2556 ในคดีธนาคารกรุงไทยปล่อยสินเชื่อให้แก่บริษัทในเครือกฤษดามหานคร เหตุเกิดในช่วงปี 2546-2547 ส่งผลให้ร้อยโทสุชาย เชาว์วิศิษฐ อดีตประธานกรรมการบริหารธนาคารกรุงไทย นายวิโรจน์ นวลแข อดีตกรรมการผู้จัดการธนาคารกรุงไทย กรรมการบริหาร คณะกรรมการสินเชื่อ เจ้าหน้าที่สินเชื่อของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กรรมการผู้มีอำนาจของบริษัทในเครือกฤษดามหานคร และ 3 บริษัทในเครือกฤษดามหานคร ถูกพิพากษาจำคุกรวมถึงให้ชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้น
ขณะที่พันตำรวจโททักษิน ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำเลยที่ 1 หลบหนีคดี ศาลฎีกาฯ จึงให้ออกหมายจับติดตามตัวพันตำรวจโททักษิณ มาดำเนินคดี โดยให้จำหน่ายคดีเฉพาะส่วนของพันตำรวจโททักษิณไว้เป็นการชั่วคราว
แต่สิ่งที่หลายฝ่ายยังสงสัยนั่นคือ ประเด็นการไม่ดำเนินคดีกับ นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณ นางกาญจนาภา หงษ์เหิน เลขานุการส่วนตัวคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภรรยา พ.ต.ท.ทักษิณ นายวันชัย หงษ์เหิน สามีนางกาญจนา และนายมานพ ทิวารี บิดา น.ต.ศิธา ทิวารี อดีต ส.ส.เพื่อไทย ในความผิดฐานรับของโจร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357
ร้อนถึงอัยการสูงสุดต้องออกมาชี้แจงเหตุผลที่ไม่มีการดำเนินคดีกับบุคคลอีก 4 ราย โดยอ้างถึงนายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุดในขณะนั้นมีการพิจารณาแล้ว เห็นว่า การที่คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำความผิดที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ให้ดำเนินคดีกับนายพานทองแท้ ชินวัตร กับพวกอีก 4 คน ฐานรับของโจรนั้นเป็นเหตุที่เกิดขึ้นหลังการกระทำของผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 27 คน เสร็จสิ้นไปแล้ว และผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 4 คน มิได้เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจึงต้องแยกฟ้องต่อศาลอาญาที่มีเขตอำนาจต่อไป
เป็นอันว่าเรื่องของโอ๊ค พานทองแท้ มาตกอยู่ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งรับเป็นคดีพิเศษมาตั้งแต่ปี 2550 โดยคณะกรรมการคดีพิเศษรับเป็นคดีพิเศษเฉพาะข้อหาฟอกเงิน ไม่มีข้อหารับของโจร เรื่องก็เงียบอันเนื่องมาจากการกลับมาเป็นรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย ด้วยการวางตัวบุคคลเข้าไปนั่งในตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ
เมื่ออำนาจในมือเปลี่ยนจากการเข้ายึดอำนาจเมื่อ 22 พฤษภาคม 2557 คดีความต่างๆ ที่เคยนิ่งสนิทเริ่มกลับมาเข้าสู่กระบวนการพิจารณากันอีกครั้ง โดยคดีของพานทองแท้ ชินวัตร ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษได้ทำการคัดสำเนาคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อนำมาประกอบสำนวนคดีฟอกเงิน โดยจะมีการเชื่อมโยงและขยายผลถึงผู้ที่นำเงินจากการปล่อยกู้ไปใช้ประโยชน์
ทั้งนี้ จะมีการประชุมคณะพนักงานสอบสวนคดีดังกล่าวในวันที่ 7 กันยายน 2558 คาดว่าจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาผู้กระทำผิดได้ภายใน 1 เดือน
ปิดประตูชู “พานทองแท้”
คราวนี้ต้องรอดูกันต่อไปว่าคดีของพานทองแท้ จะเดินหน้าไปอย่างไร จะอยู่สู้คดีหรือหายตัวไปจากประเทศไทยเหมือนทักษิณ ชินวัตรหรือไม่ และสุดท้ายผลของคดีจะออกมาในรูปแบบใด เป็นสิ่งที่ต้องรอกันต่อไป
การที่คดีของพานทองแท้ ชินวัตร กำลังดำเนินไป สิ่งที่เกิดขึ้นตามมา นั่นคืออนาคตของพรรคเพื่อไทยจากนี้ไปจะเป็นอย่างไร ใครจะมาเป็นจุดขายให้กับพรรคเพื่อไทยนับจากนี้ หลังจากที่ทักษิณใช้คนในครอบครัวเข้ามาทำหน้าที่เป็นตัวแทนแล้วหลายคน ซึ่งทุกคนล้วนมีคดีความติดตัวทั้งสิ้น ทั้งตัวเอง น้องเขยอย่างนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ กับเรื่องสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรและน้องสาว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ติดบ่วงเรื่องคดีรับจำนำข้าว
แม้ก่อนหน้านี้ทักษิณจะเคยใช้บุคคลภายนอกเข้ามาขัดตาทัพอยู่ระยะหนึ่งคือเชิญนายสมัคร สุนทรเวช เข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่สุดท้ายก็ต้องเลือกใช้คนจากตระกูลชินวัตรเข้ามาเรียกคะแนนนิยมทั้งจากน้องเขย สมชาย วงศ์สวัสดิ์ หรือแม้แต่น้องสาวอย่างนางสาวยิ่งลักษณ์ ที่ไม่มีประสบการณ์ทางการเมืองมาก่อนก็พาให้พรรคเพื่อไทยมีคะแนนนำจนก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย
เมื่อยิ่งลักษณ์ถูกเว้นวรรคทางการเมืองและกำลังถูกดำเนินคดีอาญาจากโครงการรับจำนำข้าว ส่วนโอ๊ค พานทองแท้ กำลังถูกดำเนินคดีที่เกี่ยวข้องกับกรณีปล่อยสินเชื่อของธนาคารกรุงไทย จุดขายของพรรคเพื่อไทยจากนี้ไปจะเลือกใครมาเป็นตัวเรียกคะแนนเสียง เพราะคนในตระกูลชินวัตรที่พอจะเลือกมาเป็นแม่ทัพในครั้งต่อไปเหลือน้อยเต็มที
แม้ยังมีเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวทักษิณอีกคนที่จะพ้นจากบ่วงบ้านเลขที่ 111 มาและกลับเข้ามาเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงใหม่ได้เมื่อเมษายน 2556 แต่ภาพลักษณ์และบาดแผลในอดีตยังคงเป็นข้อจำกัดของน้องสาวทักษิณรายนี้
ขณะที่ลูกสาวของเยาวภาอย่างนางสาวชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ ถูกศาลฎีกาฯ ตัดสินเมื่อปี 2555 ว่ามีความผิดกรณีแจ้งบัญชีทรัพย์สินหนี้สินต่อ ป.ป.ช.อันเป็นเท็จ จนต้องหลุดจากการเป็น ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทยและโดนเว้นวรรคการเมือง 5 ปี
ตัวเลือกที่เหลืออาจยังพอมีอย่างพลเอกชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีตผู้บัญชาการทหารบกและอดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด ญาติผู้พี่ของทักษิณ ชินวัตร แต่ที่ผ่านมาดูเหมือนทักษิณไม่ได้ส่งเสริมพี่ชายคนนี้ในทางการเมืองมากนัก แต่ถ้าหาใครในตระกูลไม่ได้จริงๆ พลเอกชัยสิทธิ์อาจเป็นตัวเลือกสุดท้ายหากยุทธศาสตร์ของพรรคเพื่อไทยยังจำเป็นต้องใช้คนในตระกูลชินวัตรเพื่อเรียกศรัทธาจากฐานเสียง
มองไม่เห็นอนาคต-เริ่มไหลออก
สมาชิกพรรคเพื่อไทยรายหนึ่ง ยอมรับว่าตอนนี้เหลือคนในตระกูลชินวัตรที่จะมาเป็นจุดขายสำหรับในการเลือกตั้งครั้งต่อไปน้อยลงทุกที พ้นจากคุณยิ่งลักษณ์แล้ว หลายคนก็มองไปถึงพานทองแท้ ที่แม้จะมีข้อกังวลในเรื่องความรู้ความสามารถของลูกชายท่านทักษิณ แต่โอ๊คก็ยังขายได้ เพราะที่ผ่านมามีบทบาทในการออกมาตอบโต้ทางการเมืองแทนพ่อและอาตลอดเวลา
เมื่อพานทองแท้ต้องเจอเรื่องคดีกรุงไทยอีกคน และโอกาสถูกดำเนินคดีก็มีความเป็นไปได้สูง เพราะหลักฐานที่มีค่อนข้างชัด โดยเฉพาะเรื่องเงินที่โอนเข้าบัญชี ตอนนี้เลยมองไม่ออกว่าครั้งต่อไปจะหาใครมาเป็นตัวชูโรงกับการเลือกตั้งครั้งต่อไป
หลายคนมองไปที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แต่ดูจากที่ผ่านมาแล้วโอกาสที่จะเข้ามารับหน้าที่ผู้นำน่าจะมีความเป็นไปได้น้อยลง อีกทั้งสมัยที่คุณยิ่งลักษณ์เป็นนายกฯ ในทางปฏิบัติแล้วทางผู้ที่กำหนดยุทธศาสตร์พรรคคงไม่อยากเห็นใครโดดเด่นเกินคุณยิ่งลักษณ์
อีกบุคคลหนึ่งที่ถูกจับตากันมากคือนายจาตุรนต์ ฉายแสง ถือว่ามีภาพลักษณ์และบทบาทในการต่อสู้ให้กับพรรคเพื่อไทยในเชิงหลักการได้ดี สายสัมพันธ์กับคนเดือนตุลายังเหนียวแน่น แต่ด้วยบุคลิกภาพที่อาจมีข้อจำกัดในเชิงบริหาร การควบคุมหรือการสั่งการจากคุณทักษิณอาจทำได้ลำบาก
นอกจากนี้จาตุรนต์ยังถูกสกัดด้วยการยกเลิกหนังสือเดินทางจากกระทรวงการต่างประเทศอีก การขับเคลื่อนใดๆ จากนี้ไปต้องสะดุดลง
จะเห็นได้ว่าตอนนี้คนสายตรงของทักษิณที่มาจากตระกูลชินวัตร แทบจะไม่เหลือใคร ถือเป็นช่วงขาลงของพรรคเพื่อไทย อดีต ส.ส.ของพรรคก็หารือกันในเรื่องนี้ ไม่รู้ว่าคุณทักษิณจะสู้ต่อหรือไม่ และจะสู้ทางไหนเพราะมองไม่เห็นอนาคตเลย หลายคนก็เริ่มมองหาช่องทางสำหรับตัวเองไว้ โดยเฉพาะคนที่มีอาชีพเลือกตั้งก็ต้องเตรียมความพร้อม ใครที่มีทางเลือกดีกว่าก็ต้องตัดสินใจ
ตอนนี้ความนิยมในพรรคเพื่อไทยเริ่มลดลง อาจจะยังดีอยู่บ้างในพื้นที่ภาคเหนือ แต่ในภาคอื่นเช่นภาคอีสานเริ่มไม่เหมือนเดิม หลังจากที่ช่องทางทุกอย่างของพรรคเพื่อไทยขับเคลื่อนไม่ได้
อีกทั้งในอนาคตหลังจากที่คณะรักษาความสงบคืนอำนาจให้ประชาชนเลือกตั้งใหม่ จะมีพรรคการเมืองเฉพาะกิจเกิดขึ้นมาหรือไม่ ถ้ามีเพื่อไทยก็อยู่ลำบาก เพราะที่ผ่านมามีนักการเมืองขั้วที่ 3 ใกล้ชิดกับผู้มีอำนาจอยู่พอสมควร
เขากล่าวต่อไปว่าใช่ว่าพรรคเพื่อไทยจะแย่ พรรคประชาธิปัตย์ก็น่าจะมีปัญหาภายในเช่นกัน จะเห็นได้ว่าในช่วงที่มีการชุมนุมทางการเมืองในปลายปี 2556 คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ แยกตัวออกมาเป็นแกนนำ ขณะที่หัวหน้าพรรคอย่างคุณอภิสิทธิ์ เลือกเดินในเส้นทางเดิม คุณอลงกรณ์ที่เสนอความคิดปฏิรูปพรรคก็อยู่ลำบาก อดีตเลขาธิการพรรคคนก่อนก็น่าจะแยกตัวออกมาเช่นกัน
ดังนั้นในการเลือกตั้งครั้งต่อไปจึงเปิดกว้างให้ฝ่ายขั้วที่ 3 เริ่มมีบทบาทมากขึ้น แต่จะเป็นในรูปแบบใด มีแนวทางอย่างไร คงต้องรอดูกันต่อไป
ทางเลือกสุดท้าย “บิ๊กจิ๋ว”
ขณะที่นักสังเกตการณ์ทางการเมืองอีกราย เชื่อว่าทักษิณยังไม่ถอดใจ แม้จะไม่สามารถหาคนจากตระกูลชินวัตรมาเป็นตัวชูโรงได้เหมือนก่อน ตัวเลือกสุดท้ายที่ยังพอมีอยู่นั่นคือพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ เห็นได้จากที่ผ่านมาพลเอกชวลิตได้ออกมาแสดงบทบาทที่แฝงด้วยมิติทางการเมืองอยู่หลายครั้ง อีกทั้งสายสัมพันธ์ระหว่างทักษิณกับบิ๊กจิ๋วยังแนบแน่น
องค์ประกอบทั่วไปได้ มีบารมี มีฐานเสียงสนับสนุนระดับหนึ่ง มีอาวุโส ถือว่าเด่นกว่าอีกหลายคนที่ยังเหลืออยู่
“จริงๆ แล้วพานทองแท้ก็มีบทบาทมากเช่นกันหลังจากที่มีการยึดอำนาจ เรื่องความรู้ความสามารถที่หลายคนกังขานั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะถ้าเป็นคนที่มาจากตระกูลชินวัตรแล้ว เรียกคะแนนเสียงได้ง่าย คุณยิ่งลักษณ์ก็เป็นนายกฯ มาแล้ว ปัญหาใหญ่อยู่ที่คุณทักษิณจะยอมให้ลูกชายโดดลงสนามการเมืองหรือไม่ แต่มาเจอเรื่องคดีที่ไปเกี่ยวข้องกับสินเชื่อกรุงไทยเลยทำให้โอกาสของโอ๊คหมดลง”
เชื่อว่าทักษิณรออยู่อย่างเดียวในตอนนี้คือ รอให้เศรษฐกิจทรุด เมื่อนั้นทุกอย่างจะเข้าทางที่จะออกมาปลุกรากหญ้าและฐานเสียงเดิมของเพื่อไทยอีกครั้ง และจะทำได้ง่ายด้วยอ้างว่าการเข้ามายึดอำนาจทำให้ทุกอย่างแย่ลงไปกว่าเดิม
ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องเร่งแก้เกมด้วยการปรับทีมเศรษฐกิจใหม่มาเป็นชุดของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เพื่อหวังกระตุ้นเศรษฐกิจไม่ทรุดตัวลงไปตามภาวะเศรษฐกิจโลก
อย่างไรก็ตามในทางการเมืองแล้ว ขึ้นอยู่กับแต่ละฝ่ายว่าจะชิงจังหวะกันอย่างไร ผู้มีอำนาจอาจดึงเอาพลเอกชวลิตมาอยู่กับฝ่ายตนแล้วฟอร์มทีมขึ้นมาใหม่ ทุกอย่างเป็นไปได้ทั้งหมด จึงไม่แน่เสมอไปว่าตัวเลือกสุดท้ายสำหรับการสู้ศึกครั้งต่อไปของพรรคเพื่อไทยจะได้พลเอกชวลิตมาเป็นตัวชูโรง หากรูปการณ์เป็นเช่นนั้นสถานะของพรรคเพื่อไทยย่อมตกอยู่ในที่นั่งลำบาก นายใหญ่ต้องตัดสินใจว่าจะลุยหรือจะเลิก
คำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เมื่อ 26 สิงหาคม 2556 ในคดีธนาคารกรุงไทยปล่อยสินเชื่อให้แก่บริษัทในเครือกฤษดามหานคร เหตุเกิดในช่วงปี 2546-2547 ส่งผลให้ร้อยโทสุชาย เชาว์วิศิษฐ อดีตประธานกรรมการบริหารธนาคารกรุงไทย นายวิโรจน์ นวลแข อดีตกรรมการผู้จัดการธนาคารกรุงไทย กรรมการบริหาร คณะกรรมการสินเชื่อ เจ้าหน้าที่สินเชื่อของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กรรมการผู้มีอำนาจของบริษัทในเครือกฤษดามหานคร และ 3 บริษัทในเครือกฤษดามหานคร ถูกพิพากษาจำคุกรวมถึงให้ชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้น
ขณะที่พันตำรวจโททักษิน ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำเลยที่ 1 หลบหนีคดี ศาลฎีกาฯ จึงให้ออกหมายจับติดตามตัวพันตำรวจโททักษิณ มาดำเนินคดี โดยให้จำหน่ายคดีเฉพาะส่วนของพันตำรวจโททักษิณไว้เป็นการชั่วคราว
แต่สิ่งที่หลายฝ่ายยังสงสัยนั่นคือ ประเด็นการไม่ดำเนินคดีกับ นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณ นางกาญจนาภา หงษ์เหิน เลขานุการส่วนตัวคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภรรยา พ.ต.ท.ทักษิณ นายวันชัย หงษ์เหิน สามีนางกาญจนา และนายมานพ ทิวารี บิดา น.ต.ศิธา ทิวารี อดีต ส.ส.เพื่อไทย ในความผิดฐานรับของโจร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357
ร้อนถึงอัยการสูงสุดต้องออกมาชี้แจงเหตุผลที่ไม่มีการดำเนินคดีกับบุคคลอีก 4 ราย โดยอ้างถึงนายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุดในขณะนั้นมีการพิจารณาแล้ว เห็นว่า การที่คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำความผิดที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ให้ดำเนินคดีกับนายพานทองแท้ ชินวัตร กับพวกอีก 4 คน ฐานรับของโจรนั้นเป็นเหตุที่เกิดขึ้นหลังการกระทำของผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 27 คน เสร็จสิ้นไปแล้ว และผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 4 คน มิได้เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจึงต้องแยกฟ้องต่อศาลอาญาที่มีเขตอำนาจต่อไป
เป็นอันว่าเรื่องของโอ๊ค พานทองแท้ มาตกอยู่ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งรับเป็นคดีพิเศษมาตั้งแต่ปี 2550 โดยคณะกรรมการคดีพิเศษรับเป็นคดีพิเศษเฉพาะข้อหาฟอกเงิน ไม่มีข้อหารับของโจร เรื่องก็เงียบอันเนื่องมาจากการกลับมาเป็นรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย ด้วยการวางตัวบุคคลเข้าไปนั่งในตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ
เมื่ออำนาจในมือเปลี่ยนจากการเข้ายึดอำนาจเมื่อ 22 พฤษภาคม 2557 คดีความต่างๆ ที่เคยนิ่งสนิทเริ่มกลับมาเข้าสู่กระบวนการพิจารณากันอีกครั้ง โดยคดีของพานทองแท้ ชินวัตร ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษได้ทำการคัดสำเนาคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อนำมาประกอบสำนวนคดีฟอกเงิน โดยจะมีการเชื่อมโยงและขยายผลถึงผู้ที่นำเงินจากการปล่อยกู้ไปใช้ประโยชน์
ทั้งนี้ จะมีการประชุมคณะพนักงานสอบสวนคดีดังกล่าวในวันที่ 7 กันยายน 2558 คาดว่าจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาผู้กระทำผิดได้ภายใน 1 เดือน
ปิดประตูชู “พานทองแท้”
คราวนี้ต้องรอดูกันต่อไปว่าคดีของพานทองแท้ จะเดินหน้าไปอย่างไร จะอยู่สู้คดีหรือหายตัวไปจากประเทศไทยเหมือนทักษิณ ชินวัตรหรือไม่ และสุดท้ายผลของคดีจะออกมาในรูปแบบใด เป็นสิ่งที่ต้องรอกันต่อไป
การที่คดีของพานทองแท้ ชินวัตร กำลังดำเนินไป สิ่งที่เกิดขึ้นตามมา นั่นคืออนาคตของพรรคเพื่อไทยจากนี้ไปจะเป็นอย่างไร ใครจะมาเป็นจุดขายให้กับพรรคเพื่อไทยนับจากนี้ หลังจากที่ทักษิณใช้คนในครอบครัวเข้ามาทำหน้าที่เป็นตัวแทนแล้วหลายคน ซึ่งทุกคนล้วนมีคดีความติดตัวทั้งสิ้น ทั้งตัวเอง น้องเขยอย่างนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ กับเรื่องสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรและน้องสาว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ติดบ่วงเรื่องคดีรับจำนำข้าว
แม้ก่อนหน้านี้ทักษิณจะเคยใช้บุคคลภายนอกเข้ามาขัดตาทัพอยู่ระยะหนึ่งคือเชิญนายสมัคร สุนทรเวช เข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่สุดท้ายก็ต้องเลือกใช้คนจากตระกูลชินวัตรเข้ามาเรียกคะแนนนิยมทั้งจากน้องเขย สมชาย วงศ์สวัสดิ์ หรือแม้แต่น้องสาวอย่างนางสาวยิ่งลักษณ์ ที่ไม่มีประสบการณ์ทางการเมืองมาก่อนก็พาให้พรรคเพื่อไทยมีคะแนนนำจนก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย
เมื่อยิ่งลักษณ์ถูกเว้นวรรคทางการเมืองและกำลังถูกดำเนินคดีอาญาจากโครงการรับจำนำข้าว ส่วนโอ๊ค พานทองแท้ กำลังถูกดำเนินคดีที่เกี่ยวข้องกับกรณีปล่อยสินเชื่อของธนาคารกรุงไทย จุดขายของพรรคเพื่อไทยจากนี้ไปจะเลือกใครมาเป็นตัวเรียกคะแนนเสียง เพราะคนในตระกูลชินวัตรที่พอจะเลือกมาเป็นแม่ทัพในครั้งต่อไปเหลือน้อยเต็มที
แม้ยังมีเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวทักษิณอีกคนที่จะพ้นจากบ่วงบ้านเลขที่ 111 มาและกลับเข้ามาเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงใหม่ได้เมื่อเมษายน 2556 แต่ภาพลักษณ์และบาดแผลในอดีตยังคงเป็นข้อจำกัดของน้องสาวทักษิณรายนี้
ขณะที่ลูกสาวของเยาวภาอย่างนางสาวชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ ถูกศาลฎีกาฯ ตัดสินเมื่อปี 2555 ว่ามีความผิดกรณีแจ้งบัญชีทรัพย์สินหนี้สินต่อ ป.ป.ช.อันเป็นเท็จ จนต้องหลุดจากการเป็น ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทยและโดนเว้นวรรคการเมือง 5 ปี
ตัวเลือกที่เหลืออาจยังพอมีอย่างพลเอกชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีตผู้บัญชาการทหารบกและอดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด ญาติผู้พี่ของทักษิณ ชินวัตร แต่ที่ผ่านมาดูเหมือนทักษิณไม่ได้ส่งเสริมพี่ชายคนนี้ในทางการเมืองมากนัก แต่ถ้าหาใครในตระกูลไม่ได้จริงๆ พลเอกชัยสิทธิ์อาจเป็นตัวเลือกสุดท้ายหากยุทธศาสตร์ของพรรคเพื่อไทยยังจำเป็นต้องใช้คนในตระกูลชินวัตรเพื่อเรียกศรัทธาจากฐานเสียง
มองไม่เห็นอนาคต-เริ่มไหลออก
สมาชิกพรรคเพื่อไทยรายหนึ่ง ยอมรับว่าตอนนี้เหลือคนในตระกูลชินวัตรที่จะมาเป็นจุดขายสำหรับในการเลือกตั้งครั้งต่อไปน้อยลงทุกที พ้นจากคุณยิ่งลักษณ์แล้ว หลายคนก็มองไปถึงพานทองแท้ ที่แม้จะมีข้อกังวลในเรื่องความรู้ความสามารถของลูกชายท่านทักษิณ แต่โอ๊คก็ยังขายได้ เพราะที่ผ่านมามีบทบาทในการออกมาตอบโต้ทางการเมืองแทนพ่อและอาตลอดเวลา
เมื่อพานทองแท้ต้องเจอเรื่องคดีกรุงไทยอีกคน และโอกาสถูกดำเนินคดีก็มีความเป็นไปได้สูง เพราะหลักฐานที่มีค่อนข้างชัด โดยเฉพาะเรื่องเงินที่โอนเข้าบัญชี ตอนนี้เลยมองไม่ออกว่าครั้งต่อไปจะหาใครมาเป็นตัวชูโรงกับการเลือกตั้งครั้งต่อไป
หลายคนมองไปที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แต่ดูจากที่ผ่านมาแล้วโอกาสที่จะเข้ามารับหน้าที่ผู้นำน่าจะมีความเป็นไปได้น้อยลง อีกทั้งสมัยที่คุณยิ่งลักษณ์เป็นนายกฯ ในทางปฏิบัติแล้วทางผู้ที่กำหนดยุทธศาสตร์พรรคคงไม่อยากเห็นใครโดดเด่นเกินคุณยิ่งลักษณ์
อีกบุคคลหนึ่งที่ถูกจับตากันมากคือนายจาตุรนต์ ฉายแสง ถือว่ามีภาพลักษณ์และบทบาทในการต่อสู้ให้กับพรรคเพื่อไทยในเชิงหลักการได้ดี สายสัมพันธ์กับคนเดือนตุลายังเหนียวแน่น แต่ด้วยบุคลิกภาพที่อาจมีข้อจำกัดในเชิงบริหาร การควบคุมหรือการสั่งการจากคุณทักษิณอาจทำได้ลำบาก
นอกจากนี้จาตุรนต์ยังถูกสกัดด้วยการยกเลิกหนังสือเดินทางจากกระทรวงการต่างประเทศอีก การขับเคลื่อนใดๆ จากนี้ไปต้องสะดุดลง
จะเห็นได้ว่าตอนนี้คนสายตรงของทักษิณที่มาจากตระกูลชินวัตร แทบจะไม่เหลือใคร ถือเป็นช่วงขาลงของพรรคเพื่อไทย อดีต ส.ส.ของพรรคก็หารือกันในเรื่องนี้ ไม่รู้ว่าคุณทักษิณจะสู้ต่อหรือไม่ และจะสู้ทางไหนเพราะมองไม่เห็นอนาคตเลย หลายคนก็เริ่มมองหาช่องทางสำหรับตัวเองไว้ โดยเฉพาะคนที่มีอาชีพเลือกตั้งก็ต้องเตรียมความพร้อม ใครที่มีทางเลือกดีกว่าก็ต้องตัดสินใจ
ตอนนี้ความนิยมในพรรคเพื่อไทยเริ่มลดลง อาจจะยังดีอยู่บ้างในพื้นที่ภาคเหนือ แต่ในภาคอื่นเช่นภาคอีสานเริ่มไม่เหมือนเดิม หลังจากที่ช่องทางทุกอย่างของพรรคเพื่อไทยขับเคลื่อนไม่ได้
อีกทั้งในอนาคตหลังจากที่คณะรักษาความสงบคืนอำนาจให้ประชาชนเลือกตั้งใหม่ จะมีพรรคการเมืองเฉพาะกิจเกิดขึ้นมาหรือไม่ ถ้ามีเพื่อไทยก็อยู่ลำบาก เพราะที่ผ่านมามีนักการเมืองขั้วที่ 3 ใกล้ชิดกับผู้มีอำนาจอยู่พอสมควร
เขากล่าวต่อไปว่าใช่ว่าพรรคเพื่อไทยจะแย่ พรรคประชาธิปัตย์ก็น่าจะมีปัญหาภายในเช่นกัน จะเห็นได้ว่าในช่วงที่มีการชุมนุมทางการเมืองในปลายปี 2556 คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ แยกตัวออกมาเป็นแกนนำ ขณะที่หัวหน้าพรรคอย่างคุณอภิสิทธิ์ เลือกเดินในเส้นทางเดิม คุณอลงกรณ์ที่เสนอความคิดปฏิรูปพรรคก็อยู่ลำบาก อดีตเลขาธิการพรรคคนก่อนก็น่าจะแยกตัวออกมาเช่นกัน
ดังนั้นในการเลือกตั้งครั้งต่อไปจึงเปิดกว้างให้ฝ่ายขั้วที่ 3 เริ่มมีบทบาทมากขึ้น แต่จะเป็นในรูปแบบใด มีแนวทางอย่างไร คงต้องรอดูกันต่อไป
ทางเลือกสุดท้าย “บิ๊กจิ๋ว”
ขณะที่นักสังเกตการณ์ทางการเมืองอีกราย เชื่อว่าทักษิณยังไม่ถอดใจ แม้จะไม่สามารถหาคนจากตระกูลชินวัตรมาเป็นตัวชูโรงได้เหมือนก่อน ตัวเลือกสุดท้ายที่ยังพอมีอยู่นั่นคือพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ เห็นได้จากที่ผ่านมาพลเอกชวลิตได้ออกมาแสดงบทบาทที่แฝงด้วยมิติทางการเมืองอยู่หลายครั้ง อีกทั้งสายสัมพันธ์ระหว่างทักษิณกับบิ๊กจิ๋วยังแนบแน่น
องค์ประกอบทั่วไปได้ มีบารมี มีฐานเสียงสนับสนุนระดับหนึ่ง มีอาวุโส ถือว่าเด่นกว่าอีกหลายคนที่ยังเหลืออยู่
“จริงๆ แล้วพานทองแท้ก็มีบทบาทมากเช่นกันหลังจากที่มีการยึดอำนาจ เรื่องความรู้ความสามารถที่หลายคนกังขานั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะถ้าเป็นคนที่มาจากตระกูลชินวัตรแล้ว เรียกคะแนนเสียงได้ง่าย คุณยิ่งลักษณ์ก็เป็นนายกฯ มาแล้ว ปัญหาใหญ่อยู่ที่คุณทักษิณจะยอมให้ลูกชายโดดลงสนามการเมืองหรือไม่ แต่มาเจอเรื่องคดีที่ไปเกี่ยวข้องกับสินเชื่อกรุงไทยเลยทำให้โอกาสของโอ๊คหมดลง”
เชื่อว่าทักษิณรออยู่อย่างเดียวในตอนนี้คือ รอให้เศรษฐกิจทรุด เมื่อนั้นทุกอย่างจะเข้าทางที่จะออกมาปลุกรากหญ้าและฐานเสียงเดิมของเพื่อไทยอีกครั้ง และจะทำได้ง่ายด้วยอ้างว่าการเข้ามายึดอำนาจทำให้ทุกอย่างแย่ลงไปกว่าเดิม
ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องเร่งแก้เกมด้วยการปรับทีมเศรษฐกิจใหม่มาเป็นชุดของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เพื่อหวังกระตุ้นเศรษฐกิจไม่ทรุดตัวลงไปตามภาวะเศรษฐกิจโลก
อย่างไรก็ตามในทางการเมืองแล้ว ขึ้นอยู่กับแต่ละฝ่ายว่าจะชิงจังหวะกันอย่างไร ผู้มีอำนาจอาจดึงเอาพลเอกชวลิตมาอยู่กับฝ่ายตนแล้วฟอร์มทีมขึ้นมาใหม่ ทุกอย่างเป็นไปได้ทั้งหมด จึงไม่แน่เสมอไปว่าตัวเลือกสุดท้ายสำหรับการสู้ศึกครั้งต่อไปของพรรคเพื่อไทยจะได้พลเอกชวลิตมาเป็นตัวชูโรง หากรูปการณ์เป็นเช่นนั้นสถานะของพรรคเพื่อไทยย่อมตกอยู่ในที่นั่งลำบาก นายใหญ่ต้องตัดสินใจว่าจะลุยหรือจะเลิก