จุดเปลี่ยนประเทศไทย มาถึงแล้ว “หมอนิด-หน่วยข่าวกรอง” ฟันธง ประเทศไทยถึงจุด “นองเลือด” มวลชนจะลุกขึ้นสู้ต่อต้านอำนาจเผด็จการขับไล่ตระกูล “ชั่วจนชิน” เตือนประชาชนเกาะติด จะมีการวางระเบิด และชายชุดดำติดอาวุธป่วนเมือง ขณะที่ทหารจะลุกขึ้นหยิบอาวุธเคียงข้างประชาชน โค่นระบอบทักษิณ ชี้การต่อสู้ครั้งนี้มีเดิมพันระหว่างเทพเทือก กับทักษิณ ใครจะอยู่และใครจะไป? จับตา “23-30 พ.ย.” 7 วันอันตราย!
สถานการณ์การเมืองในเวลานี้ถือว่าร้อนแรงที่สุด และบ้านเมืองสับสนวุ่นวายที่สุดแล้ว และจะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นตั้งแต่วันนี้ไป (18 พ.ย.) จนถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายน ถือว่าวิกฤตมากกว่าช่วงของความขัดแย้งทางการเมืองเมื่อ 7-8 ปีที่ผ่านมาอย่างมาก โดยเฉพาะความอดกลั้นอดทนของประชาชนที่ลุกขึ้นสู้กับอำนาจการปกครองแบบเผด็จการรัฐสภาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผ่านน้องสาวที่ยอมเป็นหุ่นให้พี่เชิดอย่างนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
ที่สำคัญมวลชนต่างหลั่งไหลเข้าสู่ถนนราชดำเนิน และถูกยกระดับไปสู่การโค่นล้มระบอบทักษิณโดยตรง เป้าหมายประชาชน 1 ล้านคนบนถนนราชดำเนินจะสำแดงพลังให้เห็นในวันที่ 24 พ.ย.นี้
แถมดวงเมืองในคำทำนายของ “หมอนิด” กิจจา ทวีกุลกิจ ที่ทำนายไว้ตั้งแต่ต้นปี 2556 ว่าปีนี้จะเป็นปีที่ประชาชนลุกขึ้นสู้ ยังเป็นจริงและชัดเจนยิ่ง
การต่อสู้ครั้งนี้จะถูกบันทึกในประวัติศาสตร์ชาติไทยไว้ว่าเป็นการปฏิวัติโดยประชาชนเพื่อโค่นระบอบทักษิณให้สูญพันธุ์จากประเทศไทยได้ตามคำทำนายหรือไม่?
นับถอยหลังจากนี้ไป !
หมอนิดทำนาย “แม้ว-ปู” ดวงตก-นองเลือดแน่!
หมอนิด-กิจจา ทวีกุลกิจ โหรการเมืองชื่อดัง กล่าวว่า ได้ทำนายตั้งแต่ต้นปี 2556 แล้ว ว่าปี พ.ศ. 2556 นี้ตั้งแต่เดือนกันยายนเป็นต้นไป ดวงของรัฐบาลและนางสาวยิ่งลักษณ์อยู่ในช่วงดิ่งลง โดยเฉพาะดวงบ้านเมืองที่จะเข้าสู่ธาตุน้ำในเดือน พ.ย. และธ.ค. ขณะที่ทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ และนางสาวยิ่งลักษณ์มีดิถีธาตุประจำตัวเป็นธาตุไฟทั้งคู่ จึงอาจจะโดนธาตุน้ำเข้าดับไฟ
ดังนั้นตั้งแต่วันนี้จน 3 เดือนข้างหน้า ฟันธงว่า ดวงของนางสาวยิ่งลักษณ์ตกลงอย่างสุดๆ ขณะที่ดวงของพี่ชาย คือ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น ตกลงไปถึงปี 2558 อย่างที่เรียกได้ว่า ดวงตกมากถึงขั้นไม่โผล่ขึ้นมาเลย ดังนั้นไม่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ คิดและทำอะไรจะไม่มีทางสำเร็จตามที่หวัง
แต่ดวงเมืองก็น่าเป็นห่วงเช่นกัน เพราะดวงบ้านเมืองถึงจุด “นองเลือด” แน่นอน โดยมีโอกาสนองเลือดมากที่สุดในช่วงวันที่ 20 ที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าด้วยที่มาของ ส.ว. ซึ่งบอกได้ว่า ไม่ว่าจะออกมาแบบไหน คือถ้าหากรัฐบาลเสียเปรียบ คนเสื้อแดงที่สนับสนุนรัฐบาลคงไม่พอใจ ก็จะมีการออกมาเคลื่อนไหว ขณะที่ถ้าหากเป็นคำตัดสินที่ประชาชนผิดหวัง ก็จะเกิดการจุดกระแสติดอีกรอบหนึ่งที่จะออกมาต่อต้านความไม่เป็นธรรม ซึ่งไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร จะเกิดความรุนแรงขึ้นมาถึงขั้นนองเลือดแน่นอน
สิ่งนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้จริง เมื่อกลุ่มคนเสื้อแดงมีการนัดชุมนุมกัน โดยมีความเคลื่อนไหวสร้างความรุนแรงแล้วโดยกลุ่มของนายโกตี๋ ที่จะเริ่มเคลื่อนไหวไปตามสถานที่สำคัญต่างๆ ตั้งแต่วันที่ 16 พ.ย. และระบุว่าจะออกมาเคลื่อนไหวต่อเนื่องจนกว่าจะถึงวันที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำวินิจฉัย
อย่างไรก็ดี หมอนิดกล่าวว่า มีสิทธิที่การนองเลือดของดวงเมืองจะเลื่อนได้ โดยหากไม่เกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายนนี้ ก็จะเกิดขึ้นหลังวันที่ 10 ธันวาคม 2556 และอาจต่อเนื่องไปถึงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2557 แต่อย่างไรก็ดีประเทศชาติถึงจุดที่หนีการนองเลือดไม่ได้แล้ว
อย่าลืมว่า 23-24 นี้ พรรคประชาธิปัตย์ก็จะออกมาอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ขณะที่เรื่องปราสาทพระวิหารก็ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ว่ารัฐบาลโกหกประชาชนโดยเฉพาะคำตัดสินในวรรคที่ 98 และ 99 ที่มีความชัดเจนเรื่องการเสียดินแดน แต่รัฐบาลกลับปฏิเสธมาตลอด
หมอนิดกล่าวว่า ช่วงร้อนของบ้านเมืองจะมีอีกในวันที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ชี้มูลคดีทุจริตข้าว และโครงการน้ำ 3.5 แสนล้านด้วย
คดีนี้คนในพรรคเพื่อไทยก็เปิดเผยกับทีม Special scoop แล้วว่าเป็นโครงการที่พรรคเพื่อไทยหวั่นเกรงที่สุด เพราะมีโอกาสยุบพรรคสูง และโครงการที่เกี่ยวกับการทุจริตเป็นโครงการที่สังคมรับไม่ได้อีกด้วย
ทหารหยิบอาวุธเคียงข้างประชาชน
และสุดท้ายทหารจะออกมาอยู่เคียงข้างประชาชน!
“หนีไม่พ้นที่ว่าสุดท้ายทหารจะต้องออกมา ตอนนี้มองว่าทหารกำลังทำตัวกลมกลืน แต่สุดท้ายจะต้องออกมายืนข้างประชาชน ทีนี้ก็อยู่ที่ตำรวจ ว่าจะทำรุนแรงกับประชาชนหรือไม่ ถ้าทำรุนแรงกับประชาชนก็มีสิทธิที่จะถูกเผาโรงพักไปทั่ว”
ประชาชนทุกหมู่เหล่า ทุกอาชีพ จะทยอยออกมาอีก เที่ยวนี้ไม่มีคลาย!
ดังนั้นบ้านเมืองหลีกหนีการนองเลือดไม่ได้แล้ว
สำหรับประชาชน ตั้งแต่ช่วงนี้เป็นต้นไป เตือนให้ระวังการวางระเบิดในสถานที่สำคัญๆ และชายชุดดำที่มีอาวุธสงคราม โดยตั้งแต่นี้ต่อไปจะมีการก่อความไม่สงบจากคนกลุ่มนี้ตลอดเป็นระยะๆ
“หลังการล้างป่าช้าเที่ยวนี้แล้ว จะดีขึ้น แต่จะต้องปฏิรูปการเมืองใหม่ จะมีการถวายคืนพระราชอำนาจให้กษัตริย์ มีนายกฯ โปรดเกล้าคนใหม่ และจะไม่มีการเลือกตั้งไปอีก 3 ปี” หมอนิดกล่าว
การปฏิรูปการเมืองใหม่นี้ จำเป็นอย่างมากที่จะต้องลดอำนาจรัฐบาลลง และมีการกำหนดลงไปอย่างชัดเจนว่าคดีทุจริตจะต้องไม่มีอายุความ และหากนักการเมืองทำผิดเมื่อมีคำตัดสิน จะต้องไม่มีการลงอาญา และโทษสูงสุดคือประหารชีวิต!
คนตระกูลชินหมดโอกาสเล่นการเมืองตลอดชีพ
เมื่อ “นองเลือด” เกิดแล้ว สิ่งที่หมอนิดทำนายไว้ชัดเจนยิ่งคือ
“คนในตระกูลหนึ่งที่มีอำนาจมากเกินไปในเวลานี้ ต่อไปจะไม่ได้ลงเล่นการเมืองในประเทศไทยอีก ไม่มีอีก รอลบชื่อออกจากสารบบการเมืองไทยได้เลย”
เช่นเดียวกับเฟซบุ๊กของ หมอนิด ที่โพสต์ไว้เมื่อวันที่ 15 พ.ย.ว่า
“ประเทศไทยในยามนี้ ใกล้เข้าสู่กลียุคเข้าไปทุกขณะ ทุกคนทราบดีว่าเกิดจากการแย่งชิงอำนาจทางการเมือง การเมืองไทยไม่เคยยุ่งเหยิงรุนแรงมากเท่านี้มาก่อน ตั้งแต่มีคนตระกูลหนึ่งที่เป็นมหาเศรษฐีของเมืองไทยเข้ามาเล่นการเมือง ด้วยนิสัยหรือสันดานของนักธุรกิจ จึงมองการเมืองเป็นธุรกิจที่สามารถทำเงินให้อย่างมหาศาล การเมืองเต็มไปด้วยผลประโยชน์และอำนาจ บุคคลผู้นี้จึงรวบรัดซื้อพรรคการเมือง และซื้อตัวนักการเมืองต่างๆ เข้ามาอยู่ในสังกัด เป็นการลงทุนทางลัดเพื่อผลประโยชน์จำนวนมหาศาล นักการเมืองต่างๆ ที่ถูกซื้อตัวมาอยู่ในสังกัด จึงเหมือนเป็นลูกจ้าง หรือเหมือนวัว เหมือนควาย ที่มีการซื้อ-ขายกันในตลาดค้าวัว-ควาย “บริษัท ชั่วจนชิน จำกัด””
และเตือนอีกว่า
“คงอีกไม่นานเกินรอ ประเทศไทยคงต้องนองเลือด ถ้าศาลรัฐธรรมนูญ หรือ ป.ป.ช. ไม่รีบดำเนินการ เกรงว่าจะเกิด “สงครามประชาชน” การปะทะกันจะเกิดขึ้นระหว่างฝ่ายต่อต้านรัฐบาล และฝ่ายสนับสนุนรัฐบาล “คนจะตายเป็นเบือ” ขอเตือนเจ้าหน้าที่ตำรวจ อย่าคิดทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์ ไม่งั้นท่านจะไม่กล้าใส่เครื่องแบบไปอีกนาน...ถ้าตำรวจทำรุนแรงกับประชาชน จะมีประชาชนออกมาร่วมต่อสู้อีกจำนวนมาก เกรงว่าสถานีตำรวจจะถูกเผาจากประชาชนที่เดือดแค้น อย่าลืมว่าในขณะนี้ประชาชนจำนวนมากไม่ไว้ใจตำรวจและไม่เกรงกลัวตำรวจ เพราะประชาชนอัดอั้นกับการกระทำของตำรวจ ที่ฝักใฝ่เอียงข้างไปอยู่กับคนเสื้อแดง เหมือนเป็นสองมาตรฐาน คนเสื้อแดงทำผิด หรือทำรุนแรง แต่ตำรวจทำเหมือนมองไม่เห็นใช่หรือไม่?”
สงครามครั้งสุดท้าย ครั้งนี้จะเป็น “จุดเปลี่ยนประเทศไทย”!
เมื่อทางหมอดูมีคำทำนายที่สอดคล้องกันหมดทั้งหมอดูในประเทศ และหมอดูชื่อดังอย่างหมอดูอีที ที่ดูดวงเมืองประเทศไทยผ่าน อ.หม่า และบอกว่าดวงของนางสาวยิ่งลักษณ์ตกต่ำอย่างที่สุด และประเทศไทยจะเกิดการเปลี่ยนแปลงโดยประชาชน
คำทำนายเหล่านี้จะเป็นจริงหรือไม่ เหตุการณ์บ้านเมืองในเวลานี้คงไม่ง่ายเช่นนั้น
“ทักษิณ” รอมวลชนแผ่ว-คุมเสื้อแดงหัวรุนแรง
เพราะสิ่งที่ชัดเจนคือ วันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ เลือกเส้นทางแก้เกมด้วยการทำอย่างไรก็ได้ ไม่ให้เกิดความรุนแรงขึ้นเด็ดขาด ไม่ว่าจะจากมวลชนปะทะมวลชน และจากตำรวจปะทะมวลชน
นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการให้มีการรวมพลังคนเสื้อแดง แต่ไม่ต้องการให้เกิดการปะทะกันขึ้นมาเด็ดขาด ดังนั้นการชุมนุมต่างๆ ของคนเสื้อแดงที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ไปจะต้องเป็นการชุมนุมที่มีการเตรียมการอย่างรัดกุมที่สุดที่จะต้องควบคุมมวลชนคนเสื้อแดงให้อยู่ห่างกับม็อบต่อต้านมากที่สุด และไม่ให้เกิดการปะทะเกิดขึ้น
“พรรคเองก็ตระหนักว่า ถ้ามีการเผชิญหน้าเมื่อไร จะเป็นเหตุให้ทหารออกมายึดอำนาจได้ ดังนั้นการชุมนุมต้องคุมให้ได้ว่าจะให้เห็นภาพเป็นการแสดงความพร้อมเพรียงเท่านั้น เพราะพรรคเองก็ต้องมีความรับผิดชอบหากสถานการณ์นำไปสู่ความรุนแรงด้วย”
ถ้ามีม็อบใดที่ไปชุมนุม และไม่แน่ใจว่าจะมีการปะทะกันหรือไม่ พรรคจะยกเลิกการชุมนุมในแต่ละจุดทันที ตอนนี้จึงต้องระวังอย่างสูงสุด โดยเฉพาะในช่วงวันที่ 18-19-20 ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะนัดฟังคำวินิจฉัยคดีแก้รัฐธรรมนูญที่มาของ ส.ว.
“พรรคประเมินล่าสุดว่าเรื่อง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมก็ซาลงแล้ว เรื่องปราสาทพระวิหาร ก็เป็นไปในทางบวกกับพรรค ดังนั้นตอนนี้ต้องการให้ประชาชนเกิดความเข้าใจในรัฐบาล เลิกต่อต้าน”
นายไพจิตกล่าวว่า เป็นโอกาสสำคัญที่พรรคเพื่อไทยจะพลิกกลับมาชนะได้
24 พ.ย.สุเทพอย่าทำมวลชนผิดหวัง
เช่นเดียวกับแหล่งข่าวด้านความมั่นคง ที่มองว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะพยายามควบคุมสถานการณ์ไม่ให้เกิดความรุนแรงเกิดขึ้นให้ได้นั้น เป็นเพราะ พ.ต.ท.ทักษิณคิดว่ากระแสมวลชนจะค่อยๆ ลดลงไปเองตามธรรมชาติ ขณะที่การปะทะจะเป็นเหตุให้ทหารมีเหตุผลออกมายึดอำนาจซึ่งเป็นเรื่องที่ พ.ต.ท.ทักษิณกังวลมากกว่า
เพราะบทเรียนทางการเมืองของไทยก็เป็นตัวที่สอนให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินเกมการเมืองอย่างระมัดระวังมากขึ้น
เมื่อเป็นเช่นนั้น แหล่งข่าวด้านความมั่นคง กล่าวว่า ทุกอย่างจึงบีบคั้นไปที่ “นายสุเทพ เทือกสุบรรณ” อย่างที่สุดแล้ว
24 พ.ย. 2556 นายสุเทพจึงต้องทำอะไรสักอย่าง และต้องเป็นการกระทำที่จะทำให้มวลชนผิดหวังไม่ได้อีกแล้ว
เพราะมวลชนเวลานี้ตื่นตัวทางการเมืองสูงมาก ถือว่าเมื่อเทียบกับยุค 14 ตุลาคม 2516 แล้ว มวลชนที่ออกมาต่อต้านรัฐบาล “ชินวัตร” ครั้งนี้ มี 3 ประการสำคัญที่แตกต่างกับยุค 14 ตุลา กล่าวคือ หนึ่ง ยุคนี้มีคนจำนวนมากกว่าคนยุค 14 ตุลา สอง ยุคนี้ความมีคุณภาพของคนมีมากกว่า โดยมีตั้งแต่คนระดับผู้พิพากษา ครูบาอาจารย์ ไปจนถึงประชาชนทั่วไป และสาม พื้นที่ที่มีการเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลได้กระจายไปทั่วประเทศ ทั้งโรงพยาบาลต่างๆ และประชาชนจุดต่างๆ ที่ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้าน
และเวลานี้ แม้การต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมจะเป็นจุดเล็กมากในระบอบทักษิณ แต่กลายเป็นชนวนสำคัญของการลุกออกมาต่อสู้ของภาคประชาชน ที่ไปไกลกว่าเดิมแล้ว
ถ้าสังเกตก็จะเห็นได้ว่า เริ่มแรก คนจะตะโกนคำว่า “ไม่เอา พ.ร.บ.นิรโทษกรรมๆ” แต่ต่อมาได้พัฒนาเป็น “ยิ่งลักษณ์ออกไปๆ” จนวันนี้เสียงตะโกนเปลี่ยนไปเป็นคำว่า “ชินวัตรออกไปๆ” เรียบร้อยแล้ว
ดังนั้น กระแสมวลชนในเวลานี้จึงอยู่ในระดับ “ไม่เอาคนตระกูลชินวัตร และไม่เอาระบอบทักษิณ”!
และต้องการความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นกับระบอบการเมืองไทย
สิ่งนี้คือสิ่งที่ไปกดดันนายสุเทพอีกทีหนึ่ง
เมื่อการที่นายสุเทพได้ประกาศรวมตัวเป่านกหวีดในวันที่ 11 พ.ย.ที่ผ่านมา มวลชนได้ขับเคลื่อนจำนวนมาก แต่นายสุเทพกลับปล่อยให้สถานการณ์สุกงอมผ่านไปโดยไม่ทำอะไร
สิ่งนี้เป็นผลเสียต่อนายสุเทพเอง เพราะมวลชนเริ่มไม่พอใจ และจะไม่พอใจอย่างที่สุดถ้าวันที่ 24 พ.ย.นี้นายสุเทพสั่งให้ระดมมวลชนมามากที่สุด แต่ไม่ทำอะไรให้เกิดขึ้น ย่อมหมายความว่าวันที่ 24 พ.ย.นี้ มวลชนจะถึงจุดเดือดที่จะ “ไม่เอาสุเทพ” ด้วย
“ตอนนี้ประชาชนคาดหวังสูงสุดว่าการที่คุณสุเทพเป็นแกนนำนี้ จะต้องนำไปสู่จุดที่เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ อย่างน้อยระดับน้อยที่สุดคือต้องไม่มีนายกฯ จากคนตระกูลชินวัตรอีก และระยะยาวต้องไม่มีระบอบทักษิณในประเทศไทยอีก ถ้าคุณสุเทพไม่ทำ มวลชนจะไม่เอาคุณสุเทพ คุณสุเทพจะเล่นการเมืองไม่ได้อีก และจะกระทบต่อคะแนนนิยมที่ส่งผลไปที่พรรคประชาธิปัตย์ในระยะยาวด้วย”
มวลชนไม่เอาพรรคเพื่อไทย แต่ก็จะไม่เอาพรรคประชาธิปัตย์
24-30 พ.ย.-7 วันอันตราย!
ดังนั้นจึงมองว่า การที่นายสุเทพประกาศระดมพลในวันที่ 24 พ.ย.และจะจบให้เร็วที่สุดภายในวันที่ 30 พ.ย.นั้นเป็นเรื่องถูกต้องแล้ว ที่จะต้องทำให้ทุกอย่างจบโดยเร็ว
แต่ถ้านายสุเทพประกาศระดมพลถึง 1 ล้านคน แต่ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ก็เข้าเกมทักษิณ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณไม่หวั่นว่าคนจะมาม็อบเท่าไร ตราบใดที่ม็อบอยู่กับที่ ไม่เคลื่อนไหว เพราะอย่างไรในสายตาของ พ.ต.ท.ทักษิณคือ ม็อบจะหมดพลังเองเมื่อเวลาผ่านไป
ดังนั้นในวันที่ 24-30 พ.ย. จึงนับเป็นวันที่การเมืองในประเทศไทยจะร้อนสูงสุด ถือว่าเป็น 7 วันอันตราย
แต่ถ้าไม่ร้อน หรือร้อนไม่สุด เส้นทางทางการเมืองของนายสุเทพนั่นแหละที่จะร้อนและดับอย่างรวดเร็วในศึกการเมืองที่วัดความเป็นความตายครั้งสำคัญนี้!