xs
xsm
sm
md
lg

สุเทพนำมวลชนปฏิวัติ “ยิ่งลักษณ์” สำเร็จ ประเทศไทยจะรุกหน้า –“ใครขี้โกง” ไม่มีที่ยืน!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาพ:เฟซบุ๊กนายสุเทพ เทือกสุบรรณ
ฟันธงหากปฏิวัติประชาชนเพื่อโค่นล้มระบอบทักษิณสำเร็จ !จะเป็นผลดีเลิศต่อประเทศไทยได้ก้าวรุกในทุกภาคส่วน ชี้จุดแข็งอยู่ที่ภาคประชาสังคมที่เข้ามามีส่วนร่วมทางการเมือง ถือเป็นเสาหลักสำคัญของประชาธิปไตย จะมีการสร้างค่านิยมใหม่ไม่ยอมให้นักการเมืองโกง -เอาญาติมาเป็นนายกฯ อีกต่อไป อีกทั้งลดความเหลื่อมล้ำ ขณะเดียวกัน “ครู” มีโอกาสสอนประชาธิปไตยที่แท้จริงให้เยาวชนได้เช่นกัน

การต่อสู้ของมวลมหาประชาชนภายใต้การนำของ “นายสุเทพ เทือกสุบรรณ” เลขาธิการ กปปส. ผ่านพ้นมาแล้วกว่า 75 วัน แกนนำและผู้ร่วมชุมนุมต่างมีทั้งสุขและทุกข์

“สุข” เพราะการเป่านกหวีดเรียกชุมนุมใหญ่ครั้งใด มวลชนต่างออกมาเรือนล้านทุกครั้ง แต่สิ่งที่ทำให้ผู้ชุมนุมและแกนนำบางคนเกิดความเบื่อหน่ายและอาจถึงขั้นเกิดเป็นความทุกข์ก็เพราะการต่อสู้ที่ยาวนานและไม่รู้ว่าจะจบหรือจะได้ชัยชนะวันใด และบางครั้งก็มีคำถามในกลุ่มมวลชนที่เข้าร่วมกับ กปปส.ด้วยกันเองว่ารู้สึกไม่มั่นใจจะชนะได้หรือไม่?

เนื่องเพราะการปฏิวัติโดยมวลชนที่ปราศจาก “อาวุธ” มันไม่จบง่ายๆ และหลายครั้งก็มีการทวงถามว่า

เมื่อไรทหารจะออกมาปฏิวัติ?

เมื่อไรที่ทหารจะออกมายืนอยู่ข้างประชาชน?

อย่างไรก็ดี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาฯ กปปส.ก็ยกระดับการชุมนุมด้วยการประกาศชัตดาวน์ กทม.และนัดชุมนุม 7จุดสำคัญๆ ใน กทม.ซึ่งเป็นพื้นที่ชั้นใน พื้นที่เขตเศรษฐกิจและหน่วยราชการเป็นหลัก

พร้อมประกาศย้ำหลายครั้งหลายคราว่า “เราจะทำการปฏิวัติประชาชน โดยไม่ให้ทหารออกมา”!

ที่สำคัญการปฏิวัติโดยประชาชนครั้งนี้จะสำเร็จได้จริงหรือไม่? และถ้า “สำเร็จ-ไม่สำเร็จ” จะเกิดผลอย่างไรกับประเทศไทย?

ปฏิวัติประชาชนสำเร็จ-ประชาธิปไตยไทยแข็งแกร่ง

แหล่งข่าวด้านความมั่นคงกล่าวว่า หลักการประชาธิปไตยมีหลายเสาหลักที่สำคัญ เสาหลักหนึ่งที่สำคัญคือภาคประชาสังคม หรือ Civil Social มีความแข็งแกร่ง ซึ่งมีจุดดีคือการตรวจสอบรัฐบาล ซึ่งที่ผ่านมาในการปกครองในระบอบประชาธิปไตยของไทยคือเสาหลักนี้ไม่เคยแข็งแกร่งเลย

“ครั้งนี้พัฒนาเร็วมาก ทั้งปริมาณ และคุณภาพ เป็นการตื่นตัวของภาคประชาชน ทำให้เสาหลักของประชาธิปไตยแข็งขึ้นมา ทั้งๆ ที่หลายฝ่ายไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นมาก่อน ว่าประชาชนจะลุกขึ้นมาต่อสู้กับรัฐบาลที่ใช้อำนาจเด็ดขาด รัฐบาลที่โกงกินคอร์รัปชัน เป็นการตื่นตัวทางการเมืองครั้งใหญ่ของประชาชน ทั้งในเรื่องของประชาธิปไตยและเรื่องของการรักษาสิทธิพลเมือง”

โดยพลังที่ผลักดันให้เกิดกรณีที่ประชาชนลุกขึ้นมาต่อต้านอำนาจเผด็จการครั้งนี้ เกิดจากความอึดอัดใจ คับข้องใจ ที่โดนรัฐบาลกระทำมาโดยเฉพาะในช่วง 2 ปีของการบริหารงานของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี

“คนสะสมความอึดอัด คับข้องใจที่ทับถมมานาน เพราะรัฐบาลไม่ได้เปิดทางให้ประชาชนระบายออก เหมือนกับทฤษฎีที่เรียกว่ากาต้มน้ำ ที่เป็นทฤษฎีสายรัฐศาสตร์ที่ต่างประเทศมองว่า ถ้าน้ำร้อนมากแล้ว ต้องเปิดฝากาให้ไอน้ำระบายออกบ้าง แต่รัฐบาลก็ไม่เปิดฝา คิดว่าจะให้ระบายออกทางปากกา (ต้มน้ำ) อย่างเดียว ก็เลยไม่เคยเปิดฝากาเลย ทีนี้พอน้ำเดือดขึ้นเรื่อยๆ เดือดขึ้นเรื่อยๆ ก็ระเบิดขึ้นมา ตอนนี้จะมาเปิดยังไงก็ไม่ทันแล้ว”

ดังนั้น ความเลวของรัฐบาล ทำให้เกิดความดีขึ้นมา คือทำให้เกิดการตื่นตัวทางการเมือง ดังนั้นแม้ว่าการปฏิวัติประชาชนจะเดินหน้าไปไม่ว่าจะแพ้ หรือ ชนะ สำเร็จ หรือ ไม่สำเร็จ การตื่นตัวของประชาชนจะเป็นตัวพัฒนาประชาธิปไตยของไทยให้เดินหน้าไป

การตื่นตัวของประชาชนครั้งนี้ ไม่ได้แบ่งแยกประชาชนออกเป็นกลุ่มๆ เพราะประชาชนทุกกลุ่มอาชีพ ทุกเพศ ทุกวัย มีการเข้าร่วมกับ กปปส.จำนวนมาก ทั้งคนรวย คนชั้นกลาง คนจน ทั้งคนส่วนกลาง คนชนบท และคนต่างประเทศ
ภาพ : อินเทอร์เน็ต
สิ่งที่น่าสนใจคือการตื่นตัวของเยาวชนไทยที่เกิดขึ้นตามมาด้วย แม้ว่าคนกลุ่มนี้จะยังไม่เข้าใจการเมืองแบบลึกซึ้ง และการตื่นตัวทางการเมืองของคนกลุ่มนี้เกิดจากการที่ได้ยินพ่อแม่ ครู สื่อมวลชน และเห็นจากปรากฏการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้น แต่เมื่อเยาวชนตื่นตัวทางการเมืองขึ้นมาแล้ว ผู้ใหญ่ควรแนะแนวทางประชาธิปไตยที่ถูกต้อง ตื่นตัวทางการเมืองในทางที่ถูกต้อง เพราะฉะนั้นบทบาทของครูที่จะสอนประชาธิปไตยในช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่สำคัญมากที่จะทำให้ประเทศไทยพัฒนาทางการเมืองระบอบประชาธิปไตยไปได้เป็นอย่างดี

ถ้ารัฐบาลใช้อำนาจที่ไม่ถูกต้อง ประชาชนมีสิทธิที่จะไม่ยอมอยู่ใต้อำนาจนั้นได้!

นั่นคือสิ่งที่ประชาธิปไตยของไทยกำลังเดินหน้า

ต้านระบบทุนโลกาภิวัตน์ดูดทรัพยากร

หากการปฏิวัติของประชาชนเพื่อโค่นระบอบทักษิณครั้งนี้สำเร็จ ภาคส่วนต่อมาที่จะมีการพัฒนาด้วยคือภาคเศรษฐกิจ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณเกี่ยวข้องกับระบบทุนโลกาภิวัตน์ หรือระบบทุนสามานย์ เป็นทุนกอบโกยผลประโยชน์เข้ากลุ่มตัวเอง ซึ่งเป็นปกติของระบบทุนโลกาภิวัตน์ที่กำลังเกิดขึ้นในโลก โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณได้ประโยชน์จากการบริหารจัดการทุนเสรีนี้ เพื่อนำทรัพยากรธรรมชาติของประเทศไปแลกกลับมาเป็นผลประโยชน์ของครอบครัวตัวเอง

ประเด็นต่อมาที่ต้องให้ความสนใจในการปฏิรูปคือการต้องให้ทรัพยากรธรรมชาติของประเทศไม่กระจุกตัวแบบผูกขาดอยู่กับคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง และต้องกระจายไปให้ประชาชน เป็นการตอบสนองผลประโยชน์ไปที่คนส่วนใหญ่ของประเทศให้ได้

ตรงนี้จะเป็นจุดที่ดี ที่จะส่งผลต่อให้ภาคสังคมด้วย

กล่าวคือ ภาคสังคมจะได้ประโยชน์ เพราะปรากฏการณ์ทางการเมืองที่กำลังเกิดขึ้นนี้ มีใจกลางเนื้อหาของการต่อสู้ที่จะไม่ยอมให้นักการเมืองทุจริตคอร์รัปชัน ไม่ยอมให้กลุ่มทุน กลุ่มคนเล็กๆ กลุ่มหนึ่งมาหาผลประโยชน์ได้ง่ายๆ อีก

ถ้ามองในเชิงวิชาการ จุดนี้ก็คือการปรับค่านิยมของวัฒนธรรมที่มีคนกลุ่มหนึ่งพยายามยัดเยียดให้ประชาชนคิดว่า “โกงไม่เป็นไร ถ้าแบ่งให้เราด้วย” ซึ่งเป็นทัศนคติที่ไม่ถูกต้อง ตอนนี้กำลังมีการปรับใหม่ ให้เด็กรู้ว่าการเป็นคนดีต้องไม่โกง อย่าไปเน้นวัตถุนิยม ทุนสามานย์

“ที่ผ่านมาภาคเอกชนพยายามทำเรื่องการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน แต่ไม่เคยสำเร็จ ตอนนี้ภาคสังคมก็มาร่วมกับภาคเอกชน เหลือแค่ภาครัฐ ถ้าภาครัฐทำด้วย บ้านเมืองจะพัฒนาไปมาก”
ภาพ:เฟซบุ๊กนายสุเทพ เทือกสุบรรณ
เชื่อปฏิวัติประชาชนสำเร็จ

ส่วนการปฏิวัติภาคประชาชนจะสำเร็จได้ไหม โดยไม่ต้องพึ่งทหาร แหล่งข่าวด้านความมั่นคงกล่าวว่า การปฏิวัติประชาชนแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในโลก และตามหลักการแล้วถ้าพลเมืองออกมาต่อต้านมากขนาดนี้ ประชาชนจะชนะแล้ว แต่เมื่อรัฐบาลไม่ยอมลาออก ก็แสดงให้เห็นว่าคนที่ไม่ยอมให้นายกฯ ลาออกเป็นคนที่เหี้ยมมาก คือจะรักษาฐานอำนาจไว้ ประเทศชาติบ้านเมืองจะเสียหายเท่าไร ไม่สนใจ

ตรงนี้ถือว่าเป็นคนที่แย่มาก เพราะสนใจแต่อำนาจตัวเอง ไม่ได้สนใจว่าบ้านเมืองจะเป็นอย่างไร

อย่างไรก็ดี ในจุดนี้ก็ยังคิดว่าการปฏิวัติประชาชนได้เดินหน้ามาเป็นอย่างดี เพราะทุกครั้งมีประชาชนที่เข้าร่วมจำนวนมาก ย่อมแสดงให้เห็นว่า ประชาชนเห็นด้วยกับการปฏิรูปการเมืองของไทย

ดังนั้น การต่อสู้ของ กปปส. จึงมีสิทธิชนะได้ ด้วยการบีบให้นายกฯ ลาออกต่อไป ซึ่งการบีบนี้จะมีหลายปัจจัยเข้ามาร่วมบีบด้วยในหลายเวที เช่น สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หรือศาล

“ตอนนี้คุณยิ่งลักษณ์มีคดีที่อยู่ใน ป.ป.ช. 43 คดี มี 20 กว่าเรื่องที่กำลังพิจารณาอยู่ อย่างไรคุณยิ่งลักษณ์ก็คงหนีความผิดได้ยากในคดีทุจริต โดยเฉพาะคดีทุจริตจำนำข้าวที่คุณยิ่งลักษณ์เป็นประธานคณะกรรมการข้าวแห่งชาติที่ปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้”

คดีจำนำข้าว คณะอนุกรรมการ ป.ป.ช.จะสรุปข้อมูลส่งให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่พิจารณาในวันที่ 16 มกราคมนี้ ซึ่งหากเมื่อไรที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดนายกฯ เมื่อไร นายกฯ ก็ต้องออกจากการเป็นนายกฯ รักษาการทันที ก็จะส่งผลให้รัฐบาลหมดความเป็นรัฐบาลรักษาการไปด้วย
ดังนั้น โอกาสที่การปฏิวัติภาคประชาชนโดยไม่ต้องพึ่งทหารก็ยังมีอยู่ ด้วยการ “บีบ” รัฐบาลต่อไป แม้ว่ารัฐบาลจะทำทุกอย่างเพื่อรักษาฐานอำนาจของตัวเองไว้

“บทบาททหารเปลี่ยนไปแล้ว เพราะทหารได้รับบาดเจ็บจากการประท้วงของกลุ่มคนเสื้อแดงอย่างมาก ทหารจึงมีท่าทีที่ระมัดระวังตัวเองแบบผิดปกติ ดังนั้นโอกาสที่ทหารจะออกมาทำรัฐประหารนั้นมีไม่มาก ถ้าออกมาก็จะออกมาในรูปแบบอื่น เช่น ขับเคลื่อนไปกับภาคประชาสังคมแทน” ดร.รัตพงษ์ สอนสุภาพ รองคณบดีฝ่ายวิชาการ วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าว

และมองว่ามีโอกาสที่การปฏิวัติประชาชนครั้งนี้จะสำเร็จ

“ผมอยู่เวทีปทุมวัน มีโอกาสคุยกับนักวิชาการ ผู้ใหญ่หลายท่าน หลายคนมองว่าการต่อสู้ครั้งนี้ของประชาชนจะนำมาสู่ชัยชนะ”

โดยหากการปฏิวัติประชาชนครั้งนี้ทำสำเร็จ จะเกิดความเปลี่ยนแปลงของสังคมไทยครั้งใหญ่ เพราะคนที่มาร่วมชุมนุมนั้นเป็นคนหลายกลุ่ม มีตั้งแต่คนชั้นสูง ชั้นกลาง ชั้นล่าง และทุกกลุ่มอาชีพ ซึ่งกลุ่มคนที่หลากหลายนี้ทำให้การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มีพลัง เป็นการทำให้คนเชื่อมั่นในการมีส่วนร่วมในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมากที่จะทำให้ประชาธิปไตยของไทยเติบโตอย่างยั่งยืน

“ก่อนหน้านี้ไม่มีการเชื่อมต่อมากนัก นปช.ก็เป็นกลุ่มคนรากหญ้า คนเสื้อเหลืองก็ไม่ชัดเจนว่ามีคนทุกกลุ่มเข้าร่วม แต่ครั้งนี้มีคนทุกกลุ่มจริงๆ เดินไปไหนก็เจอคนระดับอาจารย์ ระดับผู้ใหญ่ของบ้านเมืองที่ออกมาร่วมเคลื่อนไหว ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของสังคมไทยจริงๆ ที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางสังคมครั้งใหญ่”
ภาพ:เฟซบุ๊กนายสุเทพ เทือกสุบรรณ
ประชาสังคมตรวจสอบทุกพรรค

ขณะเดียวกันประชาชนจะได้ประโยชน์อะไรจากการโค่นล้มระบอบทักษิณได้สำเร็จ ดร.รัตพงษ์ บอกว่า เมื่อระบบตรวจสอบของภาคประชาชนเข้มแข็ง โฉมหน้าการเมืองไทยจะต้องเปลี่ยนแปลงไปอย่างแน่นอน เช่น ต่อไประบบสืบทอดตำแหน่ง ที่ให้เครือญาติมาเป็นนายกรัฐมนตรีก็จะเกิดขึ้นได้ยาก เพราะคนยอมรับไม่ได้

ทั้งนี้หากมีการปฏิรูปการเมืองดีๆ เกิดขึ้น การผูกขาดทางธุรกิจก็จะมีกฎเกณฑ์ใหม่ๆ เข้ามาสกัดกั้นคนที่ต้องการมาหาผลประโยชน์ และเชื่อว่าจะลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจลงได้ด้วย

“มันชัดเจนแล้วว่าที่ผ่านมา การเมืองมีอำนาจมากเกินไป ประชาชนเลยตื่นตัวออกมาเป็นกลไกถ่วงดุลตรวจสอบ จากนี้ไป เรื่องเกี่ยวกับคอร์รัปชันต่างๆ นอกจากจะถูกตรวจสอบตามระบบแล้ว ประชาสังคมก็จะเป็นส่วนสำคัญที่เข้ามาตรวจสอบด้วย โดยเฉพาะเรื่องประชานิยม”

กรณีคอร์รัปชันนั้น ดร.รัตพงษ์กล่าวว่า ถ้าการเมืองยังมีเงื่อนไขแบบเดิม ปัญหาการทุจริตจะสูงเหมือนเดิม ทั้งตัวเลขที่เห็นในเชิงปริมาณ ที่ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มีความล้มเหลวมากในการแก้ปัญหา ไม่รวมตัวเลขที่เข้าไปในระบบตรวจสอบของ ป.ป.ช. ที่มีคดีเข้าไปปีหนึ่ง 5,000-6,000 คดี ซึ่งชัดเจนว่าประเทศไทยมีปัญหาคอร์รัปชันที่รุนแรงมาก

ยิ่งรัฐบาลนี้ แทนที่จะส่งเสริมระบบตรวจสอบการคอร์รัปชัน กลับตัดงบประมาณของ ป.ป.ช.ลงให้มีสภาพคล่องจำกัดเสียอีก

ดังนั้นยังไงก็ต้องปฏิรูปการเมืองใหม่

“คนที่มีบทบาททางสังคมเป็นจำนวนมากเข้ามาเคลื่อนไหวทางการเมืองครั้งนี้ ทั้งนักวิชาการ องค์กรธุรกิจ ฯลฯ จะทำให้คนที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาจัดการปัญหาคอร์รัปชันที่เป็นปัญหายืดเยื้อมานาน เช่น จะต้องมีการปฏิรูประบบจัดซื้อจัดจ้างที่เชื่อมต่อจากระดับชาติไปจนระดับท้องถิ่น ซึ่งเป็นเรื่องที่มีการพูดถึงกันอย่างมาก และเชื่อว่าจะมีการแก้ไข”

ที่สำคัญยิ่งคนที่เขาออกมาร่วมต่อต้านรัฐบาลครั้งนี้ จะไม่ยอมให้พรรคการเมืองใดเลยกระทำการทุจริตคอร์รัปชัน พรรคการเมืองจะถูกตรวจสอบทุกพรรค ด้วยภาคประชาสังคมนี้

หากประเทศไทยทำสำเร็จ ยังไม่ใช่แค่ส่งผลดีกับประเทศไทยเท่านั้น แต่จะเป็นต้นแบบสำคัญให้ประเทศในอาเซียนนี้มีผลกระทบด้วยการออกมาต่อสู้ตามๆ กันในทางการเมือง เหมือนคลื่น หรือ WAVE ซึ่งจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งภูมิภาค ไม่ใช่แค่ประเทศไทยเท่านั้น

กำลังโหลดความคิดเห็น