ธุรกิจตุ๋นเงินปรับโฉม คราวนี้มาในรูปกองทุนรวม อ้างอิงบริษัทที่มีอยู่จริงในต่างประเทศ ทำ Link ไปยังหน่วยงานด้านกองทุนของไทย รวมถึงเว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์ หวังสร้างความน่าเชื่อถือ ทำเอา ก.ล.ต.และสมาคมบริษัทจัดการลงทุนของไทยเต้น เร่งตรวจสอบ พร้อมแนะขัอสังเกตที่ผิดปกติจากเครือข่ายเหล่านี้ เตือนผลตอบแทนสูงขนาดนี้ไม่มีใครในโลกทำได้ เว้นแต่ “แชร์ลูกโซ่” ด้านตำรวจปอศ.แนะแจ้งความ
การเข้าจับกุมแชร์ลูกโซ่เครือข่ายต่างๆ แม้จะมีให้เห็นอยู่อย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นแชร์ลอตเตอรี่ แชร์น้ำหอม ค้าเงิน ค้าน้ำมันและอื่นๆ เมื่อรายเก่าถูกปิดไป ก็มีรายใหม่ผุดขึ้นมา หมุนเวียนหลอกเอาเงินทั้งคนที่รู้และไม่รู้ ภายใต้ความโลภของคนที่ต้องการลงทุนน้อยแล้วได้ผลตอบแทนมาก
เครือข่ายของ “เงินสดง่ายๆ” ที่ยอดพีระมิดกำลังใกล้ล่มสลาย และมีการร้องเรียนเรื่องนี้ไปที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) และอยู่ในระหว่างการติดตามข้อมูล
ขณะที่เครือข่ายเหล่านี้จำนวนหนึ่งกำลังเตรียมการโยกย้ายไปยังบ้านหลังใหม่ “กำไรจากเงินสด” หลังจากที่สมาชิกที่เข้าร่วมลงทุนในบ้านหลังเดิมเริ่มไม่ได้รับเงินส่วนแบ่งตามสัญญา
จากคำเชิญชวนลงทุนเพียง 1,000 เหรียญสหรัฐ ครบ 1 ปีได้เงิน 55,000 เหรียญสหรัฐ หรือใช้เงินลงทุนราว 30,000 บาท แล้วได้เงิน 1,650,000 บาท มาเป็นลงทุน 1,000 เหรียญ เพียง 90 วัน ได้รับผลตอบแทนราว 2,700 เหรียญ
ใครที่เห็นตัวเลขของผลตอบแทนย่อมตาโตเป็นเรื่องปกติ จนลืมนึกถึงความเป็นจริงและความเป็นไปได้ว่าเขาเอาเงินของท่านไปลงทุนอะไรและลงทุนจริงหรือไม่
โฉมใหม่เป็นกองทุนรวม
นอกเหนือไปจากคำกล่าวอ้างว่านำเงินไปลงทุนในอัตราแลกเปลี่ยน (Forex) แล้ว ยังมีเครือข่ายอื่นๆ ที่ได้สร้างเป้าหมายของการลงทุนว่าเป็นกองทุนรวม นำเงินไปลงทุนต่างประเทศ โดยเป็นกองทุนไร้ความเสี่ยง ประกันเงินลงทุน 100% กองทุนนี้มีอายุ 2 ปี จ่ายเงินปันผลรายวัน ทำเงิน 10 ล้านบาทใน 2 ปี
คำว่า “กองทุนรวม” นี้ ทำเอาสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) สมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ถึงกับนั่งไม่ติด เนื่องจากช่องทางการลงทุนดังกล่าวมีการระบุชื่อถึงบริษัทที่มีตัวตนอยู่จริงในต่างประเทศ ที่มีวิว ทิวทัศน์สวยงาม ที่ละครดังของไทยไปถ่ายทำในประเทศนี้มาแล้ว และชื่อยังใกล้เคียงกับบริษัทใหญ่ในสหรัฐฯ อย่างมอร์แกน สแตนเลย์
หากพิจารณาจากตารางเชิญชวนกับเงินลงทุนที่คิดเป็นเงินบาท 142,275 บาท กับผลตอบแทนที่ได้รับเมื่อครบ 2 ปีจะได้รับเงิน 686,839 บาท คิดเป็นผลตอบแทนทั้งสิ้น 380% หรือปีละ 190%
ที่ผ่านมาคนไทยคุ้นเคยกับกองทุนรวมมาไม่น้อยกว่า 20 ปี ดังนั้นชื่อของกองทุนรวมจึงเป็นที่รับรู้ของคนไทยระดับหนึ่ง ยิ่งมาตอกย้ำด้วยคำว่ากองทุนไร้ความเสี่ยง ประกันเงินลงทุน 100% ยิ่งเรียกลูกค้าคนไทยได้ง่ายขึ้น
รวมไปถึงวิธีการทำการตลาดที่ใช้โรงแรมหรูกลางกรุงเทพฯ เป็นสถานที่จัดงานเปิดตัว และยังมีการทำประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อออนไลน์ ทั้งเว็บไซต์ เฟซบุ๊ก หรือ blogspot รวมไปถึงการแสดงภาพที่บริษัทแห่งนี้ได้พาสมาชิกเดินทางไปดูงานและท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น ไม่แตกต่างกับบริษัททั่วไปที่มอบรางวัลให้กับตัวแทนที่สามารถทำยอดได้ตามเป้าที่บริษัทกำหนดไว้
ความน่าเชื่อถือถูกออกแบบผ่านโลกของ Social Network ด้วยการหาข้อมูลด้านการลงทุน กองทุนรวม โดยเชื่อมโยงหรือทำ Link กับเว็บไซต์ของกองทุนรวมที่ถูกต้องตามกฎหมายและยังทำ Link ข้อมูลกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
นอกจากนี้ยังมีการแจกแจงถึงเงินลงทุน แบ่งเป็น 70% ลงทุนในตราสารหนี้ ที่เหลือลงทุนในการซื้อขายเงินตราต่างประเทศ (Forex) ทองคำ ตราสารอนุพันธ์และหุ้นชื่อดังในสหรัฐอเมริกา
เมื่อตรวจสอบลงไปถึงสำนักงานที่ตั้งของกิจการแห่งนี้ กลับไม่พบรายละเอียดกำหนดไว้ ทุกอย่างจะต้องผ่านการติดต่อทางโทรศัพท์กับบุคคลที่ทิ้งชื่อไว้บนเว็บไซต์ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเว็บไซต์ที่เปิดให้ฝากประกาศหรือโฆษณาฟรี หรือมีการเปิดเฟซบุ๊กต่างๆ พร้อมเบอร์โทรศัพท์ติดต่อ
อ้างของจริงแต่กลัวลงทุนไม่จริง
ทีม Special Scoop ผู้จัดการรายวัน สอบถามไปยังหน่วยงานของไทยทั้ง ก.ล.ต. สมาคมจัดการลงทุนและบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนหลายแห่ง ได้รับคำตอบว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบเรื่องดังกล่าว โดยในเว็บไซต์ของ ก.ล.ต.จะปรากฏรายชื่อเว็บไซต์ของบริษัทนี้ในหน้า Investor Alert (http://www.sec.or.th/investor_edu/Content_alert.jsp?categoryID=CAT0000765&lang=th) ว่าไม่ได้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต. และยังพบบางรายชื่อที่เข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ ขณะที่สมาคมบริษัทจัดการลงทุนอยู่ระหว่างการประกาศเตือนนักลงทุนให้ระวัง
“ข้อมูลที่เครือข่ายนี้ระบุไว้บนเว็บไซต์ มีการตรวจสอบในเบื้องต้นว่ามีอยู่จริง ทำให้เราต้องให้หน่วยงานอย่าง ก.ล.ต.ตรวจสอบหรือประสานงานกับบริษัทในต่างประเทศก่อน เพราะเกรงว่าถ้าทำอย่างเป็นจริงแล้ว อาจจะมีการฟ้องร้องมาที่หน่วยงานในประเทศไทยได้ แต่ด้านหนึ่งที่บริษัทเหล่านี้เข้าข่ายผิดคือการประกอบธุรกิจกองทุนรวมโดยไม่มีใบอนุญาต ซึ่งต้องดูในข้อกฎหมายและพฤติกรรมของบริษัทนี้อีกครั้งหนึ่ง” แหล่งข่าวจากสมาคมบริษัทจัดการลงทุนกล่าว
ขณะที่เราเกรงว่าเครือข่ายเหล่านี้พยายามสร้างความน่าเชื่อถือด้วยการนำเอาบริษัทต่างๆ ที่มีตัวตนอยู่จริงมาแอบอ้าง แต่ไม่ได้มีการส่งเงินไปลงทุนในต่างประเทศจริงอย่างที่ได้แจ้งต่อผู้ลงทุนไว้
กองทุนไร้ความเสี่ยง-ไม่มี
ส่วนที่ระบุว่าเป็น “กองทุนไร้ความเสี่ยง ประกันเงินลงทุน 100%” สำหรับในประเทศไทยแล้วกองทุนทุกประเภทมีความเสี่ยงทั้งสิ้น ขึ้นอยู่กับนโยบายลงทุนว่าเสี่ยงมากหรือเสี่ยงน้อย แต่สิ่งที่ใกล้เคียงกับกองทุนรวมในเมืองไทย คือ เมืองไทยมีกองทุนคุ้มครองเงินต้น โดยจะแบ่งสัดส่วนการลงทุนเอาไว้โดยเลือกที่จะลงทุนในตลาดตราสารหนี้สัดส่วนที่เกินกว่า 80% บางกองลงทุนทั้ง 100%
“ที่บอกว่า 70% ของเงินต้นลงทุนในตราสารหนี้เมื่อครบ 2 ปี ได้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นมา 30% เพื่อเติมเงินต้นให้ครบ 100% ที่เหลืออีก 30% ของเงินต้นนำไปลงทุนด้านอื่นๆ เพื่อให้ผลตอบแทนงอกเงยเพิ่มขึ้น ตอบได้เลยว่าเป็นไปไม่ได้” ผู้บริหารบริษัทหลักทรัพย์จัดการลงทุนรายใหญ่แห่งหนึ่งกล่าว
พร้อมทั้งอธิบายเพิ่มเติมอีกว่า แค่เมืองไทยยังทำยาก บ้านเราผลตอบแทนจากตราสารหนี้ปีหนึ่งมีเพียง 2-3% ให้บริหารอีก 10 ปีก็ยังทำไม่ได้ 30% ยิ่งบอกว่าลงทุนในตราสารหนี้อย่างในสหรัฐฯ หรือยุโรป รวมถึงประเทศในแถบเอเชียที่ส่วนใหญ่ก็มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมา ยิ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะอัตราดอกเบี้ยในต่างประเทศส่วนใหญ่ต่ำกว่าประเทศไทยมาก อย่างสหรัฐฯ เกือบจะเหลือ 0% แล้ว ข้ออ้างเหล่านี้จะเป็นจริงได้อย่างไร
ลูกค้าหลายรายได้เข้ามาปรึกษาถึงปัญหาเหล่านี้ เนื่องจากได้รับการติดต่อหรือเชิญให้ไปฟังบรรยาย เราได้แค่บอกว่าอย่าไปลงทุน เพราะขนาดเราเป็นคนบริหารเงินของกองทุนรวม ผลตอบแทนที่ผ่านมายังทำได้ระดับหนึ่งตามสภาพตลาด และคนที่บริหารกองทุนเก่งๆ ของโลกยังทำผลตอบแทนในระดับนี้ไม่ได้เลย
บางคนรู้แต่ขออยู่ระดับบน
พ.ต.อ.สถิตย์ พรมอุทัย ผู้กำกับการ 5 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) กล่าวว่า ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายแล้ว 1 คดี และหากได้รับความเสียหายจากรายอื่นๆ ให้แจ้งมายัง ปอศ.ได้
แหล่งข่าวจากวงการขายตรงกล่าวว่า ผลตอบแทนในระดับนี้มีเพียงแชร์ลูกโซ่เท่านั้นที่ทำกันอยู่ เราไม่ปฏิเสธว่าคนที่เข้าไปลงทุนแล้วได้รับเงินจริง แต่ถามว่าจะได้รับนานแค่ไหน ครบตามสัญญาหรือไม่ เพราะการจ่ายคืนจะเป็นการทยอยจ่ายคืน 5% บ้างหรือ 10% บ้างตามงวดที่เขากำหนด แม้อาจจะระบุว่าได้ทุกเดือน แต่วิธีการจ่ายคืนมักจะเป็นการรวบยอด เราอาจได้ทราบถึงผลตอบแทนที่ได้แต่ละเดือนจริง แต่การจ่ายจริงอาจต้องรอให้ครบตามจำนวนหนึ่งก่อน เช่น ต้องครบกี่เหรียญถึงจะจ่าย
นอกจากนี้ยังมีเรื่องของค่าธรรมเนียมที่จะถูกหักอีกส่วนหนึ่ง โดยระบุว่าเป็นค่าธรรมเนียมในการโอนเงินมาจากต่างประเทศที่อาจคิดที่ 10-20%
“คนที่เข้ามาสู่วงจรนี้มีทั้งผู้ที่รู้และไม่รู้ แต่ผู้ที่รู้จะมีจำนวนน้อย เพราะการเข้ามาสู่เครือข่ายเหล่านี้ในระยะแรกจะถือว่าเป็นแม่ทีม เมื่อสร้างลูกทีมได้แล้วลูกทีมไปหาคนอื่นเข้ามา แม่ทีมเหล่านี้ก็จะได้รับเงินตอบแทนจากผู้ที่เข้ามาใหม่ พูดง่ายๆ ว่ากินเงินจากคนใหม่ที่เข้ามา ยิ่งมีลูกทีมมากแม่ทีมก็จะได้รับผลตอบแทนมาก เป็นลักษณะพีระมิด”
ข้อสังเกตแชร์ลูกโซ่
สำหรับข้อสังเกตของการชักชวนให้ลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงอย่างนี้ว่าเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่หรือไม่นั้น มีหลายจุดที่ให้พิจารณา
เริ่มจากเครือข่ายเหล่านี้จะมีสินค้า 1 อย่างขึ้นมา โดยระบุว่าเงินของสมาชิกที่สมัครเข้ามาจะนำไปลงทุนในสินค้านี้ สินค้าดังกล่าวเป็นได้ทั้งข้าวสาร โควตาสลากกินแบ่ง น้ำหอม อัตราแลกเปลี่ยน ราคาน้ำมันหรืออื่นๆ แต่ผู้ที่ให้คำแนะนำในช่วงของการฟังบรรยายจะเน้นไปที่จำนวนเงินลงทุนและส่วนแบ่งของผลตอบแทนในกรณีหาสมาชิกใหม่เพิ่มเข้ามา ใครชักชวนให้สมาชิกใหม่ลงทุนในวงเงินสูงก็จะได้ผลตอบแทนสูงตั้งแต่ 5-12% และยังได้ค่าบริหารทีมอีก 5-12% เช่นเดียวกัน
พวกนี้จะให้น้ำหนักไปที่หาสมาชิกใหม่เป็นหลัก เนื่องจากค่าสมัครและเงินลงทุนมีมูลค่าสูง ไม่ได้เน้นไปที่การขายสินค้า หรือลงทุนในสินค้าที่ระบุไว้
แม้บริษัทเหล่านี้จะมีที่ตั้งหรือออฟฟิศที่หรูหรา แต่จะไม่มีการระบุสถานที่ไว้อย่างชัดเจน โดยส่วนใหญ่แล้วสถานที่เหล่านี้จะเป็นสัญญาเช่าแล้วลงทุนตกแต่งสถานที่ให้ดูดี นอกจากนี้ไม่มีการระบุชื่อของบริษัท แต่จะเป็นแค่ชื่อของกลุ่มที่ตั้งขึ้นมา เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ คนที่จะเข้าไปฟังบรรยายต้องผ่านบุคคลอื่นแนะนำมา
สำหรับกรณีของเครือข่ายที่เริ่มมีปัญหาในการจ่ายเงินคืนให้กับสมาชิก จะมีชาวต่างชาติเป็นต้นทางและมีแม่ทีมคนไทยเป็นผู้ช่วย ไม่ต่างกับรายที่กำลังเปิดให้บริการอยู่ แม้ว่าการมีชาวต่างชาติมาจะทำให้เครือข่ายเหล่านี้ดูน่าเชื่อถือ แต่หากพิจารณาถึงข้อสังเกตต่างๆ แล้วจะพบว่าธุรกิจเหล่านี้ไม่ได้นำเอาเงินของสมาชิกไปลงทุนจริงตามที่กล่าวอ้าง
ประการต่อมา ผลตอบแทนที่สูงนั้นได้มาจากการขายสินค้าหรือลงทุนจริงหรือไม่ เพราะสินค้าและการลงทุนจริงๆ จะต้องเป็นไปตามกลไกตลาด ดังนั้นผลตอบแทนที่ได้จะมีตัวชี้วัดตามเกณฑ์มาตรฐาน อย่างเช่น อัตราแลกเปลี่ยน ราคาน้ำมันหรือหุ้น การขึ้นลงจะต้องมีปัจจัยเข้ามาสนับสนุนและเช็กความเคลื่อนไหวของราคาได้
ต้มแน่-บาทคงที่
หากลองสังเกตให้ดี ไม่ว่าจะเป็นการค้าเงินตราต่างประเทศ ค้าน้ำมันหรือในรูปของกองทุนรวมลงทุนในต่างประเทศ เกือบทุกแห่งจะกำหนดตัวอัตราแลกเปลี่ยนไว้ตายตัว เช่น ตอนเข้าลงทุนจะกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนไว้ที่ 34-35 บาท แต่ตอนรับเงินคืนจะกำหนดจ่ายที่อัตรา 31-32 บาทตลอดอายุสัญญา ขณะที่อัตราแลกเปลี่ยนในปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 29 บาทเท่านั้น
ส่วนต่างราว 5-6 บาทต่อเหรียญเมื่อเทียบกับค่าเงินบาทในปัจจุบัน ตัวบริษัทจะได้จากผู้ที่สมัครเข้ามาเป็นสมาชิก หรือผู้ที่ต้องการลงทุนเพิ่ม หากลงทุน 1,000 เหรียญ ก็จะได้เงินไปฟรีๆ 3,000-6,000 บาท นอกจากนี้ในการทำธุรกรรมแต่ละครั้งจะมีค่าธรรมเนียมอีกราว 500 กว่าบาท
นอกจากนี้ทางเครือข่ายจะกำหนดราคาของหน่วยลงทุนออกมาเป็นรายเดือน คนที่เข้ามารายหลังๆ ย่อมต้องจ่ายแพงขึ้น ทำให้ดูเหมือนกับเงินลงทุนของคนรุ่นก่อนเพิ่มพูนขึ้น แต่อีกนัยหนึ่งเท่ากับเป็นการเร่งให้คนที่มาฟังบรรยายตัดสินใจลงทุนเร็วขึ้น
ปกติกองทุนรวมจะมีทั้งกองทุนปิดและกองทุนเปิด กองทุนปิดจะเป็นการเสนอขายหน่วยลงทุนในช่วงแรกเท่านั้น หลังจากนั้นจะไม่สามารถซื้อหน่วยลงทุนเพิ่มเติมได้ ต้องรอให้ครบกำหนดจึงจะคืนหน่วยลงทุนพร้อมผลตอบแทน ส่วนกองทุนเปิดจะเปิดให้ซื้อขายได้ทุกวันและราคาจะขึ้นลงตามสภาพการลงทุน ดังนั้นมูลค่าหน่วยลงทุนจึงสามารถตรวจสอบได้ทุกวัน ซึ่งขัดแย้งกับการกำหนดมูลค่าหน่วยลงทุนเป็นรายเดือน
ไม่ลงทุน
เครือข่ายเหล่านี้ยังมีการทำตลาดเพื่อหาสมาชิกใหม่ผ่าน Social Network โดยเข้าไปฝากข้อมูลเบื้องต้นไว้ตามเว็บไซต์ที่ให้บริการฟรีต่างๆ หรือเปิดเฟซบุ๊ก หรือทำเป็น blogspot โดยทิ้งชื่อและเบอร์โทรศัพท์ไว้ คนที่สนใจก็จะโทรศัพท์ไปสอบถามแล้วมีการนัดหมายให้มาฟังบรรยาย เท่ากับผู้ที่สนใจกลายเป็นลูกทีมของตัวแทนคนนั้นทันที หากผู้ที่เข้าฟังบรรยายสนใจสมัครตัวแทนก็จะได้เงินจากลูกทีมใหม่ที่เข้ามา
ข้อน่าสังเกตคือตัวแทนเหล่านี้ไปฝากประกาศผ่านเว็บไซต์ฟรี ขัดแย้งกับการเป็นบริษัทใหญ่ทางการเงินที่มีความมั่นคง ซึ่งควรจะมีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง ระบุชื่อ ที่ตั้งสถานที่ พร้อมเบอร์ติดต่อสำนักงานอย่างเปิดเผย และหากจะประชาสัมพันธ์สินค้าของตัวเองก็น่าจะดำเนินการผ่านเว็บไซต์หลัก
แหล่งข่าวจากธุรกิจขายตรงกล่าวเพิ่มเติมว่า ขออนุญาตกล่าวตรงๆ ว่าผู้ที่เข้าไปส่วนใหญ่ต้องการได้ผลตอบแทนมากๆ ทั้งสิ้น หรือจะเรียกว่า “โลภ” ก็ได้ แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีการจับกุมเครือข่ายเหล่านี้หลายครั้ง พวกที่รอดก็จะหันไปสร้างสินค้าใหม่ ซึ่งก็ยังมีคนที่พร้อมจะเป็นเหยื่อให้มิจฉาชีพเหล่านี้หลอกลวงได้ตลอดเวลา
การเข้าจับกุมแชร์ลูกโซ่เครือข่ายต่างๆ แม้จะมีให้เห็นอยู่อย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นแชร์ลอตเตอรี่ แชร์น้ำหอม ค้าเงิน ค้าน้ำมันและอื่นๆ เมื่อรายเก่าถูกปิดไป ก็มีรายใหม่ผุดขึ้นมา หมุนเวียนหลอกเอาเงินทั้งคนที่รู้และไม่รู้ ภายใต้ความโลภของคนที่ต้องการลงทุนน้อยแล้วได้ผลตอบแทนมาก
เครือข่ายของ “เงินสดง่ายๆ” ที่ยอดพีระมิดกำลังใกล้ล่มสลาย และมีการร้องเรียนเรื่องนี้ไปที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) และอยู่ในระหว่างการติดตามข้อมูล
ขณะที่เครือข่ายเหล่านี้จำนวนหนึ่งกำลังเตรียมการโยกย้ายไปยังบ้านหลังใหม่ “กำไรจากเงินสด” หลังจากที่สมาชิกที่เข้าร่วมลงทุนในบ้านหลังเดิมเริ่มไม่ได้รับเงินส่วนแบ่งตามสัญญา
จากคำเชิญชวนลงทุนเพียง 1,000 เหรียญสหรัฐ ครบ 1 ปีได้เงิน 55,000 เหรียญสหรัฐ หรือใช้เงินลงทุนราว 30,000 บาท แล้วได้เงิน 1,650,000 บาท มาเป็นลงทุน 1,000 เหรียญ เพียง 90 วัน ได้รับผลตอบแทนราว 2,700 เหรียญ
ใครที่เห็นตัวเลขของผลตอบแทนย่อมตาโตเป็นเรื่องปกติ จนลืมนึกถึงความเป็นจริงและความเป็นไปได้ว่าเขาเอาเงินของท่านไปลงทุนอะไรและลงทุนจริงหรือไม่
โฉมใหม่เป็นกองทุนรวม
นอกเหนือไปจากคำกล่าวอ้างว่านำเงินไปลงทุนในอัตราแลกเปลี่ยน (Forex) แล้ว ยังมีเครือข่ายอื่นๆ ที่ได้สร้างเป้าหมายของการลงทุนว่าเป็นกองทุนรวม นำเงินไปลงทุนต่างประเทศ โดยเป็นกองทุนไร้ความเสี่ยง ประกันเงินลงทุน 100% กองทุนนี้มีอายุ 2 ปี จ่ายเงินปันผลรายวัน ทำเงิน 10 ล้านบาทใน 2 ปี
คำว่า “กองทุนรวม” นี้ ทำเอาสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) สมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ถึงกับนั่งไม่ติด เนื่องจากช่องทางการลงทุนดังกล่าวมีการระบุชื่อถึงบริษัทที่มีตัวตนอยู่จริงในต่างประเทศ ที่มีวิว ทิวทัศน์สวยงาม ที่ละครดังของไทยไปถ่ายทำในประเทศนี้มาแล้ว และชื่อยังใกล้เคียงกับบริษัทใหญ่ในสหรัฐฯ อย่างมอร์แกน สแตนเลย์
หากพิจารณาจากตารางเชิญชวนกับเงินลงทุนที่คิดเป็นเงินบาท 142,275 บาท กับผลตอบแทนที่ได้รับเมื่อครบ 2 ปีจะได้รับเงิน 686,839 บาท คิดเป็นผลตอบแทนทั้งสิ้น 380% หรือปีละ 190%
ที่ผ่านมาคนไทยคุ้นเคยกับกองทุนรวมมาไม่น้อยกว่า 20 ปี ดังนั้นชื่อของกองทุนรวมจึงเป็นที่รับรู้ของคนไทยระดับหนึ่ง ยิ่งมาตอกย้ำด้วยคำว่ากองทุนไร้ความเสี่ยง ประกันเงินลงทุน 100% ยิ่งเรียกลูกค้าคนไทยได้ง่ายขึ้น
รวมไปถึงวิธีการทำการตลาดที่ใช้โรงแรมหรูกลางกรุงเทพฯ เป็นสถานที่จัดงานเปิดตัว และยังมีการทำประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อออนไลน์ ทั้งเว็บไซต์ เฟซบุ๊ก หรือ blogspot รวมไปถึงการแสดงภาพที่บริษัทแห่งนี้ได้พาสมาชิกเดินทางไปดูงานและท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น ไม่แตกต่างกับบริษัททั่วไปที่มอบรางวัลให้กับตัวแทนที่สามารถทำยอดได้ตามเป้าที่บริษัทกำหนดไว้
ความน่าเชื่อถือถูกออกแบบผ่านโลกของ Social Network ด้วยการหาข้อมูลด้านการลงทุน กองทุนรวม โดยเชื่อมโยงหรือทำ Link กับเว็บไซต์ของกองทุนรวมที่ถูกต้องตามกฎหมายและยังทำ Link ข้อมูลกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
นอกจากนี้ยังมีการแจกแจงถึงเงินลงทุน แบ่งเป็น 70% ลงทุนในตราสารหนี้ ที่เหลือลงทุนในการซื้อขายเงินตราต่างประเทศ (Forex) ทองคำ ตราสารอนุพันธ์และหุ้นชื่อดังในสหรัฐอเมริกา
เมื่อตรวจสอบลงไปถึงสำนักงานที่ตั้งของกิจการแห่งนี้ กลับไม่พบรายละเอียดกำหนดไว้ ทุกอย่างจะต้องผ่านการติดต่อทางโทรศัพท์กับบุคคลที่ทิ้งชื่อไว้บนเว็บไซต์ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเว็บไซต์ที่เปิดให้ฝากประกาศหรือโฆษณาฟรี หรือมีการเปิดเฟซบุ๊กต่างๆ พร้อมเบอร์โทรศัพท์ติดต่อ
อ้างของจริงแต่กลัวลงทุนไม่จริง
ทีม Special Scoop ผู้จัดการรายวัน สอบถามไปยังหน่วยงานของไทยทั้ง ก.ล.ต. สมาคมจัดการลงทุนและบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนหลายแห่ง ได้รับคำตอบว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบเรื่องดังกล่าว โดยในเว็บไซต์ของ ก.ล.ต.จะปรากฏรายชื่อเว็บไซต์ของบริษัทนี้ในหน้า Investor Alert (http://www.sec.or.th/investor_edu/Content_alert.jsp?categoryID=CAT0000765&lang=th) ว่าไม่ได้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต. และยังพบบางรายชื่อที่เข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ ขณะที่สมาคมบริษัทจัดการลงทุนอยู่ระหว่างการประกาศเตือนนักลงทุนให้ระวัง
“ข้อมูลที่เครือข่ายนี้ระบุไว้บนเว็บไซต์ มีการตรวจสอบในเบื้องต้นว่ามีอยู่จริง ทำให้เราต้องให้หน่วยงานอย่าง ก.ล.ต.ตรวจสอบหรือประสานงานกับบริษัทในต่างประเทศก่อน เพราะเกรงว่าถ้าทำอย่างเป็นจริงแล้ว อาจจะมีการฟ้องร้องมาที่หน่วยงานในประเทศไทยได้ แต่ด้านหนึ่งที่บริษัทเหล่านี้เข้าข่ายผิดคือการประกอบธุรกิจกองทุนรวมโดยไม่มีใบอนุญาต ซึ่งต้องดูในข้อกฎหมายและพฤติกรรมของบริษัทนี้อีกครั้งหนึ่ง” แหล่งข่าวจากสมาคมบริษัทจัดการลงทุนกล่าว
ขณะที่เราเกรงว่าเครือข่ายเหล่านี้พยายามสร้างความน่าเชื่อถือด้วยการนำเอาบริษัทต่างๆ ที่มีตัวตนอยู่จริงมาแอบอ้าง แต่ไม่ได้มีการส่งเงินไปลงทุนในต่างประเทศจริงอย่างที่ได้แจ้งต่อผู้ลงทุนไว้
กองทุนไร้ความเสี่ยง-ไม่มี
ส่วนที่ระบุว่าเป็น “กองทุนไร้ความเสี่ยง ประกันเงินลงทุน 100%” สำหรับในประเทศไทยแล้วกองทุนทุกประเภทมีความเสี่ยงทั้งสิ้น ขึ้นอยู่กับนโยบายลงทุนว่าเสี่ยงมากหรือเสี่ยงน้อย แต่สิ่งที่ใกล้เคียงกับกองทุนรวมในเมืองไทย คือ เมืองไทยมีกองทุนคุ้มครองเงินต้น โดยจะแบ่งสัดส่วนการลงทุนเอาไว้โดยเลือกที่จะลงทุนในตลาดตราสารหนี้สัดส่วนที่เกินกว่า 80% บางกองลงทุนทั้ง 100%
“ที่บอกว่า 70% ของเงินต้นลงทุนในตราสารหนี้เมื่อครบ 2 ปี ได้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นมา 30% เพื่อเติมเงินต้นให้ครบ 100% ที่เหลืออีก 30% ของเงินต้นนำไปลงทุนด้านอื่นๆ เพื่อให้ผลตอบแทนงอกเงยเพิ่มขึ้น ตอบได้เลยว่าเป็นไปไม่ได้” ผู้บริหารบริษัทหลักทรัพย์จัดการลงทุนรายใหญ่แห่งหนึ่งกล่าว
พร้อมทั้งอธิบายเพิ่มเติมอีกว่า แค่เมืองไทยยังทำยาก บ้านเราผลตอบแทนจากตราสารหนี้ปีหนึ่งมีเพียง 2-3% ให้บริหารอีก 10 ปีก็ยังทำไม่ได้ 30% ยิ่งบอกว่าลงทุนในตราสารหนี้อย่างในสหรัฐฯ หรือยุโรป รวมถึงประเทศในแถบเอเชียที่ส่วนใหญ่ก็มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมา ยิ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะอัตราดอกเบี้ยในต่างประเทศส่วนใหญ่ต่ำกว่าประเทศไทยมาก อย่างสหรัฐฯ เกือบจะเหลือ 0% แล้ว ข้ออ้างเหล่านี้จะเป็นจริงได้อย่างไร
ลูกค้าหลายรายได้เข้ามาปรึกษาถึงปัญหาเหล่านี้ เนื่องจากได้รับการติดต่อหรือเชิญให้ไปฟังบรรยาย เราได้แค่บอกว่าอย่าไปลงทุน เพราะขนาดเราเป็นคนบริหารเงินของกองทุนรวม ผลตอบแทนที่ผ่านมายังทำได้ระดับหนึ่งตามสภาพตลาด และคนที่บริหารกองทุนเก่งๆ ของโลกยังทำผลตอบแทนในระดับนี้ไม่ได้เลย
บางคนรู้แต่ขออยู่ระดับบน
พ.ต.อ.สถิตย์ พรมอุทัย ผู้กำกับการ 5 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) กล่าวว่า ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายแล้ว 1 คดี และหากได้รับความเสียหายจากรายอื่นๆ ให้แจ้งมายัง ปอศ.ได้
แหล่งข่าวจากวงการขายตรงกล่าวว่า ผลตอบแทนในระดับนี้มีเพียงแชร์ลูกโซ่เท่านั้นที่ทำกันอยู่ เราไม่ปฏิเสธว่าคนที่เข้าไปลงทุนแล้วได้รับเงินจริง แต่ถามว่าจะได้รับนานแค่ไหน ครบตามสัญญาหรือไม่ เพราะการจ่ายคืนจะเป็นการทยอยจ่ายคืน 5% บ้างหรือ 10% บ้างตามงวดที่เขากำหนด แม้อาจจะระบุว่าได้ทุกเดือน แต่วิธีการจ่ายคืนมักจะเป็นการรวบยอด เราอาจได้ทราบถึงผลตอบแทนที่ได้แต่ละเดือนจริง แต่การจ่ายจริงอาจต้องรอให้ครบตามจำนวนหนึ่งก่อน เช่น ต้องครบกี่เหรียญถึงจะจ่าย
นอกจากนี้ยังมีเรื่องของค่าธรรมเนียมที่จะถูกหักอีกส่วนหนึ่ง โดยระบุว่าเป็นค่าธรรมเนียมในการโอนเงินมาจากต่างประเทศที่อาจคิดที่ 10-20%
“คนที่เข้ามาสู่วงจรนี้มีทั้งผู้ที่รู้และไม่รู้ แต่ผู้ที่รู้จะมีจำนวนน้อย เพราะการเข้ามาสู่เครือข่ายเหล่านี้ในระยะแรกจะถือว่าเป็นแม่ทีม เมื่อสร้างลูกทีมได้แล้วลูกทีมไปหาคนอื่นเข้ามา แม่ทีมเหล่านี้ก็จะได้รับเงินตอบแทนจากผู้ที่เข้ามาใหม่ พูดง่ายๆ ว่ากินเงินจากคนใหม่ที่เข้ามา ยิ่งมีลูกทีมมากแม่ทีมก็จะได้รับผลตอบแทนมาก เป็นลักษณะพีระมิด”
ข้อสังเกตแชร์ลูกโซ่
สำหรับข้อสังเกตของการชักชวนให้ลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงอย่างนี้ว่าเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่หรือไม่นั้น มีหลายจุดที่ให้พิจารณา
เริ่มจากเครือข่ายเหล่านี้จะมีสินค้า 1 อย่างขึ้นมา โดยระบุว่าเงินของสมาชิกที่สมัครเข้ามาจะนำไปลงทุนในสินค้านี้ สินค้าดังกล่าวเป็นได้ทั้งข้าวสาร โควตาสลากกินแบ่ง น้ำหอม อัตราแลกเปลี่ยน ราคาน้ำมันหรืออื่นๆ แต่ผู้ที่ให้คำแนะนำในช่วงของการฟังบรรยายจะเน้นไปที่จำนวนเงินลงทุนและส่วนแบ่งของผลตอบแทนในกรณีหาสมาชิกใหม่เพิ่มเข้ามา ใครชักชวนให้สมาชิกใหม่ลงทุนในวงเงินสูงก็จะได้ผลตอบแทนสูงตั้งแต่ 5-12% และยังได้ค่าบริหารทีมอีก 5-12% เช่นเดียวกัน
พวกนี้จะให้น้ำหนักไปที่หาสมาชิกใหม่เป็นหลัก เนื่องจากค่าสมัครและเงินลงทุนมีมูลค่าสูง ไม่ได้เน้นไปที่การขายสินค้า หรือลงทุนในสินค้าที่ระบุไว้
แม้บริษัทเหล่านี้จะมีที่ตั้งหรือออฟฟิศที่หรูหรา แต่จะไม่มีการระบุสถานที่ไว้อย่างชัดเจน โดยส่วนใหญ่แล้วสถานที่เหล่านี้จะเป็นสัญญาเช่าแล้วลงทุนตกแต่งสถานที่ให้ดูดี นอกจากนี้ไม่มีการระบุชื่อของบริษัท แต่จะเป็นแค่ชื่อของกลุ่มที่ตั้งขึ้นมา เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ คนที่จะเข้าไปฟังบรรยายต้องผ่านบุคคลอื่นแนะนำมา
สำหรับกรณีของเครือข่ายที่เริ่มมีปัญหาในการจ่ายเงินคืนให้กับสมาชิก จะมีชาวต่างชาติเป็นต้นทางและมีแม่ทีมคนไทยเป็นผู้ช่วย ไม่ต่างกับรายที่กำลังเปิดให้บริการอยู่ แม้ว่าการมีชาวต่างชาติมาจะทำให้เครือข่ายเหล่านี้ดูน่าเชื่อถือ แต่หากพิจารณาถึงข้อสังเกตต่างๆ แล้วจะพบว่าธุรกิจเหล่านี้ไม่ได้นำเอาเงินของสมาชิกไปลงทุนจริงตามที่กล่าวอ้าง
ประการต่อมา ผลตอบแทนที่สูงนั้นได้มาจากการขายสินค้าหรือลงทุนจริงหรือไม่ เพราะสินค้าและการลงทุนจริงๆ จะต้องเป็นไปตามกลไกตลาด ดังนั้นผลตอบแทนที่ได้จะมีตัวชี้วัดตามเกณฑ์มาตรฐาน อย่างเช่น อัตราแลกเปลี่ยน ราคาน้ำมันหรือหุ้น การขึ้นลงจะต้องมีปัจจัยเข้ามาสนับสนุนและเช็กความเคลื่อนไหวของราคาได้
ต้มแน่-บาทคงที่
หากลองสังเกตให้ดี ไม่ว่าจะเป็นการค้าเงินตราต่างประเทศ ค้าน้ำมันหรือในรูปของกองทุนรวมลงทุนในต่างประเทศ เกือบทุกแห่งจะกำหนดตัวอัตราแลกเปลี่ยนไว้ตายตัว เช่น ตอนเข้าลงทุนจะกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนไว้ที่ 34-35 บาท แต่ตอนรับเงินคืนจะกำหนดจ่ายที่อัตรา 31-32 บาทตลอดอายุสัญญา ขณะที่อัตราแลกเปลี่ยนในปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 29 บาทเท่านั้น
ส่วนต่างราว 5-6 บาทต่อเหรียญเมื่อเทียบกับค่าเงินบาทในปัจจุบัน ตัวบริษัทจะได้จากผู้ที่สมัครเข้ามาเป็นสมาชิก หรือผู้ที่ต้องการลงทุนเพิ่ม หากลงทุน 1,000 เหรียญ ก็จะได้เงินไปฟรีๆ 3,000-6,000 บาท นอกจากนี้ในการทำธุรกรรมแต่ละครั้งจะมีค่าธรรมเนียมอีกราว 500 กว่าบาท
นอกจากนี้ทางเครือข่ายจะกำหนดราคาของหน่วยลงทุนออกมาเป็นรายเดือน คนที่เข้ามารายหลังๆ ย่อมต้องจ่ายแพงขึ้น ทำให้ดูเหมือนกับเงินลงทุนของคนรุ่นก่อนเพิ่มพูนขึ้น แต่อีกนัยหนึ่งเท่ากับเป็นการเร่งให้คนที่มาฟังบรรยายตัดสินใจลงทุนเร็วขึ้น
ปกติกองทุนรวมจะมีทั้งกองทุนปิดและกองทุนเปิด กองทุนปิดจะเป็นการเสนอขายหน่วยลงทุนในช่วงแรกเท่านั้น หลังจากนั้นจะไม่สามารถซื้อหน่วยลงทุนเพิ่มเติมได้ ต้องรอให้ครบกำหนดจึงจะคืนหน่วยลงทุนพร้อมผลตอบแทน ส่วนกองทุนเปิดจะเปิดให้ซื้อขายได้ทุกวันและราคาจะขึ้นลงตามสภาพการลงทุน ดังนั้นมูลค่าหน่วยลงทุนจึงสามารถตรวจสอบได้ทุกวัน ซึ่งขัดแย้งกับการกำหนดมูลค่าหน่วยลงทุนเป็นรายเดือน
ไม่ลงทุน
เครือข่ายเหล่านี้ยังมีการทำตลาดเพื่อหาสมาชิกใหม่ผ่าน Social Network โดยเข้าไปฝากข้อมูลเบื้องต้นไว้ตามเว็บไซต์ที่ให้บริการฟรีต่างๆ หรือเปิดเฟซบุ๊ก หรือทำเป็น blogspot โดยทิ้งชื่อและเบอร์โทรศัพท์ไว้ คนที่สนใจก็จะโทรศัพท์ไปสอบถามแล้วมีการนัดหมายให้มาฟังบรรยาย เท่ากับผู้ที่สนใจกลายเป็นลูกทีมของตัวแทนคนนั้นทันที หากผู้ที่เข้าฟังบรรยายสนใจสมัครตัวแทนก็จะได้เงินจากลูกทีมใหม่ที่เข้ามา
ข้อน่าสังเกตคือตัวแทนเหล่านี้ไปฝากประกาศผ่านเว็บไซต์ฟรี ขัดแย้งกับการเป็นบริษัทใหญ่ทางการเงินที่มีความมั่นคง ซึ่งควรจะมีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง ระบุชื่อ ที่ตั้งสถานที่ พร้อมเบอร์ติดต่อสำนักงานอย่างเปิดเผย และหากจะประชาสัมพันธ์สินค้าของตัวเองก็น่าจะดำเนินการผ่านเว็บไซต์หลัก
แหล่งข่าวจากธุรกิจขายตรงกล่าวเพิ่มเติมว่า ขออนุญาตกล่าวตรงๆ ว่าผู้ที่เข้าไปส่วนใหญ่ต้องการได้ผลตอบแทนมากๆ ทั้งสิ้น หรือจะเรียกว่า “โลภ” ก็ได้ แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีการจับกุมเครือข่ายเหล่านี้หลายครั้ง พวกที่รอดก็จะหันไปสร้างสินค้าใหม่ ซึ่งก็ยังมีคนที่พร้อมจะเป็นเหยื่อให้มิจฉาชีพเหล่านี้หลอกลวงได้ตลอดเวลา
