พรรคเพื่อไทยเตรียมประชุมวิปรัฐฯ ถกร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม พร้อมซักซ้อม ส.ส.เข้าสภาหนีม็อบ โต้ ปชป.ปัดตั้งเวทีปฏิรูปเตะถ่วง ด่ากลับไม่ยอมลดราวาศอก อ้างปรารถนาดีทุกสี ถามทำไมไม่ฟัง “ปลาไหลเติ้ง” บ้าง ทำห่วง “สุเทพ” ปลุกม็อบ หวั่นวาระสามเทหมดหน้าตัก เหน็บมุกเดิมประชาชนต้องตายก่อน จี้แกนนำทหารที่ถูกกองทัพโค่นแม้วอ้างชื่อแสดงจุดยืนให้ชัด วอนคนปล่อยข่าวปฏิวัติรับผิดชอบ
วันนี้ (4 ส.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า ในวันจันทร์ที่ 5 ส.ค.นี้ คณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) จะมีการประชุม เพื่อหารือในเรื่องการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับของนายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ที่สภาฯ จะพิจารณาในวันที่ 7-8 ส.ค.นี้ เพื่อเตรียมความพร้อมบรรดาพรรคร่วมรัฐบาล ขณะเดียวกัน ในวันอังคารที่ 6 ส.ค.นี้ พรรคเพื่อไทยจะมีการประชุมเพื่อทำความเข้าใจ ส.ส.เช่นกัน พร้อมทั้งเพื่อกำหนดเส้นทางในการเดินทางไปประชุมสภาฯ ภายใต้สถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มคณะเสนาธิการร่วมกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ และภายใต้การประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ซึ่งถือเป็นการเตรียมความพร้อมและทำความเข้าใจก่อน
ส่วนกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ออกแถลงการณ์ตั้งโต๊ะพูดคุยทุกฝ่ายเพื่อออกแบบปฏิรูปประเทศ แก้ปัญหาความขัดแย้ง นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวถือว่านายกรัฐมนตรีและรัฐบาลได้แสดงความจริงใจอย่างมาก โดยนำปัญหาของประเทศเป็นที่ตั้ง พร้อมกันนี้ยังได้แต่งตั้งนายพงษ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการเป็นตัวแทนเชิญชวนพรรคร่วมฝ่ายค้าน พรรคร่วมรัฐบาล แกนนำพันธมิตร แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) อดีตนายกรัฐมนตรีและผู้นำประเทศ รวมถึงนักวิชาการและตัวแทนทุกภาคส่วน ในการร่วมกันออกแบบเพื่อยุติความขัดแย้ง ซึ่งเมื่อวานนี้ (3 ส.ค.) ที่ผ่านมา ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีที่นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา และอดีตนายกรัฐมนตรี ได้ตอบรับและพร้อมให้ความร่วมมือกับรัฐบาลในการตั้งโต๊ะพูดคุยทุกฝ่ายเพื่ออกแบบปฏิรูปประเทศอีกด้วย
“การที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ออกมาระบุว่าการที่รัฐบาลดำเนินการดังกล่าว ถือเป็นการซื้อเวลา เป็นการเตะถ่วง ขอปฏิเสธว่านายกรัฐมนตรีไม่ได้เตะถ่วง และซื้อเวลาแต่อย่างใด เพราะได้ยึดเอาปัญหาของประเทศเป็นที่ตั้ง แต่ในทางกลับกันนายอภิสิทธิ์ และสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ตั้งเวทีทั้งในสภาและนอกสภา เพื่อเดินสายผ่าความจริง นำข้อมูลที่อ้างว่าเป็นความจริงไปบอกพี่น้องประชาชนนั้น มองว่านายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ น่าจะนำข้อมูลเหล่านี้มาพูดคุยกันในโต๊ะพูดคุยเพื่อออกแบบปฏิรูปประเทศจะดีกว่า อย่าปล่อยให้ความขัดแย้งกลายเป็นมรดกบาปของประเทศ ดังนั้น ขอเชิญให้ทุกฝ่ายร่วมกันคิดร่วมกันแก้ไขประเทศ เอาปัญหาของประเทศและปัญหาของประชาชนเป็นหลัก ขอให้นับหนึ่งในการก้าวสู่ความปรองดองต่อไป” นายพร้อมพงศ์กล่าว
ส่วนการที่กลุ่มคณะเสนาธิการร่วมกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี ถอนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม และร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง ออกจากการพิจารณาของสภาไปก่อนนั้น นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า ตนมองว่าเรื่องนี้เป็นเอกสิทธิ์ ส.ส. จะมาเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีถอนร่างออกไปนั้น เชื่อว่าทำไม่ได้ เพราะเป็นอำนาจหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ เป็นอำนาจสภา อย่าโยนบาปให้นายกรัฐมนตรี เพราะนายกรัฐมนตรีเคารพสิทธิของ ส.ส. อย่างไรก็ตาม การที่ฝ่ายค้านออกมาระบุว่าการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ในวันที่ 7 ส.ค.นี้ จะมีการสอดไส้นั้น ไม่เป็นความจริงแน่นอน เพราะฝ่ายค้านก็ร่วมพิจารณาด้วย ทั้งในชั้นของสภาฯ และในชั้นของกรรมาธิการ ยืนยันว่าร่างกฎหมายฉบับนี้ ทำเพื่อประชาชนทุกสีเสื้อ ไม่มีการเอื้อประโยชน์ให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีแน่นอน
นายพร้อมพงศ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่กลุ่มคณะเสนาธิการร่วมกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ ได้ประกาศรายชื่อแกนนำ ซึ่งประกอบไปด้วยนายทหารชั้นผู้ใหญ่หลายท่านว่า ล่าสุด พล.อ.สายหยุด เกิดผล อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด ออกมาปฏิเสธภายหลังมีรายชื่อเป็นแกนนำกลุ่มคณะเสนาธิการร่วมกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ ซึ่งตนขอเรียกว่าการชุมนุมของกลุ่มแช่แข็งประเทศไทย 2 นั้น ตนจึงขอเรียกร้องไปยังบุคคลผู้ที่มีรายชื่อเป็นแกนนำ ทั้งอดีตนายทหาร ตำรวจ และข้าราชการ ให้ออกยืนยันให้ชัดเจนว่าจะร่วมชุมนุมกับกลุ่มคณะเสนาธิการร่วมกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณหรือไม่ หรือเป็นเพียงข้ออ้างเพื่อล้มระบอบทักษิณ ในการที่จะล้มล้างรัฐบาล เพราะขณะนี้ประชาชนเกิดความสับสน เนื่องจากหากการชุมนุมมีการดำเนินการที่ไม่อยู่ในกรอบของกฎหมาย และนำไปสู่การล้มล้างการปกครองตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 ตนก็พร้อมที่จะเดินหน้าตรวจสอบและฟ้องร้องกับบุคคลที่เป็นแกนนำในการชุมนุมต่อไป เพราะ เราได้ข้อมูลว่าการปลุกระดมประชาชนทั่วประเทศนั้น เป็นการปลุกระดมที่ไม่เป็นไปตามวิถีทางของระบอบประชาธิปไตยฯ อย่างไรก็ตาม ขอให้การชุมนุมในครั้งนี้อยู่ภายใต้กฎหมาย และระวังมือที่สามที่จะทำให้การชุมนุมไปสู่ความขัดแย้งรุนแรงได้
ส่วนกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ได้ปราศรัยโดยประกาศว่าจะล้มรัฐบาลหากรัฐบาลไม่หยุดการกระทำที่ลุแก่อำนาจ นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า ตนได้ฟังการปราศรัย ของนายสุเทพที่ยั่วยุประชาชนแล้วไม่สบายใจ เพราะนายสุเทพถือเป็นผู้ใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์ อีกทั้งยังเคยเป็นอดีตรองนายกฯ การกระทำเช่นนี้ทำให้ประชาชนเกิดความสับสน ซึ่งหากสุเทพ มองว่าในระบบรัฐสภาสู้ไม่ได้ และจะใช้วิธีนอกสภาล้มรัฐบาลนั้น ถือเป็นสิ่งที่น่ากังวล เพราะตนได้รับข้อมูลเหล่านี้และพบว่า ในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม น่าจะผ่านวาระแรกและวาระสองอย่างไม่น่าหนักใจ แต่ที่น่าหนักใจคือวาระสาม ซึ่งสอดคล้องกับที่นายสุเทพปราศรัย ซึ่งถือเป็นการเล่นการเมืองทั้งในและนอกสภา เป็นการเทหมดหน้าตัก เรื่องนี้น่าเป็นห่วง เพราะหากนายสุเทพเอามวลชนมาล้มรัฐบาลจริง เวลานั้นบ้านเมืองอาจเกิดความขัดแย้งถึงขั้นเป็นตายเท่ากันก็ได้ ดังนั้นจึงอยากรียกร้องให้นายสุเทพไม่ควรนำประเด็น พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเป็นเครื่องมือทางการเมือง ใช้เป็นข้ออ้างในการล้มรัฐบาล ซึ่งถือเป็นการบิดเบือนความจริง เป็นการกระทำที่เผยธาตุแท้ว่าสุดท้ายแล้วก็ต้องที่จะการล้มรัฐบาลให้ได้
ส่วนการปล่อยข่าวในโซเชียลเน็ตเวิร์กว่าจะเกิดการปฏิวัตินั้น พรรคเพื่อไทยได้สอบถามไปยังรัฐบาลแล้วพบว่าไม่เป็นความจริง เป็นการปล่อยเพื่อหวังผลทางการเมือง ดังนั้นจึงอยากให้คนที่ปล่อยข่าวนี้ ออกมาสำนึกผิดและรับผิดชอบต่อกับการกระทำของตนเอง เพราะเชื่อว่าคนไทยทั้งประเทศไม่เห็นด้วยกับการปฏิวัติอีกแล้ว เนื่องจากการปฏิวัติครั้งที่ผ่านมา ตลอด 7 ปีประเทศก็ยังมีความขัดแย้งเช่นเดิม วันนี้ประชาชนมีบทเรียน และเห็นว่ารัฐบาลกำลังแก้ปัญหาของประเทศ ตนอยากให้คนที่ปล่อยข่าว ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นพวกเดียวกันกับกลุ่มที่มาชุมนุมหรือไม่นั้น กลับมาเห็นแก่ประโยชน์ของประเทศ อย่าเอาอคติและความไม่ชอบรัฐบาลมุ่งแต่เกมการเมือง จ้องเล่นงานรัฐบาลอย่างเดียว ขอให้ยึดประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก
นอกจากนี้ นายพร้อมพงศ์ยังกล่าวถึงกรณีที่ ร.อ.ทรงกลด ชื่นชูผล หรือผู้กองปูเค็ม อดีตนายทหารสังกัดกองทัพภาคที่ 3 ได้นำผู้ชุมนุมประมาณ 30 คนมาชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาลและพรรคเพื่อไทยหยุดเดินหน้าพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เมื่อวานนี้ (3 ส.ค.) ที่ผ่านมาว่า จากการตรวจสอบภาพวงจรปิดนั้น การกระทำดังกล่าวถือเป็นการละเมิดกฎหมาย เพราะมีการบุกรุกเข้ามาในพื้นที่ของอาคาร และขู่ว่าจะเผาพรรคเพื่อไทย การกระทำเหล่านี้เป็นการไม่เคารพสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่น ซึ่งตนไม่อยากให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก แต่ผู้ใหญ่ของพรรคเพื่อไทย ก็ไม่ได้ติดใจจะเอาเรื่อง เราพร้อมที่จะรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง แต่เราก็ไม่อยากให้เรื่องราวเหล่านี้เกิดขึ้นอีก อย่างไรก็ตามขอเชิญชวนให้กลุ่มนี้เข้าร่วมกับคณะกรรมการปฏิรูปประเทศของรัฐบาล
ด้านนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงสถานการณ์การชุมนุมของกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ ที่มีการชุมนุมในวันที่ 4 ส.ค.นี้ ภาพการลงขันวางงานของขาประจำปรากฏชัดมากว่าใครร่วมขบวนการนี้บ้าง ยิ่งฟังการปราศรัยปลุกระดมยั่วยุของพรรคประชาธิปัตย์ในแต่ละเวที ยอมรับว่างานนี้พรรคประชาธิปัตย์ทุ่มทุกสรรพกำลังในการล้มล้างรัฐบาลเต็มที่ โดยถอดรหัสจากสิ่งที่นายสุเทพพูด ถ้ามีการปราบปรามประชาชนบาดเจ็บ ถูกรุมตีทำร้าย จะออกไปนำม็อบสู้นอกสภาทันที ซึ่งนั่นคือภาพหวังในใจ เป็นเป้าหมายของนายสุเทพ และ พรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ ฉะนั้น พี่น้องประชาชนที่จะไปร่วมชุมนุม ต้องคิดให้ดี เพราะธงของพวกนี้คือต้องให้มีบาดเจ็บล้มตาย ซึ่งแทนที่จะให้ประชาชนเจ็บก่อนถึงจะออกมา ทำไมไม่ออกมาก่อนที่ประชาชนจะเจ็บ หรือเป็นคนเสียสละ เจ็บก่อนประชาชน รออะไร
“หรือที่บอกว่าประชาชนต้องมาก่อน แท้ที่จริงคือประชาชนต้องเจ็บก่อน ตายก่อน ลงทุนต่ำแต่หวังกำไรสูงตลอดเวลา การประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงใน 3 เขต ของฝ่ายความมั่นคงนั้น วัตถุประสงค์หลักคือการดูแลประชาชน ดูแลความเรียบร้อย ท่านมาชุมนุมได้ ตราบเท่าที่ สันติ อหิงสา ปราศจากอาวุธ ไม่ละเมิดรัฐธรรมนูญ รัฐบาลไม่เคยมองม็อบแช่แข็ง 2 เป็นศัตรู พร้อมรับฟังและดูแลพวกท่าน ไม่ให้มีการใช้ความรุนแรง ไม่ให้มีการสูญเสียชีวิตและเลือดเนื้อ อย่างที่บางพรรคต้องการ พรรคเพื่อไทยพูดและทำตรงกันเสมอ เรายึดมั่นในระบบรัฐสภา และจะไม่ยอมให้ใคร ล้มล้างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย ไม่ยอมให้ใครเปลี่ยนแปลงประเทศ โดยวิธีนอกกติกาเด็ดขาด” นายอนุสรณ์กล่าว
ส่วนกรณีนายอภิสิทธิ์ระบุว่าการที่นายกฯ เสนอเรียกร้องทุกฝ่ายร่วมหารือจัดตั้งสภาปฏิรูปการเมือง เป็นการสร้างภาพ นายอนุสรณ์ กล่าวว่า ไม่แปลกใจที่นักสร้างภาพตัวจริงจะร้อนรน กลัวว่าจะมีคนมาแย่งตำแหน่ง ทั้งๆ ที่สิ่งที่ผู้หลักผู้ใหญ่ทางการเมืองเขาเห็นด้วยหมด ทำไมนายอภิสิทธิ์ไม่ดูไม่ฟังนายบรรหารบ้าง หรือจะเลือกฟังเฉพาะที่ตัวเองได้ประโยชน์ รัฐบาลปรารถนาดีจะเปิดเวทีเชิญทุกกลุ่ม ทุกสี มาพูดคุย แต่หากนายอภิสิทธิ์ พกมีดไว้ข้างหลัง ตั้งแง่ สร้างเงื่อนไขอยู่ตลอด ไม่ยอมลดราวาศอก จะคุยกันยังไง ถ้าทุกฝ่ายให้ความร่วมมือ บ้านเมืองก็จะพอมีทางออก เดินหน้าต่อไปได้ วันหนึ่งสภาปฏิรูปการเมือง อาจจะเป็นช่องทางและเครื่องมือไปสู่ความปรองดองก็ได้ ขึ้นอยู่กับความร่วมมือร่วมใจของทุกฝ่าย แต่ถ้าเอะอะก็สร้างเงื่อนไขอย่างนู้นอย่างนี้ ต้องถอนกฎหมายนิรโทษกรรมออกจากสภาก่อน มันฟังไม่ได้ เพราะมันเป็นคนละส่วนกัน
“ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ ที่อยู่ในสภาฯ พรรคประชาธิปัตย์สามารถทำหน้าที่ในฐานะสมาชิกรัฐสภาอภิปราย หรือแปรญัตติ ก็สามารถกระทำได้ทั้งนั้น สู้กันได้เต็มที่ พรรคประชาธิปัตย์อยากได้แบบไหน สบายใจอย่างไรก็ร่วมกันออกแบบความปรองดองได้ ไม่เห็นจำเป็นต้องละทิ้งจากเชื่อมั่นในระบบรัฐสภา หันมายึดมั่นระบบฟุตปาธ สู้ข้างถนน อยู่บนทางเท้า ขนาดนายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังอยากเสนอแนวทางนิรโทษกรรมฉบับพรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ ไม่อายนายอลงกรณ์บ้างหรือ หรือ ชื่นชอบส่งเสริมเฉพาะพวกเชลียร์ ไปซื้อเสื่อก็สร้างภาพว่าชาวบ้านตั้งใจทอมาให้ ล่าสุดทำเอาชาวเน็ตตะลึง หัวเราะกันท้องคัดท้องแข็ง ที่นายกรณ์ แห่ง ปชป. ประกาศวิกฤตน้ำมันเกาะเสม็ดดีขึ้น เพราะมาร์คไปตรวจเยี่ยม จะฮากันไปถึงไหน จอมสร้างภาพตัวพ่อคือใครกันแน่” นายอนุสรณ์กล่าว