xs
xsm
sm
md
lg

ค่าครองชีพพุ่งปรี๊ด รากหญ้าสุดช้ำ จุดชนวนคนทุกสีรวมพลขับ “ยิ่งลักษณ์”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เพื่อไทยสลับฉาก ยืด พ.ร.บ.นิรโทษ สร้างเวทีปฏิรูปการเมือง ดึงผู้นำโลกบีบฝ่ายต้าน ดันพ.ร.บ. 2 ล้านล้านเข้าวาระ 2 เดือนนี้ ประชาธิปัตย์-ภาคประชาชนจองกฐินร้องศาลขัดรัฐธรรมนูญ นักเศรษฐศาสตร์ประเมิน หาก พ.ร.บ.กู้เงินถูกระงับเศรษฐกิจดิ่งเหว เหตุรัฐหมดเครื่องมือกระตุ้น หลังประชานิยมที่ผ่านมาไปไม่รอด คนชั้นกลางติดกับรถคันแรก คนรากหญ้าเจอปัญหาค่าครองชีพ กำลังซื้อในประเทศหด เศรษฐกิจโลกไม่ฟื้นส่งออกทรุด “สุริยะใส” คาดปัญหาปากท้องทำคนลืมสีรวมเป็นหนึ่งไล่รัฐบาล

สะดวกโยธินสำหรับการโหวตผ่านร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมเมื่อ 8 สิงหาคมที่ผ่านมา แม้ว่าพลพรรคประชาธิปัตย์จะแสดงพลังด้วยการระดมแฟนคลับของพรรคออกมาได้จำนวนไม่น้อย แต่สุดท้ายก็ทำได้แค่ส่งบรรดาสมาชิกของพรรคประชาธิปัตย์เข้าไปทำหน้าที่ในสภา และก็เป็นไปตามคาดรัฐบาลสามารถดันวาระ 1 ผ่านไปได้อย่างสบาย

ขั้นตอนต่อไปจะเป็นการหารือกันในชั้นของกรรมาธิการว่าจะมีการแปรญัตติหรือพร้อมที่จะบรรจุเข้าสู่การพิจารณาวาระที่ 2 หรือ 3 เมื่อไหร่

หากพิจารณาเฉพาะเรื่องเสียงของรัฐบาลคาดว่าคงไม่มีปัญหาในการผ่านวาระที่เหลือ ไม่ว่าภายนอกสภาจะมีคนที่ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยกับร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ดังนั้นการที่จะดันให้ผ่านไม่ใช่ปัญหาสำหรับรัฐบาล

คนมาก-รัฐแหยง

แหล่งข่าวจากพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ทุกคนก็รู้ว่าภายใต้เสียงที่มีในการลงมติ เพื่อไทยทำได้สบาย จริงๆ แล้วร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการนิรโทษกรรมยังเหลืออีก 5 ร่าง เพื่อไทยเขาต้องการทดสอบมวลชน แต่เราต้องการยับยั้งการมีคนออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยกับกฎหมายฉบับดังกล่าวยิ่งมากเท่าไหร่ก็จะเป็นแรงบีบให้พรรคเพื่อไทยต้องตัดลดมาตราที่จะเป็นประโยชน์กับพวกพ้องลง

เกมนี้เป็นแค่เพียงการเริ่มต้น ส่วนจะมีการยัดไส้นำเอามาตรการอื่นๆ เข้ามาเพิ่มเติมหรือไม่ขึ้นอยู่กับการหารือของคณะกรรมาธิการที่เสียงส่วนใหญ่เป็นของรัฐบาล ดังนั้นหากมีผู้ชุมนุมคัดค้านยิ่งมากเท่าไหร่ก็จะบีบให้เพื่อไทยไม่กล้าที่จะนำเอามาตราอื่นเพิ่มเข้ามาเท่านั้น

“ที่ผ่านมาหากพิจารณาให้ดีจะพบว่า การมาชุมนุมของผู้ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลนั้น เป็นเพียงตัวเร่งอุณหภูมิทางการเมือง แต่รัฐบาลที่ต้องไปส่วนใหญ่จะมาจากการกระทำผิดต่อข้อกฎหมายแทบทั้งสิ้น”

สร้างเกมฟ้องชาวโลก

ขณะที่ นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน มองว่ารัฐบาลกำลังเดินเกม 2 ทางโดยเป้าหมายมุ่งไปยังตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ด้านหนึ่งคือการเดินไปตามระบบสภา อีกด้านหนึ่งคือการสร้างเวทีปฏิรูปการเมืองทางออกประเทศไทยขึ้นมา ด้วยการดึงเอาคนทุกฝ่ายเข้ามาร่วมหาทางออก อย่างกรณีของการดึงเอานายโทนี แบร์ อดีตนายกรัฐมนตรีของอังกฤษ และนายโคฟี อันนัน อดีตเลขาธิการองค์การสหประชาชาติ เข้ามาร่วมนั้นเท่ากับเป็นการวางหมากที่จะเอาโลกมาล้อมประเทศไทย

แม้ว่าสภาจะผ่านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมวาระที่ 1 ไปแล้ว คาดว่าคงทิ้งช่วงออกไปอีก 1-2 เดือนและยังคงไม่เร่งแปรญัตติ แต่ช่วงนี้เขากำลังใช้เรื่องของสภาปรองดองมาเป็นตัวขับเคลื่อนเพื่อสร้างความชอบธรรม การยืดทุกอย่างออกไปส่วนหนึ่งเพื่อให้ร่างกฎหมายอื่นๆ รวมถึงเรื่องงบประมาณ ผ่านไปก่อน รวมทั้งโผแต่งตั้งโยกย้ายทหารให้ลงตัว เพราะหากเร่งดำเนินการในช่วงนี้อาจไปเข้าเงื่อนไขของพรรคประชาธิปัตย์ที่จะเดินหน้าสู้ในวาระที่ 3 ทุกอย่างอาจลากกันไปถึงเดือนตุลาคมหรือพฤศจิกายนในช่วงท้ายก่อนที่สภาจะปิดประชุม

2 ล้านล้านขัดรัฐธรรมนูญ

เกมการออกกฎหมายนิรโทษกรรมจะถูกสลับฉากด้วยการเอาเรื่องของเวทีปฏิรูปประเทศเข้ามาคั่นกลาง และอีกไม่นานจะมีการนำเอาร่างพระราชบัญญัติให้กระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ด้านคมนาคมขนส่งของประเทศวงเงิน 2 ล้านล้านบาท ที่ผ่านวาระแรกไปเมื่อ 29 มีนาคม 2556 ที่น่าจะมีการนำเข้ามาพิจารณาในวาระที่ 2 และ 3 ในเดือนสิงหาคมนี้

ขณะที่พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลัง กู้เงินกับสถาบันการเงิน 3.5 แสนล้านบาท เพื่อดำเนินการบริหารจัดการน้ำ ถูกศาลปกครองสั่งให้ต้องมีการทำประชาพิจารณ์ก่อน

แผนที่รัฐบาลกำลังดำเนินการในโครงการขนาดใหญ่ มีหลายกลุ่มที่ยื่นหนังสือคัดค้าน ที่เห็นผลแล้วคือโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท นี่คือถุงเงินของรัฐบาลจะนำออกมาใช้ หากนำมาใช้ด้วยความสุจริตก็คงเป็นเรื่องที่ดีกับประเทศ แต่หลายคนมองตรงกันว่าโครงการเหล่านี้ไม่มีรายละเอียดของโครงการที่ชัดเจน ทำให้เปิดช่องในการทุจริตคอร์รัปชันได้ง่าย

พ.ร.บ. 2 ล้านล้านบาทก็เช่นเดียวกัน เข้าข่ายผิดรัฐธรรมนูญ เห็นได้จากอาจารย์คณิต ณ นคร คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย ได้ออกมาท้วงติงว่าขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 169 ทางพรรคประชาธิปัตย์คงไม่ปล่อยเรื่องนี้ไว้

การสกัดกั้นกฎหมายทางการเงินทั้ง 3.5 แสนล้านบาทและ 2 ล้านล้านบาท กฎหมายทางการเงินทั้ง 2 ฉบับนี้ถือเป็นความหวังใหญ่ของรัฐบาล ที่มุ่งจะให้เม็ดเงินลงทุนของโครงการทั้ง 2 เป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ หลังจากที่แรงส่งเมื่อปี 2554 และ 2555 เริ่มหมดลง ไม่ว่าจะเป็นเงินที่อัดฉีดเพื่อการฟื้นฟูหลังจากเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมเมื่อปลายปี 2554 ที่ส่งผลต่อเนื่องมายังปี 2555 ที่หลายครอบครัวต้องใช้จ่ายเงินเพื่อการฟื้นฟูและซ่อมแซมบ้านหลังจากน้ำลด

นอกจากนี้ยังมีโครงการรถยนต์คันแรกที่กระตุ้นกำลังซื้อของคนในประเทศ ทำให้ยอดการจองซื้อสูงถึง 1.2 ล้านคัน แต่พอย่างเข้าปี 2556 ผู้ที่ใช้สิทธิ์จองซื้อจำนวนไม่น้อยเริ่มที่จะทิ้งใบจอง อันเนื่องจากสภาพเศรษฐกิจเริ่มถดถอยทั้งจากสภาพเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจในประเทศเองที่ซบเซา
โครงการรับจำนำข้าวที่ยังมีปัญหาด้านผู้ซื้อ
เศรษฐกิจดิ่งเหว

นักเศรษฐศาสตร์มองว่า ขณะนี้โครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาทคงต้องชะลอออกไปตามคำสั่งของศาลปกครอง ดังนั้นเครื่องมือที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลจะเหลือเพียง พ.ร.บ. 2 ล้านล้านบาท ในกรณีที่เกิดปัญหาทางกฎหมาย ที่มีความเป็นไปได้ว่าอาจต้องชะลอโครงการออกไป ผลกระทบที่จะตามมาคือเรื่องของความมั่นใจ

อย่างไรก็ตาม โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่นี้ เป็นการรวบรวมเอาโครงการที่มีอยู่ก่อนหน้านี้มารวมไว้ด้วยกัน อย่างรถไฟฟ้าในพื้นที่กรุงเทพฯ ตรงนี้ถือว่ามีเรื่องของงบในการจัดทำอยู่แล้ว แต่ที่จะเป็นปัญหาคือโครงการที่รัฐบาลชุดนี้เสนอขึ้นมาใหม่อย่างรถไฟความเร็วสูง หากทุกอย่างเดินหน้าไปได้ คาดว่าเม็ดเงินจากโครงการนี้จะเริ่มลงไปยังภาคส่วนต่างๆ ได้ราวปลายปี 2557 แต่ถ้าทุกอย่างล่าช้าหรือมีความไม่แน่นอนไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใด ตรงนี้จะส่งผลกระทบต่อนักลงทุนตามต่างจังหวัดทันที

เพราะนับตั้งแต่รัฐบาลผุดแนวคิดดังกล่าวออกมา มีการกว้านซื้อที่ดินเพื่อรองรับกับเส้นทางรถไฟฟ้าหรือซื้อเพื่อรองรับกับการสร้างเมืองใหม่ตามหัวเมืองขนาดใหญ่ ถ้าทุกอย่างสะดุดนักลงทุนเหล่านี้ย่อมจะต้องแบกรับกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้

สิ่งที่จะตามมาอีกหากโครงการนี้ไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้คือ จากนี้ไปรัฐบาลจะไม่มีมาตรการใดๆ ออกมากระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างเป็นรูปธรรม แม้ในช่วงหลังจากการลงมติวาระแรกของ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้ความสำคัญในเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่เป็นเพียงการให้สิทธิจูงใจ ไม่ใช่การอัดเม็ดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจ

ดังนั้นในช่วงที่เหลือของปี 2556 เศรษฐกิจของประเทศไทยจะประสบปัญหามากขึ้น เห็นได้จากการปรับลดประมาณการของธนาคารแห่งประเทศไทยจาก 5.1% เหลือ 4.2% และมีความเป็นไปได้สูงที่เศรษฐกิจของปีนี้จะโตต่ำกว่า 4% กรอบต่ำสุดอาจจะลงไปเหลือเพียง 3.3-3.6%

ประกอบกับเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ฟื้นตัว รวมถึงจีนที่ต้องการควบคุมการเติบโตทางเศรษฐกิจ ทำให้การส่งออกของไทยประสบปัญหา ส่วนกำลังซื้อของคนในประเทศถดถอยลง เป็นผลมาจากนโยบายของรัฐบาล รถยนต์คันแรก ทำให้กำลังซื้อของคนชนชั้นกลางหายไปจำนวนมาก รวมไปถึงค่าครองชีพที่สูงขึ้น
โครงการรถยนต์คันแรกฉุดกำลังซื้อของคนชนชั้นกลาง
กับดักประชานิยม

เราได้สำรวจกำลังซื้อของคนตามต่างจังหวัดพบว่า คนชนชั้นกลางประสบปัญหาด้านกำลังซื้อ อันเนื่องมาจากการใช้สิทธิในโครงการรถยนต์คันแรก ขณะที่กลุ่มคนระดับล่าง กำลังซื้อยังดีที่เป็นผลจากค่าแรง 300 บาท หรือได้ประโยชน์จากโครงการรับจำนำข้าว แต่คนกลุ่มนี้ค่อนข้างระวังในการจับจ่าย ส่วนหนึ่งเกิดจากราคาสินค้าที่ปรับสูงขึ้น อีกส่วนหนึ่งยังกังวลว่ารัฐบาลอาจมีการปรับลดราคารับจำนำลงต่ำกว่า 15,000 บาทต่อตัน ขณะที่เกษตรกรอื่นๆ ต่างประสบปัญหาเรื่องราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ

รัฐบาลกำลังประสบปัญหาจากนโยบายประชานิยมที่ได้ดำเนินการไปแล้ว แต่กลับไม่สามารถปลุกให้เศรษฐกิจของประเทศฟื้นขึ้นมาได้ เรื่องจำนำข้าวจะกลายเป็นปมหลักเนื่องจากรัฐบาลได้ใช้เงินไปหลายแสนล้านบาท แต่กลับไม่สามารถระบายข้าวออกไปได้ จึงทำให้รัฐไม่มีเงินที่จะนำไปใช้กระตุ้นเศรษฐกิจเหมือนครั้งก่อน

อีกทั้งที่ผ่านมารัฐบาลได้ลดภาษีเงินได้นิติบุคคลลงมาเหลือ 20% ลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่เริ่มใช้ในปีภาษี 2556 รัฐไม่ขึ้นภาษีน้ำมันดีเซลเพื่อคุมราคา ดังนั้นรัฐจึงมีปัญหาในเรื่องของรายรับ และการที่รัฐเตรียมจะขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มนั้นหากเศรษฐกิจเป็นอย่างนี้คงยากที่จะเก็บเพิ่มในอัตราที่สูงกว่า 7%

เมื่อเศรษฐกิจไม่สามารถฟื้นตัวได้ โอกาสของการเกิดเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของบรรดาลูกหนี้ทั้งภาคบุคคล เอสเอ็มอี ย่อมมีความเป็นไปได้สูง ธนาคารที่ปล่อยสินเชื่ออาจจะต้องมีการตั้งสำรองเพิ่ม

ตัวเร่งคนรวมตัว

ผู้ประสานงานกลุ่มกรีนให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า มีความเป็นไปได้ว่าปัญหาทางด้านเศรษฐกิจย่ำแย่ ประชาชนเริ่มทนไม่ไหว เป็นตัวหนุนให้มีการรวมตัวกัน ทุกคนลืมเรื่องสีแล้วหันมาแสดงความไม่พอใจต่อการบริหารประเทศของรัฐบาล ก็อาจทำให้รัฐบาลชุดนี้อยู่ไม่ได้

โดยในช่วงที่ผ่านมาเวทีการชุมนุมของกลุ่มกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ เริ่มมีการเข้าร่วมของกลุ่มกองทัพธรรม และท่าทีของแกนนำพันธมิตรฯ ที่เสนอให้พรรคประชาธิปัตย์ลาออกจากการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแล้วออกมาต่อสู้ร่วมกับภาคประชาชน แล้วพันธมิตรฯ จะเข้ามาร่วมผนึกกำลัง รวมถึงการเดินทางไปให้กำลังใจกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณของนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกกลุ่มพันธมิตร

หากทุกอย่างลงตัว ข้อขัดแย้งที่เคยมีมาของกลุ่มที่ต่อต้านระบอบทักษิณยุติลงได้ ครั้งนี้จะเป็นการรวมพลครั้งใหญ่ของภาคประชาชนที่จะกดดันรัฐบาล

กำลังโหลดความคิดเห็น