xs
xsm
sm
md
lg

มวลชนเตรียมเฮ...กปปส.ชนะแน่! เตือนตำรวจอย่ากระตุกต่อมเดือด-พวกเราสู้ไม่มีถอย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ปลุกพลังมวลมหาประชาชน ศรัทธาและเชื่อมั่น “กปปส.” มีโอกาสชนะแน่ แต่ขอเวลาและความอดทน ชี้การต่อสู้กับรัฐบาลดื้อด้านไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องใช้ยุทธวิธี ผนวกหลักกฎหมาย ฟัน “ยิ่งลักษณ์” พ้นเส้นทางการเมือง เตือนผู้ถืออำนาจรัฐ-ตำรวจ อย่าคิดเด็ดหัวแกนนำ เพราะจะเกิด “ผู้นำ” ตามสถานการณ์ เละกระตุกต่อมเดือดของมวลชน ลุกฮือต่อสู้ตำรวจ ด้านนักวิชาการ-กปปส. หารือรูปแบบสภาประชาชน ปฏิรูปการเมืองให้สำเร็จภายใน 7 เดือน ทำประชามติก่อนเลือกตั้งใหม่ เพื่อนำไปสู่โฉมใหม่ของประเทศไทย ความขัดแย้งภาคประชาชนหมดไป และทุกคนจะได้รับการดูแลอย่างเท่าเทียมกันในสังคม

เกือบ 90 วันแล้ว สำหรับการต่อสู้ของมวลมหาประชาชนที่ออกมาต่อต้านอำนาจรัฐบาลเผด็จการของ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี และเรียกร้องให้นางสาวยิ่งลักษณ์ลาออกจากตำแหน่ง เปิดทางให้มีการจัดตั้งสภาประชาชน ทำการปฏิรูปการเมืองไทยก่อนการเลือกตั้ง

แต่ยิ่งต่อสู้กลับยิ่งพบว่า แกนนำและผู้ชุมนุมในแต่ละจุด เริ่มมีความเสี่ยงต่อชีวิตมากขึ้น เห็นได้จากกรณีระเบิดที่บรรทัดทอง ที่จุดอนุสาวรีย์ชัยฯ หรือการยิง นายสุทิน ธราทิน แกนนำ กปท. รวมไปถึงการยิงผู้ชุมนุมในเหตุการณ์เมื่อวาน (27 ม.ค.) ที่ผ่านมาที่บริเวณหน้าสโมสรกองทัพบก ถนนวิภาวดีฯ

อย่างไรก็ดี ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นดูเหมือนว่ารัฐบาลและเจ้าหน้าที่ตำรวจจงใจจะทำร้ายผู้ชุมนุม ในขณะที่ผู้ชุมนุมยึดหลักสันติ ปราศจากอาวุธ กลายเป็นจุดเดือดสำคัญที่ดึงให้มวลชนในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ทุกกลุ่มอาชีพต่างเดินหน้าออกมาสนับสนุน กปปส.กันเป็นจำนวนมากขึ้นๆ ในทุกๆวัน

ดังนั้นแม้ว่ามวลมหาประชาชนจะเพิ่มขึ้นเท่าใดก็ตามกลับไม่ทำให้รักษาการรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สำเหนียกแต่ประการใด

จึงเกิดคำถามในหลากหลายกลุ่มของผู้ชุมนุมว่า

“เมื่อไหร่มันจะไปสักทีวะ”

“พวกเราจะชนะมั้ยเนี่ยะ”

ที่สำคัญการเดินหน้าโค่นล้มระบอบทักษิณ ที่นำโดย กปปส.และมวลมหาประชาชนที่มากมายบนท้องถิ่นในครั้งนี้และเวลานี้มันจะจบได้อย่างไร และจะจบเมื่อไร รัฐบาล หรือ กปปส.คือผู้ชนะกันแน่!

ทีม Special scoop มีคำตอบ

 
“ยิ่งลักษณ์” ถึงทางตัน-มวลมหาประชาชนชนะ

ในด้าน กปปส.นั้น กปปส.ยังเชื่อว่าอีกไม่นานแล้วที่มวลมหาประชาชนจะเข้าสู่ชัยชนะ

แหล่งข่าวหนึ่งในแกนนำ กปปส. เปิดเผยว่า ณ ขณะนี้ประเมินได้แล้วว่าฝ่าย กปปส.มีโอกาสชนะได้ เพราะเหตุที่นางสาวยิ่งลักษณ์เดินหน้าทุกอย่างไปสู่ทางตันด้วยตนเอง

ทั้งนี้เพราะยิ่งลักษณ์กำลังทำให้ตัวเองหมดทางออก และมีหลายเรื่องที่จะนำไปสู่ทางตันของรัฐบาลยิ่งลักษณ์

หนึ่งคือเรื่องจำนำข้าว ที่ความจริงแล้วการที่ ครม.รักษาการจะสั่งจ่ายเงินจำนำข้าวนั้น เป็นเรื่องที่ทำไม่ได้ เพราะผิดกฎหมาย และถึงแม้รัฐบาลจะกู้เงินมา เกษตรกรก็จะไม่ได้เงินในวันนี้ และไม่ใช่ว่าจะได้รับเงินครบทุกคน

จำนำข้าวนี่ถือเป็นระเบิดเวลาลูกใหญ่ที่สุดที่นางสาวยิ่งลักษณ์กำลังถือไว้อยู่

เรื่องต่อมาคือเรื่องของการเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง โดยยืนยันว่าจะต้องเลือกตั้งให้ได้ภายในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 วันเดียวเท่านั้น เลื่อนไม่ได้ เลิกไม่ได้

“ตรงนี้รู้ดีอยู่แล้วว่าเดินหน้าเลือกตั้งไปก็เลือกไม่ได้ เพราะยังไงก็มีปัญหาการเลือก ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ที่จะได้ไม่ถึง 125 คน เมื่อเลือกปาร์ตี้ลิสต์ไม่ได้ ก็ไม่ได้ ส.ส.ครบตามจำนวนที่กฎหมายกำหนด ก็เปิดประชุมสภาฯ ไม่ได้ แต่เขาต้องทำ เพราะอำนาจรัฐบาลรักษาการมันมีจำกัด เขาทำอะไรไม่ได้มาก ต้องรีบกลับเข้าสู่อำนาจ”

แต่ถ้ารัฐบาลยอมเลื่อนการเลือกตั้งปัญหาจะตกมาอยู่กับประชาธิปัตย์ทันที

“ถ้าเลื่อนเลือกตั้ง โจทย์จะมาเป็นประชาธิปัตย์ทันที ว่าจะตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้งไหม ถ้าไม่ก็มีสิทธิที่จะเข้าข่ายถูกยุบพรรค ประชาธิปัตย์จะตกที่นั่งลำบากที่สุด แต่ถ้าเขาไม่เลือกทางนี้ แสดงว่าต้องการอำนาจกลับมาให้เร็วที่สุดจนไม่สนใจปัจจัยอื่น”

ดังนั้นอีกไม่นาน กปปส.จะได้ชัยชนะ เพราะทางที่นางสาวยิ่งลักษณ์เลือกเดินเป็นทางที่จะบีบนางสาวยิ่งลักษณ์ให้ไปต่อไม่ได้เอง

ต้องสู้ยาว-มวลชนต้องอดทน

ขณะที่ในสายตาของนักวิชาการด้านรัฐศาสตร์แล้ว มองว่า การปฏิวัติประชาชนอาจไม่สำเร็จ เพราะนักการเมืองไม่ได้มีจิตสำนึกทางการเมืองที่ดี

รองศาสตราจารย์ทวีศักดิ์ สูทกวาทิน อาจารย์และกรรมการสภาสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ที่มองว่าศึกครั้งนี้ต้องสู้ยาว เพราะการมองการเมืองว่าจะชนะหรือไม่ชนะเรื่องของประเด็นความขัดแย้งทางการเมืองในเวลานี้เป็นเรื่องยาก ในอดีต สามารถชนะทางการเมืองได้แค่ชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลมีการทุจริตคอร์รัปชัน นักการเมืองสมัยก่อนยังมีความรับผิดชอบทางการเมือง มีการลาออกจากตำแหน่ง แล้วเลือกตั้งใหม่ แต่ปัจจุบันนี้เรื่องจิตสำนึกของนักการเมืองไม่มีแล้ว เป็นเรื่องที่หายไป

“นักการเมืองมีลักษณะ หน้าด้านหน้าทน จะเอาชนะนักการเมืองโดยบีบให้รับผิดชอบทางการเมืองไม่ได้อีกแล้ว เขาจะดื้อด้านอยู่ ทั้งๆ ที่ศาลรัฐธรรมนูญเองก่อนหน้านี้ก็มีการตัดสินที่ชัดเจนว่ามีความผิด ทั้งการแก้รัฐธรรมนูญที่มา ส.ส. ส.ว. หรือ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม แต่รัฐบาลก็ยังเลือกยื้ออยู่ในอำนาจ”

การต่อสู้โดยสันติวิธีนั้น จะต้องมีคู่ต่อสู้ที่พอมีคุณธรรม ใช้กับคู่ต่อสู้ที่มีเหตุมีผล มีจริยธรรมอยู่บ้าง คือมีความรู้สึกรู้ร้อนรู้หนาว

“คานธีเคยสู้กับประเทศอังกฤษ ด้วยการอดข้าว ใช้วิธีทำให้ตนเองลำบาก พอสู้ๆ ไปประเทศอังกฤษเขาก็มาดู ดูว่าจะเสียชีวิตไหม ยังมีความเป็นห่วงคู่ต่อสู้ ว่าจะเป็นอันตรายถึงชีวิตหรือไม่ แต่สำหรับรัฐบาลนี้ ผมคิดว่าคงจะปล่อยให้ตายไป”

ดังนั้น การต่อสู้ด้วยสันติวิธีชนะได้ แต่ต้องใช้เวลาอีกนาน!

มวลมหาประชาชนต้องทำใจ และต้องใจเย็นๆ

สุดท้ายประชาชนจะชนะได้ ก็ต้องชนะด้วยกฎหมาย แต่กระบวนการทางกฎหมายของไทยก็จะใช้เวลา ต้องรอ และต้องชุมนุมกดดันไปเรื่อยๆ จนกว่าจะชนะ

“ตอนรัฐบาลสมัคร ก็พ้นจากตำแหน่งเพราะศาลตัดสินให้มีความผิดที่เป็นนายกฯ แต่ไปออกรายการชิมไปบ่นไป หรือรัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ก็ต้องพ้นจากตำแหน่งอีก เพราะโดนคดีซื้อพรรคเล็ก ทำให้พรรคพลังประชาชนถูกยุบพรรค”

ดังนั้น กระบวนการกฎหมายจะเป็นทางเดียวที่ทำให้นักการเมืองรับผิดชอบในความผิดที่ตัวเองทำมา

“ตอนนี้ให้ทหารปฏิวัติก็ลำบาก สังคมไทยไม่เอา แต่จะปฏิวัติโดยประชาชนก็ไม่ได้อีก เพราะประชาชนไม่มีอำนาจบังคับ ขนาดคนออกมาต่อต้านรัฐบาล 5-6 ล้านคน เขายังเฉยๆ อีกทั้งการที่ทาง กปปส.ไม่ใช้ความรุนแรง ก็ยิ่งชนะยากไปใหญ่ ยิ่งเป็นประสบการณ์ใหม่ไม่เคยเกิดขึ้น ก็ยากหน่อย แต่ก็ไปสู่จุดนั้นได้”

ต่อจากนี้ไป สิ่งที่ทำได้คือ ต้องมีกิจกรรมต่อเนื่อง มีการเดินรณรงค์ มีการนัดใหญ่ไป กดดันไปทุกระยะ

เตือน! อย่าเด็ดหัวแกนนำ

อย่างไรก็ดี ตอนนี้ที่ต้องจับตาดู คือความโกรธแค้นของประชาชน เพราะปัจจุบันประชาชนรับไม่ได้กับการกระทำของรัฐในหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องตำรวจ ที่นับวันยิ่งแสดงให้เห็นว่าพร้อมที่จะทำการรุนแรงโดยไม่อยู่ในกรอบของกฎหมาย ทำให้สังคมรับไม่ได้มากขึ้น

“ที่ผ่านมา มีมวลชนที่โกรธแค้นจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะนี้ยังดี ที่แกนนำ กปปส.เน้นย้ำไม่เอาความรุนแรง ต่อสู้ด้วยหลักสันติ อหิงสา ใครจะทำอันตรายแกนนำ จะต้องคิดดีๆ นะ เพราะว่าวันนี้ที่ไม่เกิดความวุ่นวายอยู่ เป็นเพราะแกนนำยังสามารถคุมมวลชนได้ ถ้าวันไหนไม่มีแกนนำ วันนั้นจะลำบาก เพราะจะเกิดผู้นำโดยสถานการณ์ ซึ่งเป็นใครไม่รู้ที่มีความคับแค้น รวมกับมวลชนที่มีความคับแค้นอยู่แล้ว สถานการณ์จะยิ่งรุนแรง”

ดังนั้นใครคิดจะสั่งการกำจัดแกนนำ วันนี้อาจจะต้องคิดให้หนัก!

“ตอนนี้รัฐบาลจะยื้ออยู่ในอำนาจต่อไปจะลำบากมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะชัดเจนว่าการเลือกตั้งยังไงก็ไม่เกิดขึ้น ยื้อไปอีกหลายเดือน แต่รัฐบาลก็ไม่สนใจ สนใจแค่ว่าตัวเองต้องอยู่รักษาอำนาจให้นานที่สุด ใครจะแก้ปัญหาบ้านเมือง อะไรยังไง ไม่สนใจ ใครจะแก้ปัญหาให้ชาวนา บ้านเมืองจะต้องเดินหน้า เพราะวันนี้เบิกจ่ายงบประมาณก็ไม่ได้ รัฐบาลก็ไม่สนใจ”

จริงๆ โอกาสชนะของ กปปส.มีอยู่ ดูง่ายๆ จากการส่งคนมาก่อกวน มาปาระเบิด มาสร้างความรุนแรงในเกือบทุกครั้งที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส.เดินขบวนไปหาประชาชน

“เดี๋ยวนี้การชุมนุม ไม่จำเป็นต้องเดินทางมาแล้ว คุณสุเทพปรับกลยุทธ์ใหม่ คือเดิน เดินไปหาประชาชน เพราะประชาชนบางคนมาไม่ได้ และประสบความสำเร็จมาก ไม่ว่าเส้นทางไหนที่ไป แสดงให้เห็นชัดว่าคนที่ต่อต้านระบอบทักษิณ ไม่เอารัฐบาลนี้มีมากขึ้น ถ้าปล่อยให้คุณสุเทพเดินรณรงค์ต่อไป ก็มีโอกาสที่คนกรุงเทพฯ จะยิ่งต่อต้านรัฐบาล ดังนั้น จึงเป็นเหตุให้มีเหตุการณ์รุนแรง เพราะต้องการให้คนกลัว ไม่กล้าเข้าร่วม”

แต่สิ่งนี้กลับทำให้คนยิ่งไม่พอใจ เพราะการใช้ความรุนแรงแอบแฝง และยังพบคนชุดดำเป็น “เจ้าหน้าที่ตำรวจ”
ความชอบธรรมมันไม่มี!

“คนยังยอมรับทหารได้เพราะยังตรงไปตรงมา ในบทบาทที่ต้องมาควบคุมฝูงชน แต่วันนี้พอมาเป็นตำรวจ มันไม่เหมือนกัน ความเป็นสุภาพบุรุษของตำรวจไม่มีเลย”

ดังนั้น โอกาสชนะของประชาชนจึงไม่ใช่ไม่มี แต่ว่าช้า เพราะรัฐบาลดื้อด้าน ไม่มีจิตสำนึกที่ดีต่อสังคม ต้องรอกระบวนการทางกฎหมาย

แต่ชนะแล้ว จะเดินหน้าไปทางไหน นั่นคือสิ่งที่ กปปส.จะต้องรับบทหนักมากกว่าเดิม

สภาประชาชนจะเป็นความหวังให้ประชาชนได้ไหม
ภาพ : อินเทอร์เน็ต
 
สภาประชาชนต้องปลอดนักการเมือง

รองศาสตราจารย์ทวีศักดิ์กล่าวว่า สภาประชาชนจะเป็นความหวังของบ้านเมืองได้ และต้องมีการปฏิรูปการเมืองครั้งใหญ่ ซึ่งในส่วนของ กปปส.เอง ขอให้เชื่อมั่นว่ามีนักวิชาการที่ไปช่วยคิดให้ทีม กปปส.อยู่จำนวนมาก และกำลังหาวิธีที่จะเสนอ กปปส.ว่าจะทำอย่างไร ให้สภาประชาชนมีประสิทธิภาพสูงสุด และหลังจากปฏิรูปแล้ว จะต้องทำให้ความขัดแย้งภาคประชาชนหมดไป ให้ประชาชนทุกคนได้รับการดูแลอย่างเท่าเทียมกันจากภาครัฐ ไม่ว่ารัฐบาลจะมาจากพรรคการเมืองไหน

โดยเบื้องต้นคิดว่า การปฏิรูปจะต้องเดินหน้าไปในสิ่งที่สังคมต้องการคือ ไม่อยากให้นักการเมืองข้องเกี่ยวใดๆ กับการปฏิรูปการเมืองไทยครั้งนี้ เพราะไม่ต้องการให้คนที่มีผลประโยชน์เข้ามาเป็นคนกำหนดกติกา

“ที่ผ่านมา คนที่มีผลประโยชน์แล้วมาตั้งกฎกติกาเอง มันมีผลประโยชน์ติดขัด ไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองพรรคไหนก็เหมือนกันหมด ดังนั้นต้องปลอดนักการเมืองให้ได้”

ถ้าทำได้ สังคมถึงจะยอมรับ และตัวรัฐบาลที่จะดูแลบริหารประเทศก็ไม่ควรเป็นนักการเมือง ให้มีรัฐบาลที่มีคนบริหารที่เป็นคนเก่งจากภาคส่วนต่างๆ เข้ามาบริหารบ้านเมืองในภาพรวม มีทัศนคติที่ดีกับการเปลี่ยนแปลง ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง แต่จะได้มาด้วยวิธีการใดต้องมีกระบวนการรองรับให้ดี

ส่วนตัวแล้วเมื่อมีรัฐบาล จะมีส่วนสภาประชาชนด้วย แต่สภาประชาชนนี้จะเป็นฝ่ายทำการปฏิรูปการเมือง โดยเห็นว่าควรจะมีอำนาจนิติบัญญัติด้วย เพราะถ้าคิดแล้วทำไม่ได้ก็ได้แค่เสนอเท่านั้น ซึ่งอาจมีปัญหาภายหลัง

กปปส.ย้ำทำประชามติก่อนเลือกตั้ง

ขณะที่แกนนำ กปสส. กล่าวว่า สภาประชาชนจะมีการตั้งขึ้นมา ด้วยสูตร 300+100 โดย 300 คนจะมาจากองค์กรต่างๆ ที่จะมีการคัดเลือกเข้ามาเป็นสภาประชาชน อีก 100 คนจะมาจากคณะกรรมการสรรหา ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 113 คือชุดเดียวกับที่สรรหา ส.ว.

ส่วนนายกรัฐมนตรีจะมาจากมาตรา 3 และมาตรา 7 ของรัฐธรรมนูญ

จุดสำคัญคือจะไม่มีการฉีกรัฐธรรมนูญ และอาจจะไม่ตั้งสภาประชาชนให้เป็นสภานิติบัญญัติ ซึ่งขณะนี้กลุ่มนักวิชาการกับ กปปส.กำลังนั่งคิดหาวิธีที่ดีสำหรับประเทศที่สุดอยู่

“อาจจะไม่ให้สภาประชาชนมีอำนาจเท่ากับ ส.ส. และอาจจะไม่จำเป็นต้องมีกฎหมายมารองรับ อยู่ด้วย พ.ร.ก.ทำหน้าที่ปฏิรูปการเมือง เสร็จแล้วก็หมดหน้าที่ เพราะไม่ต้องการให้สภาประชาชนนี้ยื้ออำนาจอยู่ยาวได้”

โดยนายกรัฐมนตรีก็จะมีอายุอยู่แค่ 6-7 เดือน

จากนั้นสภาประชาชนก็จะหารือว่าจะมีการปฏิรูปอะไรบ้าง แล้วจะมีการทำรายละเอียด แล้วสุดท้ายก็จะเอาเรื่องเหล่านี้ไปทำประชามติกับประชาชนว่าเห็นด้วยหรือไม่

“ประชามติจะเป็นตัวบ่งบอกว่า เป็นกระบวนการทางประชาธิปไตย โดยไม่มีการฉีกรัฐธรรมนูญ จะไม่ทำให้เหมือนการปฏิวัติ แต่จะเป็นแค่การมาหาทางออกให้ประเทศชาติในเวลาสั้นๆ เท่านั้น”

จากนั้นก็จะมีการเลือกตั้ง ระบอบประชาธิปไตยไทยก็จะเดินหน้าต่อได้

นี่คือเส้นทางการปฏิรูปประเทศไทยอย่างแท้จริง!

กำลังโหลดความคิดเห็น