xs
xsm
sm
md
lg

ทุนโค่นระบอบทักษิณ “โคตรมหึมา”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ตีแสกหน้า “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์-เฉลิม” ประเมิน กปปส.และมวลมหาประชาชนต่ำเกินไป เย้ยหยัน ม็อบสายป่านสั้น เงินใกล้หมด แกนนำ กปปส.ชี้ความจริงทุนอื้อ สารพัดวิธีจัดหาทุนและกลุ่มทุนจำนวนมากช่วยกัน “ลงขัน” สู้ขาดใจ! “ทุนใหญ่-ดารา-เครือข่ายมหา’ลัย-ประชาชน” ลั่น สู้จนกว่าจะไล่ “ชินวัตร” ออกจากแผ่นดิน! จับตายิ่งลักษณ์โดน “ใบแดง” จาก กกต.ก่อนได้อำนาจรัฐคืน

แม้ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะดึงดันให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ.ได้ก็ตาม แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่ายิ่งลักษณ์จะประสบความสำเร็จในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้ เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้ยังมีประเด็นปัญหาต่างๆ ที่ทำให้การเลือกตั้งไม่สมบูรณ์ ทั้งในเรื่อง 28 เขตเลือกตั้งที่ยังไร้ผู้สมัคร กกต.จะต้องจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ และอีก 16 เขตเลือกตั้งที่มีผู้สมัครคนเดียว ซึ่งมีกรณีที่ผู้สมัครได้คะแนนน้อยกว่า 20% หรือน้อยกว่าผู้ลงคะแนนโหวตโนก็จะต้องจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่เช่นกัน

รวมไปถึงกรณีการไปลงคะแนนของเขตเลือกตั้งล่วงหน้าไม่ได้ กกต.ก็จะจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 23 ก.พ.ที่จะถึงนี้ และกรณีของการเลือกตั้ง ส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อ ที่ตามเงื่อนไขกฎหมายต้องนับครบทุกเขตเลือกตั้ง แม้ขาดเพียงเขตเลือกตั้งเดียวก็ไม่สามารถประกาศผล ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อจำนวน 125 คนได้

ดังนั้น เมื่อ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อยังไม่ครบ จึงไม่สามารถประกาศผลเลือกตั้งได้ ส่งผลให้ไม่สามารถเปิดสภาผู้แทนราษฎรได้ และยิ่งลักษณ์รวมทั้งรัฐมนตรีทุกคน ก็ยังคงรักษาการต่อไป

ขณะที่คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) และมวลมหาประชาชน ยังคงเดินหน้าขับไล่ต่อไป แม้จะถูกปรามาสว่า “ทุนหมดก็จบไปเอง”
ศักดิ์ชัย กาย นำเงินรายได้จากการขายเสื้อไปมอบให้ กปปส. ภาพ: เฟซบุ๊ก Vittayen Mittamara
“ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์-เฉลิม” ประเมินม็อบพลาด

อย่างไรก็ดี การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่ให้ความสนใจกับการเคลื่อนไหวกดดันของ กปปส.ก็เพราะเชื่อว่า ทุนที่ใช้ในการเคลื่อนไหวโค่นล้มระบอบทักษิณครั้งนี้ใกล้จะหมดและเมื่อไหร่ที่หมดก็จะยุติไปเอง วิธีคิดของทักษิณ เกิดจากประสบการณ์ตรงในการจัดการม็อบเสื้อแดง หรือกลุ่ม นปช. จึงมั่นใจว่าการจัดม็อบแต่ละครั้งต้องใช้เงินทุนมหาศาล หากต้องการให้ทุกอย่างตรงตามเป้าหมายที่ตัวเองต้องการ

เพราะค่าใช้จ่ายในม็อบจะมีทั้งค่าเวที ค่าแกนนำ ค่าอาหาร ค่ารถพาผู้ชุมนุมเข้ามาร่วมชุมนุม ค่าสาธารณูปโภคพื้นฐานที่ต้องเช่าหามาให้พอจำนวนผู้ชุมนุม ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณต้องควักจ่ายไปจำนวนมหาศาล โดยเฉพาะค่าแกนนำสู้แล้วรวย ที่ พ.ต.ท.ทักษิณต้องยอมกัดฟันจ่าย เพื่อให้ได้มาซึ่งจำนวนมวลชนในการเคลื่อนไหวแต่ละครั้ง

“ม็อบแต่ละครั้ง พ.ต.ท.ทักษิณจึงทุ่มไม่อั้น และใช้เงินจำนวนไม่น้อย เขาจึงรู้ดีที่สุดว่าการทำม็อบไม่ง่าย ใช้เงินเยอะ เงินรั่วไหลก็มาก”

นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณยังเชื่อว่าด้วยวัฒนธรรมของพรรคประชาธิปัตย์จะไม่ยอมควักเงินส่วนตัวมาใช้ในการเคลื่อนไหวมากมายเมื่อเทียบกับพรรคเพื่อไทย อีกทั้งกลุ่มทุนภาคเอกชนต่างๆ ก็ไม่อยากให้ตัวเองหรือธุรกิจของตัวเองเป็นเป้า ก็จะให้แบบไม่เปิดเผย หากโดนขู่จากภาครัฐโดยเฉพาะการเอาสรรพากรมาขู่ว่าจะไปตรวจสอบภาษี ก็จะกลัวไม่กล้าให้ทุนสนับสนุนในการเคลื่อนไหวอีกแน่นอน

รวมไปถึงกรณีที่ยิ่งลักษณ์ใช้กฎหมายดีเอสไอ อายัดบัญชีธนาคารที่ใช้ในการเคลื่อนไหวทุกบัญชี โดยเฉพาะบัญชีของ นางทยา ทีปสุวรรณ ซึ่งเป็นบัญชีหลักของ กปปส. รัฐบาลก็ไล่ปิดทุกครั้ง เปิดมาใหม่ก็ปิดอีก

ด้วยเหตุนี้ พ.ต.ท.ทักษิณก็เลยมองว่า ตัวเองยังเป็นต่อ และปรามาสว่า ม็อบครั้งนี้อีกไม่นานก็จบ!

ขณะเดียวกัน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รักษาการรัฐมนตรีแรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบ (ศอ.รส.) ก็ออกมารับลูกทั้งในเรื่องการออกหมายจับแกนนำ ผู้ชุมนุม และจัดการกับกลุ่มทุนที่ให้การสนับสนุน พร้อมประกาศว่า กปปส.จะชุมนุมจนเงินทุนหมดก็ไม่เป็นไร เพราะเชื่อว่าอีกไม่นานทุนที่ใช้เคลื่อนไหวก็จะหมด

แต่ในความเป็นจริงทุนในการชุมนุมของ กปปส.และมวลมหาประชาชนมีจำนวนมหาศาล ที่จะใช้ในการโค่นล้มระบอบทักษิณ ไม่ว่าจะอยู่นานเท่าไรก็เชื่อว่าสู้ได้

เพราะทุนที่ใช้ในการต่อสู้ครั้งนี้ มีด้วยกันหลายรูปแบบ และหลากหลายกลุ่มทุน หลายระดับ ที่คนในระบอบทักษิณคิดไม่ถึง จึงปรามาสว่าทุนหมดก็จบไปเอง และระบอบทักษิณก็จะยังคงอยู่ต่อไป

วิธีคิดเช่นนี้กำลังจะทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พังได้เช่นกัน

นักแสดง-ดาราระดมเงินบริจาค-ทุนใหญ่อื้อ

น.ส.ยิ่งลักษณ์จะต้องคิดให้ดี! ว่าจะอยู่ต่อไปบนเวทีร้อนนี้ไปเพื่ออะไร เพราะใครต่อใครเขาต่างไม่ยอมให้คนตระกูลเดียวมามีอำนาจในบ้านเมืองอีกต่อไป และเขาทำทุกอย่างเพื่อระดมทุนมาช่วยกำนันสุเทพ และมีกลุ่มคนที่หลากหลายมาร่วมไม้ร่วมมือลงขันกันกำจัดทรราช และเขาไม่ยอมให้กำนันสุเทพแพ้!

กลุ่มต่างๆ เหล่านั้น คือใครบ้าง

กลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่-กลาง ถือเป็นกลุ่มทุนที่สนับสนุน กปปส.อย่างต่อเนื่อง กลุ่มนี้จะรวมถึงกลุ่มภาคธุรกิจเอกชนที่รับไม่ได้อีกแล้วสำหรับการทุจริตคอร์รัปชันของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่นับวันยิ่งเรียกค่าน้ำร้อนน้ำชาตั้งแต่ 30-50% มากสุดกว่ารัฐบาลไหนๆ หากปล่อยให้คนตระกูลนี้เรืองอำนาจย่อมหมายความว่า ภาคธุรกิจเอกชนย่อมมีแต่เสียเปรียบและยากที่จะต่อสู้ เพราะพลังไม่เพียงพอ กลุ่มนี้จึงมีการนำเงินมาช่วย กปปส.อย่างต่อเนื่อง และเงินที่เขานำมาให้ กปปส.ใช้นั้น เรียกว่าเป็นเงินหยิบมือเดียวของนักธุรกิจกลุ่มนี้

กลุ่มดารา คนมีชื่อเสียงในสังคม นับเป็นกลุ่มที่มีพลังมากที่จะระดมทุนช่วย กปปส. โดยเฉพาะการออกมาทำเสื้อรุ่นพิเศษของนายศักดิ์ชัย กาย ที่ขอให้ศิลปิน-นักวาดการ์ตูนชื่อดังช่วยออกแบบ คือ ไข่-สมชาย แก้วทอง และชัย ราชวัตร ปรากฏว่าขายดีเป็นเทน้ำเทท่า มียอดขายวันละ 1 ล้านบาท สร้างปรากฏการณ์คนต่อคิวซื้อเสื้อเป็นพันๆ คนต่อวัน และล่าสุดได้มอบเงินให้ กปปส.แล้ว 13 ล้านบาท

ขณะที่นักร้อง นักแสดง ต่างร้องเพลง ถือกล่องรับบริจาคช่วยระดมทุนให้ กปปส.อย่างคึกคัก โดยเฉพาะ โจ นูโว ที่ร้องเพลงเปิดหมวกได้เงินมากถึง 1 ล้านกว่าบาท หรือ ออฟ พงษ์พัฒน์ ที่จัดมินิคอนเสิร์ตร่วมกับดาราคนอื่นๆ ที่ขึ้นเวที ได้เงินให้กำนันสุเทพ กปปส.ไป 1 แสนกว่าบาท

อย่าลืมว่าหลังเวทีต่างๆ ตอนนี้กลายเป็นที่ชุมนุมของเหล่าคณาจารย์ และศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยชื่อดังหลายแห่งไม่ว่าจะจุฬาฯ นิด้า ธรรมศาสตร์ เกษตรศาสตร์ ฯลฯ ต่างมีการระดมทุน ร่วมไม้ร่วมมือกันมาบริจาคให้เวที กปปส.ต่อเนื่อง และจำนวนไม่น้อยเลย เพราะกลุ่มนักวิชาการและเครือข่ายศิษย์เก่านี้ส่วนใหญ่แล้วเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในชีวิตก็มีจำนวนมาก ถึงแม้ไม่ใช่กลุ่มทุนขนาดใหญ่แต่มีศักยภาพ และมีเครือข่ายในการระดมทุนที่แน่นหนามากกลุ่มหนึ่ง

ส่วนคนที่มาจากภาคใต้ ส่วนหนึ่งเป็นคนรวยที่นั่งเครื่องบินมา มานอนโรงแรมหรูๆ คนที่รายได้น้อยหน่อยก็มีการนั่งรถไฟมา หรือบางคนกลุ่มทุนในท้องถิ่นก็เป็นคนพามา เป็นความร่วมไม้ร่วมมืออย่างที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน ไม่มีการจัดตั้ง แต่เป็นการช่วยเหลือเกื้อกูลกัน มาทำภารกิจร่วมกัน ใครเงินน้อย ทุนใหญ่กว่าก็ดูแลช่วยเหลือ

คนจากภาคอื่นๆ ก็ลงขันกันเอง ใครมีมากจ่ายมาก ใครมีน้อยจ่ายน้อย พากันมาร่วมชุมนุมเพราะเกลียดชังระบอบทักษิณ ส่งผลให้เงินทุนของ กปปส.ไม่เคยถูกใช้เพื่อการขนคนเหมือนกับการระดมคนของคนเสื้อแดงในแต่ละเวที

ภาพอย่างนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน!

ขณะที่ประชาชนใน กทม.และต่างจังหวัดก็ไม่น้อยที่มีการนำเงินมาบริจาคให้ กปปส.อย่างสม่ำเสมอ อีกทั้งทุกกลุ่มยังอาสาสนับสนุนด้านอาหารที่จะลดค่าใช้จ่ายของ กปปส.ส่วนกลาง ไม่ให้มีภาระหนักเกินไป จนการชุมนุมที่ผ่านมากว่า 90 วันนี้ ไม่เคยมีปัญหาการขาดแคลนอาหารและน้ำดื่มเลี้ยงผู้ชุมนุมเลย

“จะมีแม่ยก พ่อยก ที่เป็นนักธุรกิจท้องถิ่น ในภาคต่างๆ เดินทางมาชุมนุมแต่จะอยู่ครั้งละ 3-4 วันก็กลับ พวกนี้มาทีก็บริจาครายละเป็นแสน แต่ไม่ประสงค์จะแจ้งชื่อเท่านั้น”

อีกทั้งยังมีกลุ่มทุนรุ่นใหม่ที่ใช้โซเชียลมีเดีย และมีไลน์กลุ่มในการระดมทุนเพื่อจัดหาของให้กับจุดชุมนุมในแต่ละแห่งที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว

“ไลน์กลุ่มมีประโยชน์มาก ใช้เวลาระดมไม่นาน ก็จะระดมเงินและจัดสิ่งของที่ต้องการมาให้แกนนำได้อย่างรวดเร็ว”

ส่วนอาหาร เครื่องดื่ม เครื่องนุ่งห่มนั้น หลังเวทีการชุมนุมแทบทุกเวที ยังประกอบไปด้วยเครื่องอุปโภคบริโภคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเป็นลังๆ กาแฟทรีอินวัน แป้ง เครื่องใช้ไม้สอยที่ขาด เมื่อมีการประกาศก็จะมีคนนำมาบริจาคอย่างท่วมท้นทุกครั้ง อย่างเช่นผู้ชุมนุมต้องการเครื่องซักผ้า ตอนนี้เวทีต่างๆ ก็มีเครื่องซักผ้าไว้อำนวยความสะดวกให้คนที่มาปักหลักพักค้างได้ใช้ เวทีหนึ่งก็มีหลายเครื่อง

ปรากฏการณ์ร่วมลงขันที่เกิดขึ้น ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ อาจไม่รู้ จึงประเมินผิดว่า การชุมนุมของกลุ่ม กปปส.นับวันสายป่านจะยิ่งสั้นลง และไม่มีทางชนะเศรษฐีอย่างพวกเขาแน่ ซึ่งเป็นความคิดที่ผิดมหันต์!

การประเมินว่าผู้ชุมนุมสู้ไม่ไหวเพราะทุนจะร่อยหรอนั้น ไม่เป็นจริง

“จะสู้ต่อไป นานแค่ไหนก็จะสู้”

“อิสสระ” ชี้ ทุนไม่มีทางขาด-สู้จนกว่าจะชนะ

นายอิสสระ สมชัย แกนนำกลุ่ม กปปส. ยืนยันว่า ทุนสนับสนุน กปปส.นั้นอยู่ในวิสัยที่ดูแลได้ ไม่มีปัญหา และไม่มีทางขาด และจะสู้จนกว่าจะชนะ

โดยเงินที่ได้มาจากภาคส่วนต่างๆ มีจำนวนมาก ทั้งที่เปิดเผยนาม และไม่เปิดเผยนาม ไม่รวมกับทุนที่ภาคประชาชนนำมาบริจาคตามตู้บริจาค และจากการเดินขบวนรณรงค์ปฏิรูปการเมืองของนายสุเทพแต่ละครั้งก็ได้เงินมาจำนวนไม่น้อย เพียงพอต่อการต่อสู้แน่นอน เพราะเงินค่าบริหารจัดการการชุมนุมนั้นไม่ได้มีจำนวนมากนัก อย่างค่าเวทีก็จะเป็นการจ่ายเพียงครั้งเดียว ส่วนที่เป็นค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างหนักคือค่าอาหาร และค่าการ์ด แต่ก็มีคนมาช่วยสนับสนุนอยู่ตลอด สำหรับค่าจ้างการ์ดนั้น ถ้าจะวัดกันจริงๆ ก็เป็นจำนวนเงินไม่มากนัก จะเป็นการจ้างการ์ดที่คอยดูแลผู้ชุมนุมแต่ละจุด แต่บางวันจะมีการจ้างการ์ดเพิ่ม คือวันที่มีการเดินไปที่ต่างๆ แต่ค่าใช้จ่ายไม่มากนัก

“เงินที่เราใช้เป็นเงินบริสุทธิ์ ไม่ได้โกงมาเหมือนของใคร เป็นเงินที่คนเอามาช่วยกัน มันอาจไม่มากนักแต่มีมาตลอด และเรามั่นใจว่าสู้ได้อีกนาน”

ยุทธศาสตร์เลือกพื้นที่ถูก-ทุนหนุนไม่ขาดสาย

แหล่งข่าวที่สนับสนุนเรื่องเงินทุนให้ กปปส.กล่าวว่า การสู้กับระบอบทักษิณครั้งนี้ไม่ได้สู้กันเรื่องการเลือกตั้ง การสู้ด้วยเงินที่ไปใช้เลือกตั้ง ปกติแล้วต้องใช้เงินในระดับหลายพันล้านบาท แต่การต่อสู้ครั้งนี้แตกต่างกันมาก มีเพียงค่าใช้จ่ายวันละไม่กี่ล้านบาท ไม่ใช่หลักสิบล้าน ถ้าจะให้ประเมินก็ประมาณ 5 ล้านบาทเท่านั้น

เป็นการต่อสู้ที่มีค่าใช้จ่ายของการเคลื่อนไหวการชุมนุม เมื่อเทียบกับจำนวนเงินที่ได้มานั้น จะดำเนินการต่อไปได้เรื่อยๆ

ถือเป็นเงินน้อยมากเมื่อเทียบกับเงินที่ใช้ในทางการเมืองในการเอาชนะกันด้วยการเลือกตั้ง

ตอนนี้เงินที่นำมาใช้บริหารจัดการการชุมนุมของ กปปส.จึงมีทั้งเงินที่ประชาชนบริจาค, เงินของกลุ่มทุนที่อยากให้การบ้านการเมืองเดินหน้าไปได้ ไม่อยากให้คนคนเดียวทำลายประเทศ ก็ยังช่วยกันอยู่ ไม่มีปัญหา

แม้จะถูกขู่ แต่ทุกคนก็ไม่กลัว

“เงินที่ใช้มันไม่ได้ใหญ่มาก ค่าใช้จ่ายก็เป็นค่าใช้จ่ายที่พอจ่ายได้ การจัดหารายได้ก็เพียงพอ เชื่อว่าการต่อสู้โดยการนำของกำนันสุเทพไปรอด เราสู้ได้เท่าที่ต้องการ”

วันนี้!!

ทั้งนี้ ประเด็นที่น่าสนใจคือยุทธศาสตร์ในการเลือกพื้นที่ชุมนุมนั้นมีผลต่อการได้รับเงินสนับสนุนที่มากขึ้นด้วย

“ตอนที่อยู่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย คนเดินทางไปค่อนข้างลำบาก เพราะไม่มีรถไฟฟ้า ไม่ใช่กลางเมือง แต่พอเปลี่ยนพื้นที่ชุมนุมมาเป็นพื้นที่ราชประสงค์-ปทุมวัน ซึ่งเป็นทำเลของศูนย์กลางการค้า ก็มีการดึงดูดคนเข้าร่วมมาก ทำให้คนที่สนับสนุนค่าใช้จ่ายให้ กปปส.ก็มีจำนวนมากขึ้นตามไปด้วย”

สิ่งสำคัญคือ การที่ดารามาร่วมชุมนุมจำนวนมากในเวทีที่เป็นศูนย์กลางการค้าเหล่านี้ ก็ยิ่งทำให้ผู้ที่มาชุมนุมมีมากขึ้นไปด้วย รวมถึงการที่เหล่าดาราช่วยรณรงค์เรื่องค่าใช้จ่ายเข้ามา จุดนี้ก็ทำให้เงินบริจาคเพิ่มมากขึ้น มากกว่าตอนที่อยู่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

อย่างไรก็ดี มีบางพื้นที่ที่ค่าบริหารจัดการไม่พอ เช่นพื้นที่ลุมพินี แต่ก็มีความจำเป็นต้องมีเวทีนี้ต่อไป เนื่องจากเป็นจุดที่ให้คนมาค้างอ้างแรมได้มาก เป็นจุดที่คนนิยมไปอยู่ และพักค้างคืน ส่วนใหญ่เป็นคนต่างจังหวัด เช่นเดียวกับเวทีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และเวทีลาดพร้าวที่ค่าใช้จ่ายมากกว่าเงินสนับสนุนจึงมีการยุบเวทีทั้งสองลงไปด้วย ทำให้ค่าใช้จ่ายฟิกซ์นั้น จะมีค่าใช้จ่ายหลักเป็นค่าจอ LED แต่ตอนนี้ยุบ 2 เวที เหลือ 4 เวที ค่าใช้จ่ายจุดนี้ก็ลดลงด้วย

“ถ้าเปรียบเทียบการค้าขาย การเลือกทำเลก็มีผลมาก คนมาเยอะ รายได้มากขึ้น ถ้านับเป็นกิจการก็ถือว่าหมุนเวียนดีมาก ถือว่าเลือกเดินกลยุทธ์การต่อสู้ถูก ดีกว่าอยู่ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย”

อย่างไรก็ดี เมื่อกลุ่ม กปปส.ไม่ได้มีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย

คนที่รับศึกหนักจึงกลับไปที่นางสาวยิ่งลักษณ์เหมือนเดิม เพราะอยู่ในสถานการณ์ที่ถูกบีบทุกทาง

พบจุดจบได้ในเร็ว

ไม่เกิน 1 เดือน-ลุ้นยิ่งลักษณ์ได้ “ใบแดง”

นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา กล่าวว่า หลังการเลือกตั้งครั้งนี้ นางสาวยิ่งลักษณ์จะต้องรับบทหนัก เพราะมีชนักติดหลังมาก และจะทำให้นางสาวยิ่งลักษณ์ไม่เป็นไปดังใจหวัง 2 ประการคือ

ต้องการให้เกิดสภาผู้แทนราษฎร และต้องการกลับเข้าไปมีอำนาจในฐานะรัฐบาลเต็มตัว พ้นสภาพจากการเป็นรัฐบาลรักษาการ

“ที่เขาต้องผิดหวัง เพราะทั้งหมดที่เขาต้องการนั้นต้องใช้เวลาอีกหลายเดือน แต่ชนักที่ติดหลังอยู่คือคดีความต่างๆ จะมาถึงตัวเขาก่อน”

คดีความที่นางสาวยิ่งลักษณ์จะต้องเผชิญจากนี้ไปนั้น อะไรจะถึงตัวนางสาวยิ่งลักษณ์ก่อน?

นายไพบูลย์กล่าวว่า เรื่องแรกที่นางสาวยิ่งลักษณ์จะเจอคือคดีที่มีการฟ้องไปที่ กกต. ตัดสินว่าการเลือกตั้งไม่ถูกต้อง จะทำให้นางสาวยิ่งลักษณ์อาจได้ใบแดง ถูกตัดสิทธิเลือกตั้ง 1 ปี และพ้นจากตำแหน่งทันที รวมทั้งคดีนี้มีการฟ้องรวมกับอดีตรัฐมนตรีทั้งหมดในรัฐบาลชุดนี้อีก 18 คน ซึ่งจะทำให้ ครม.รักษาการทำงานไม่ได้

กรณีนี้ปกติตามขั้นตอนของ กกต.นั้นจะมีการพิจารณาไม่นานนัก จะใช้เวลาไม่เกิน 1 เดือน

ดังนั้น 1 เดือนจากนี้ไป มีโอกาสที่นางสาวยิ่งลักษณ์จะได้ใบแดงจาก กกต.เป็นเรื่องแรก!

เรื่องที่สอง คือการฟ้องร้องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ โดยเป็นการฟ้องร้องเพื่อให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ เนื่องจากการเลือกตั้งขัดรัฐธรรมนูญที่กำหนดให้การเลือกตั้งต้องจัดพร้อมกันทั่วประเทศ และบังคับให้บัตรเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขต ต้องมาถึงหน่วยเลือกตั้งก่อนการนับคะแนนในเวลา 15.00 น. ซึ่งจะทำให้ประชาชนที่มาใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าหลังวันเลือกตั้งจริง เสียไปโดยเปล่าประโยชน์

อีกทั้งการที่นายกรักษาการ และ รมต.รักษาการอีก 18 คนได้อนุมัติการออก พรก.ฉุกเฉินในช่วงที่มีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง ย่อมเป็นการทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ทำให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบในการเลือกตั้ง

ในส่วนนี้มีทั้งการฟ้องโดย ส.ว.ไพบูลย์ และโดยนายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ที่ยื่นเรื่องขอฟ้องไปแล้วในวันที่ 4 ก.พ. 57

“หากจะให้มีการเลือกตั้งใหม่อีกครั้งต้องใช้เวลาอีกหลายเดือน ถึงแม้ว่าโดยกระบวนการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญจะยาวนานกว่าการพิจารณาของ กกต. แต่การเลือกตั้งครั้งต่อไปก็ต้องยืดออกไปอีก” ส.ว.ไพบูลย์กล่าว

จับตาทุจริตจำนำข้าว

ส่วนอีกคดีที่นางสาวยิ่งลักษณ์ในฐานะประธาน กนข. (คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ) จะหนีความรับผิดชอบไม่ได้คือจำนำข้าว ที่ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบโดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งหาก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดนางสาวยิ่งลักษณ์ว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ นางสาวยิ่งลักษณ์ก็ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่

แต่ทั้งคดีทุจริตจำนำข้าว ที่อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของ ป.ป.ช. และศาลรัฐธรรมนูญนั้น จะมีขั้นตอนการพิจารณาอย่างน้อย 1 เดือนขึ้นไป

แต่การพิจารณาของ กกต. จะเร็วกว่า

“ยิ่งลักษณ์” อาจจะโดนใบแดง

ขณะที่ทุนหนุน กปปส.แทนที่จะร่อยหรอ แทนที่จะหืดขึ้นคอ กลับมีคนมาสนับสนุน มาช่วยกันคนละไม้ละมือหาทุนมาลงขันขับไล่คนตระกูลชินวัตรไม่ขาดสาย

ที่ ร.ต.อ.เฉลิมพยายามบอกว่า “เงินหมด ม็อบก็จบ”

วันนี้เลยกลายเป็นคนละเรื่อง!

ดังนั้น การที่ระบอบทักษิณประเมินกลุ่มทุนพลาด ก็อาจทำให้ “ยิ่งลักษณ์” และคนในระบอบทักษิณจบลงเร็วมากขึ้นเท่านั้น

กำลังโหลดความคิดเห็น