xs
xsm
sm
md
lg

พิษ “ยิ่งลักษณ์” ล้างไม่หมด รถคันแรกป่วนวงการรถยนต์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

รถคันแรกป่วนทั้งอุตสาหกรรม ทำเอาตลาดรถยนต์เพี้ยน รถใหม่ขายไม่ออก รถเก่ามือ 2 ปิดตัว ลีสซิ่งหนักอกหนี้เสียพุ่ง ต้องคุมเข้มสินเชื่อ กลายเป็นซ้ำเติมทั้งรถใหม่-รถเก่าให้แย่ลงไปกว่าเดิม แม้ยักษ์ใหญ่อย่างโตโยต้างัดแคมเปญดอกเบี้ย 0% ตลอด 4 ปีออกมาแต่ยังปลุกไม่ขึ้น เต็นท์มือ 2 โอด กระทบหนักราคาขายร่วง คนซื้อต้องเพิ่มดาวน์ หลายรายไปไม่รอดปิดตัว

แม้รัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะพ้นจากอำนาจไปจากการยึดอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เมื่อ 22 พฤษภาคม 2557 และได้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีทำหน้าที่บริหารประเทศแทน

แต่ผลพวงจากการบริหารประเทศที่ผิดพลาดของนางสาวยิ่งลักษณ์ ยังถูกทิ้งให้เป็นภาระกับคนรุ่นต่อไป เห็นได้จากความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวที่คาดกันว่าตัวเลขความเสียหายอยู่ระหว่าง 5-7 แสนล้านบาท ขณะที่ภาครัฐเตรียมออกพันธบัตรอายุ 30 ปี วงเงิน 8 แสนล้านบาท เพื่อชดเชยภาระขาดทุนดังกล่าว กลายเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องร่วมกันรับผิดชอบความเสียหายที่รัฐบาลชุดที่แล้วสร้างเอาไว้

นอกเหนือไปจากเรื่องจำนำข้าวแล้ว นโยบายของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่ยังเป็นสิ่งที่คนไทยจะต้องร่วมกันรับผิดชอบอีกโครงการหนึ่งนั่นคือ โครงการรถยนต์คันแรกที่ให้สิทธิทางภาษีสำหรับผู้ซื้อรถยนต์จากโครงการนี้ ด้วยการคืนภาษีสรรพสามิตให้ไม่เกินคันละ 1 แสนบาท โดยเน้นไปที่รถยนต์ประหยัดพลังงาน รวมถึงรถยนต์เพื่อประกอบอาชีพ

นโยบายรถคันแรกของรัฐบาลที่เริ่ม 16 กันยายน 2554 และสิ้นสุดในวันที่ 31 ธันวาคม 2555 มีผู้เข้าร่วมโครงการ 1.25 ล้านราย จนถึง 15 ตุลาคม 2557 กรมสรรพสามิตได้จ่ายเงินให้ผู้ซื้อรถคันแรกไปแล้วกว่า 8 หมื่นล้านบาท

หลังจากปิดโครงการไป กรมสรรพสามิตออกมาสรุปตัวเลขผู้ใช้สิทธิจนถึงวันที่ 15 ตุลาคม 2557 พบว่ามีผู้ใช้ 1.09 ล้านราย มีผู้ใช้สิทธินำเงินมาคืนเนื่องจากผิดเงื่อนไขโครงการ 2,335 ราย และกรมสรรพสามิตเรียกเงินคืน 2,175 ราย จำนวนนี้ได้ส่งหนังสือขอเรียกเงินคืน 1,800 ราย ขอผ่อนผันชำระ 61 ราย และได้ยื่นฟ้องร้อง 314 ราย

ที่สำคัญมีรถที่ยังรอการรับและใช้สิทธิอีก 113,196 ราย ทำให้สะท้อนถึงเจตนาของผู้ใช้สิทธิว่าอาจทิ้งจองรถคันแรกไปแล้ว

หลังจากสิ้นสุดโครงการเมื่อปี 2555 ยอดจำหน่ายรถยนต์ในประเทศได้สร้างสถิติขึ้นใหม่ด้วยยอดขาย 1,436,335 คัน สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ยอดขายรถยนต์ของไทย หรือเพิ่มขึ้น 80.9%

ถัดมายอดขายรถยนต์ปี 2556 ยังคงเติบโตต่อเนื่องเกินกว่า 1.2 ล้านคัน เป็นผลต่อเนื่องจากการส่งมอบรถคันแรก แต่ในรอบ 9 เดือนแรกของปี 2557 ยอดขายรถยนต์ในประเทศไทยกลับลดลงไปถึง 37.3% เนื่องจากการส่งมอบรถตามโครงการเสร็จสิ้นลง โดยค่ายโตโยต้าประมาณการว่ายอดจำหน่ายรถยนต์ในประเทศไทยปีนี้น่าจะลดลงไป 30.9%

ลีสซิ่งรับผลจากรถคันแรก

นายอนุชาติ ดีประเสริฐ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์และงานขายลูกค้ารายย่อย ธนาคารธนชาต ในฐานะประธานสมาคมธุรกิจเช่าซื้อไทย กล่าวว่า คาดว่ายอดจำหน่ายรถยนต์และสถานการณ์ด้านการเช่าซื้อจะซึมไปอย่างนี้จนถึงสิ้นปี แต่จะมีปัจจัยบวกอยู่บ้าง เนื่องจากเดือนพฤศจิกายนและธันวาคมเป็นเดือนของการซื้อรถ

ที่ผ่านมายอดขายรถยนต์ตกลงไปราว 37% เนื่องจากโครงการรถยนต์คันแรกกระตุ้นดีมานด์ไปก่อนหน้านี้ ทำให้ปีนี้ความต้องการรถยนต์จึงไม่มากนัก คาดว่าปีนี้ยอดขายทั้งหมดน่าจะอยู่ที่ 8.2-8.5 แสนคันเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ

สำหรับสถานการณ์ด้านการผิดนัดชำระหนี้นั้น ประธานสมาคมธุรกิจเช่าซื้อไทยกล่าวว่า ยอดหนี้เสียหรือการผิดนัดชำระหนี้จากโครงการรถคันแรกน้อยมากราว 0.01% ไม่น่าห่วง แต่ในเรื่องของภาพรวมนั้นช่วงที่มีสถานการณ์ทางการเมืองเมื่อปลายปี 2556 ตอนนั้นกระทบต่อยอดการชำระหนี้ ซึ่งทางบริษัทลีสซิ่งก็เข้าไปดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ให้กับลูกหนี้ไปแล้ว

“ตอนนี้สถานการณ์เรื่องนี้นิ่งแล้ว และลีสซิ่งเข้มงวดเรื่องการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น”

ตัวโครงการรถยนต์คันแรกทำให้โครงสร้างของรถยนต์ผิดไปจากเดิม เช่น เดิมค่ายรถไม่อยากผลิตรถที่ 1,500 ซีซี ก็ต้องปรับมาเป็น 1,500 ซีซี เพื่อให้เข้าเงื่อนไขโครงการ คนที่ไม่อยากได้รถในระดับนี้เห็นสิทธิประโยชน์ก็เปลี่ยนมาซื้อรถในกลุ่มนี้

เงินที่ใช้ซื้อรถคันแรกไปแล้ว 1 ล้านคัน ถือเป็นการใช้ดีมานด์ล่วงหน้าไป 2-3 ปี แถมยังถูกล็อกไว้อีก 5 ปีกว่าจะครบตามเงื่อนไขอย่างเร็วก็ราวๆ ปี 2560 จึงทำให้ตลาดรถยนต์ปีนี้ซึมยาว ไม่ว่าค่ายไหนจะใส่โปรโมชันทางการตลาดอะไรออกมาก็ไม่หวือหวา

เชื่อว่าในปี 2558 สถานการณ์น่าจะดีขึ้น เนื่องจากรัฐบาลส่งเงินเข้ามาในระบบ สร้างความมั่นใจให้กับประชาชน

ตามปกติการซื้อรถยนต์มาจากความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ คนต้องมีความเชื่อมั่น ภาคเกษตรต้องดี อย่างตอนที่ราคายางพาราสูง มีการถอยรถป้ายแดงกันมาก ส่วนใหญ่เป็นลูกหลานของเกษตรกร แต่ตอนนี้ราคาสินค้าเกษตรไม่ดี ดังนั้นการตัดสินใจซื้อควรจะซื้อเมื่อมีความพร้อม ทุกวันนี้แคมเปญที่ค่ายรถออกมาดีกว่าในช่วงของโครงการรถคันแรกด้วยซ้ำ
แคมเปญดอกเบี้ย 0% ของค่ายรถ
ดีลเลอร์เหงา-0% ปลุกไม่ขึ้น

ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ค่ายอีซูซุในพื้นที่รอบนิคมอุตสาหกรรม เล่าถึงสภาพความซบเซาของตลาดรถยนต์ในปีนี้ว่า เดิมมีลูกค้าเข้ามาติดต่อราว 3-5 รายต่อวัน ตอนนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 2 รายต่อวันเท่านั้น ลูกค้าเดิมที่เป็นพนักงานของโรงงานต่างๆ ก็น้อยลง เนื่องจากมีการปรับลดค่าล่วงเวลาลง

“ตอนนี้ไม่ว่าจะรถยี่ห้อไหนก็มียอดขายไม่ดีทั้งนั้น ส่วนหนึ่งเป็นเรื่องเศรษฐกิจ และความเข้มงวดของลีสซิ่งที่เพิ่มเงื่อนไขขึ้น เช่น เดิมลูกค้าดาวน์ที่ 20% ไม่ต้องมีคนค้ำประกัน ตอนนี้ก็ต้องมีคนค้ำประกัน”

ขณะที่ดีลเลอร์ค่ายโตโยต้ากล่าวว่า ที่ผ่านมาทางโตโยต้าได้ออกแคมเปญ รถเก๋งรุ่นวีออส ดอกเบี้ย 0% เป็นเวลา 4 ปี ฟรีประกันภัยชั้น 1 ถือว่าเป็นการให้ที่มากที่สุดเท่าที่มีมา เพราะกระตุ้นลูกค้าหลังจากที่ยอดขายซบเซา

เดิมทีดอกเบี้ยที่คิดกับลูกค้านั้นจะอยู่ที่ประมาณ 2.78% เมื่อคำนวณเป็นดอกเบี้ยออกมาจะอยู่ที่ราว 4 หมื่นกว่าบาท เมื่อรวมกับของแถมต่างๆ ที่เคยมอบให้ลูกค้าแล้วเบ็ดเสร็จจะอยู่ที่ประมาณ 6-7 หมื่นบาท ตรงนี้ประโยชน์จึงตกอยู่กับลูกค้า ทำให้แคมเปญนี้ดึงลูกค้าที่เป็นกลุ่มบริษัทเข้ามามากขึ้น เช่น ซื้อไว้ใช้งาน เงื่อนไขคือดาวน์ 30% และไม่มีของแถมใดๆ เว้นประกันชั้นหนึ่ง

พนักงานขายรายเดิมยอมรับว่า ตอนนี้ลีสซิ่งเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น เช่น ผู้จะซื้อรถใหม่ หากมีรายได้ 15,000 บาทต่อเดือน ไม่ปล่อยสินเชื่อให้ ถ้ามีรายได้ที่ 18,000 บาทต้องมีคนค้ำหรือเพิ่มยอดเงินดาวน์ ตรงนี้เลยทำให้การขายรถใหม่ทำได้ยากขึ้นกว่าเดิม

“ก็ต้องเรียนตรงๆ ว่า เท่าที่เราเช็กข้อมูลของลูกค้าที่เข้ามาติดต่อ 10 คน พบว่ามีประวัติเรื่องการชำระหนี้ 8 คนทั้งล่าช้า ค้างค่างวด 1-2 เดือน ดังนั้นก็เข้าใจว่าเหตุใดลีสซิ่งจึงต้องเข้มงวด”

โปรโมชันที่ค่ายรถต่างๆ ออกมาแข่งขันกันในเวลานี้ ทำให้ลูกค้าที่มีเงินสดราว 5-6 หมื่นบาทเลือกที่จะขึ้นมาที่โชว์รูมมองรถใหม่กันเป็นหลัก ซึ่งบางค่ายทำโปรโมชันได้แรงกว่าโครงการรถคันแรกด้วยซ้ำ ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของพนักงานขายแต่ละรายที่ต้องหาทางช่วยเหลือลูกค้าให้ได้มากที่สุด อย่างเช่น บางค่ายก็ดำเนินการด้วยวิธีนำเอาส่วนลดต่างๆ ที่เคยให้กับลูกค้า ตีกลับมาเป็นเงินสดแล้วหักส่วนลดเงินดาวน์ไป เพื่อให้ลีสซิ่งพิจารณาในการปล่อยสินเชื่อได้ง่ายขึ้น โดยลีสซิ่งที่ไม่ใช่แบงก์จะผ่อนปรนได้ง่ายกว่า
เต้นท์รถมือ 2 อยู่ในสภาพที่เงียบเหงาและหลายรายปิดตัวลง
เต็นท์มือสองปิดตัว

นอกเหนือไปจากโครงการรถยนต์คันแรกที่ทำให้ตลาดรถใหม่ซบเซาลงไปแล้ว ยังส่งผลให้ตลาดรถยนต์มือ 2 ย่ำแย่ไปด้วย

เจ้าของเต็นท์รถ 99 สมาร์ทคาร์ กล่าวว่า ตอนนี้เต็นท์รถมือ 2 เงียบมาก เนื่องจากรถคันแรกกระตุ้นให้คนซื้อรถใหม่ เดิมบางคนไม่คิดซื้อก็ต้องหันกลับมาซื้อ ด้วยการคืนภาษีสรรพสามิตไม่เกิน 1 แสนบาท ทำให้ผู้ที่ใช้สิทธิมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น จนวัฏจักรการใช้เงินตามปกติหายไป ตอนนี้ทุกธุรกิจโดนผลกระทบกันหมด

สถานการณ์ของพวกเราในตอนนี้ทุกไฟแนนซ์ ทุกลีสซิ่งปรับลดยอดจัดลงสำหรับรถมือ 2 เพิ่มเงินดาวน์จาก 3-4 หมื่นบาทขยับขึ้นเป็นเท่าตัว เนื่องจากที่ผ่านมาบริษัทไฟแนนซ์หรือลีสซิ่งเองก็ได้รับผลกระทบจากยอดผิดนัดชำระ หลายบริษัทต้องขยายพื้นที่จัดประมูลรถที่ยึดมา ซึ่งต้องใช้เวลาอย่างเร็วก็ 4 เดือนหลังจากฟ้องยึดรถในโครงการรถคันแรก

แถมตลาดรถใหม่เกือบทุกค่ายก็หันมาเล่นดอกเบี้ย 0% กันเป็นหลัก เพราะขายไม่ออก ยิ่งทำให้ตลาดรถมือ 2 แย่หนักลงไปอีก ราคารถก็ต้องถูกปรับลงเพราะผู้ซื้อย่อมมองว่าเป็นรถคันแรกที่ได้ส่วนลดมาจากสรรพสามิตแล้ว ทำให้ตอนนี้หลายเต็นท์ต้องหาทางระบายรถออก บางรายไม่มีลูกค้า ใครสู้ไม่ไหวก็ต้องปิดกิจการไป

สอดคล้องกับนักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ที่มองว่า โครงการรถคันแรกฉุดกำลังซื้อของคนในประเทศไปมาก เพราะเป็นการเร่งให้มีการซื้อรถทั้งๆ ที่บางรายไม่มีความจำเป็น หรือบางรายยังไม่มีความพร้อมในการซื้อ ทำให้ผู้ที่ซื้อไปแล้วต้องตัดลดรายจ่ายอื่นๆ ลงไป

เมื่อกำลังซื้อหดบวกด้วยเศรษฐกิจไม่ดี ราคาสินค้าเกษตรทั่วโลกลดลง ยิ่งทำให้สภาพเศรษฐกิจของประเทศฝืดเคืองไปด้วย

เฉพาะภาคอุตสาหกรรมรถยนต์ก็กระทบกันเป็นลูกโซ่ ทั้งตลาดรถเก่า รถใหม่ และตัวลีสซิ่งที่ให้สินเชื่อ และกว่าปัญหานี้จะยุติได้ต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง ด้วยเงื่อนไขที่ห้ามซื้อขายเปลี่ยนมือ 5 ปี

นี่จึงเป็นผลในด้านลบของโครงการประชานิยมที่เกิดขึ้นจากนักการเมือง ที่หวังเพียงเพื่อให้ชนะการเลือกตั้ง แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นกลายเป็นภาระที่ประชาชนทุกคนต้องร่วมกันรับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นโครงการรับจำนำข้าวหรือโครงการรถยนต์คันแรก ขณะที่นักการเมืองเหล่านั้นเมื่อพ้นจากอำนาจแล้วก็ลอยตัวจากปัญหาที่สร้างเอาไว้

กำลังโหลดความคิดเห็น