ตรังเปิดเวทีเสวนาทางออกประเทศไทย แนะให้ ปชช. มีส่วนร่วม

ตรัง – ประชาชนชาวตรังกว่า 500 คน ร่วมเวทีแสดงความคิดเห็นอย่างหลากหลายถึงทางออกประเทศไทย ระบุปัญหาขณะนี้มาจากการเมือง และการคอร์รัปชัน พร้อมเสนอให้ปฎิรูปก่อนการเลือกตั้ง

วันนี้ (18 ธ.ค.) ที่โรงแรมเรือรัษฎา อำเภอเมืองตรัง นายสมศักดิ์ ปะริทสุทโท เหมธานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง และผู้ร่วมเสวนาจากองค์กรต่างๆ รวมทั้งภาคประชาชน ประมาณ 500 คน ได้ร่วมกันร่วมแสดงความคิดเห็นหาทางออกประเทศไทย หลังจากที่การเมืองไทยมีปัญหาด้านความคิดเห็น และเกิดความแตกแยกในสังคมไทย โดยถือเป็น 1 ใน 108 เวทีเสวนาทั่วประเทศ

นายชัยพร จันท์หอม ประชาชนภาคพลเมืองตรัง กล่าวว่า ปัญหาการเมืองไทยเกิดจากผู้มีอำนาจทางการเมืองไทย ดังนั้น การที่จะหาทางออกให้แก่ประเทศ ก็ควรจะมารับฟังว่า ชาวบ้านเขาคิดอะไร ต้องการอะไร อย่าคิดแบบตามใจนักการเมือง เพราะความคิดของชาวบ้านจะเชื่อมโยงกับวิถีชีวิต วัฒนธรรม และเชื่อมโยงกับทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่

ส่วนปัญหาความแตกแยกในความคิดของการเมืองไทย เกี่ยวกับเรื่องการเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 นั้น นายชัยพร กล่าวว่า หากมีการเลือกตั้งก่อนปฏิรูป ในห้วงระยะ 3 เดือน 6 เดือน ประชาชนจะได้ประโยชน์อะไร ปัญหาด้านพลังงานที่พุ่งเร็วสุดในกลุ่มอาเซียน เมื่อเลือกตั้งแล้ว ปัญหานี้จะคลี่คลายหรือไม่ หรือหากจะมีการปฏิรูปก่อน ถามว่าจะปฏิรูปอะไร เช่นอย่างที่ กปปส. พูดคือ การคืนอำนาจให้แก่ประชาชน ต้องถามว่าคืนอย่างไร แล้วประชาชนมีอำนาจจริงหรือไม่ หรือการแก้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน

ดังนั้น ตนเห็นว่าประเด็นของการปฏิรูปจะต้องชัด แต่ไม่ใช่การเลือกตั้งไปสู่อำนาจ หรือที่เรียกว่าเข้าสู่วังวนวงจรอุบาทว์ แต่หากมีการปฏิรูป ก็ไม่ใช่ปฏิรูปแบบคำพูดหรูๆ แต่ประชาชนไม่เข้าใจ ซึ่งไม่มีประโยชน์อะไร อีกทั้งผู้ที่บอกว่าวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ต้องเป็นวันเลือกตั้ง ซึ่งถือเป็นคำพูดที่ไม่ชอบธรรม เพราะตามกฎหมายรัฐธรรมนูญไทย มาตรา 87 (2) ได้บัญญัติไว้ว่า รัฐจะต้องส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วม

ขณะที่ นางรมิดา สารสิทธิ์ รองนายกสมาคมสตรีประมงพื้นบ้านภาคใต้ กล่าวว่า สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดความขัดแย้งทางการเมือง มาจากปัญหาการคอร์รัปชัน ซึ่งเกิดตั้งแต่ระดับประเทศ ถึงระดับท้องถิ่น พร้อมทั้งเห็นว่าควรจะมีการปฏิรูปการเมืองก่อนเลือกตั้ง เพราะปัจจุบันไม่ได้มีเฉพาะกลไกของรัฐเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีกลไกภาคประชาชนด้วย ฉะนั้น การเปิดเวทีแสดงความคิดเห็นจึงยังควรต้องดำเนินการต่อไป จนกว่าการปฏิรูปการเมืองไทยจะเสร็จสมบูรณ์