xs
xsm
sm
md
lg

ใบสั่ง “พ่อแม้ว” จัดการศาล รธน.เสร็จ- “เสื้อแดง”ขับไล่อีก 3 องค์กร!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“เสื้อแดง” นับวันยิ่งเหิมเกริม บุกปิดล้อมดะ ทั้งศาลรัฐธรรมนูญ-แบงก์ชาติ นักวิชาการชี้ผลประโยชน์เข้า “ทักษิณ” เต็มๆ โดยเฉพาะการล้มศาลรัฐธรรมนูญ ถ้าสำเร็จก็ดาหน้าล้มองค์กรอิสระอื่นๆ เชื่อคิวต่อไป “ป.ป.ช.-กกต.-สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน” ขณะที่เสื้อแดงกดดันผู้ว่าแบงก์ชาติ เบื้องหลังน่าจะเกี่ยวพันผลประโยชน์การเก็งกำไรค่าเงิน ด้าน “ปณิธาน” ระบุ รัฐบาลควรหยุดความขัดแย้ง เร่งให้ความรู้ประชาชนที่ถูกต้อง ขณะที่ “นพ.เหวง”- “ไพจิต” ชี้แท้จริงแล้ว “นปช.ส่วนกลาง-พรรคเพื่อไทย” ไม่เห็นด้วย!

ในการปกครองระบอบประชาธิปไตย ที่ได้รัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง โดยเฉพาะรัฐบาลของตระกูลชินวัตรตั้งแต่ยุค พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่มีการส่งไม้ต่อเรื่อยมา จนถึงปัจจุบันที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ล้วนแต่ประกาศความภาคภูมิใจในชัยชนะของการเลือกตั้งมาโดยตลอด แต่น่าแปลกที่ภายใต้การดำเนินงานของรัฐบาลนี้กลับพบการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่สนับสนุนรัฐบาลเองเคลื่อนไหวชุมนุมและขยายวงกว้างได้อย่างไม่ต้องเกรงกลัวอะไรทั้งสิ้น

โดยเฉพาะกรณีของกลุ่มคนเสื้อแดง หรือ นปช. กลุ่มแนวร่วมต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ที่มีการชุมนุมเรียกร้องมาโดยตลอด และมาหนักในช่วงเดือนเมษาร้อนนี้ ซึ่งเป็นช่วงที่การเมืองกำลังร้อนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การผลักดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม และการให้คำชี้แจงต่อศาลอาญาระหว่างประเทศกรณีปราสาทพระวิหาร ฯลฯ

เสื้อแดงกลับป่วนที่สุดในช่วงเดือนเมษายนนี้!

ไม่ว่าจะเป็นการปิดถนนทางเข้ามหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ ต้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่จะเดินทางขึ้นเวทีปราศรัย เดินหน้าผ่าความจริง ในวันที่ 20 เมษายน, การปิดล้อมศาลรัฐธรรมนูญ โดยกลุ่มคนเสื้อแดงในนามกลุ่มผู้กล้าประชาธิปไตย ประมาณ 200 คน ที่เรียกร้องให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 คนยุติการทำงานในหน้าที่ และเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญใหม่ โดยการเลือกตั้งตรงจากประชาชน

และกลุ่มคนเสื้อแดงอีกนั่นแหละที่เดินทางไปบุกธนาคารแห่งประเทศไทย ยื่นหนังสือกดดันให้ ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ออกจากตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (แบงก์ชาติ) ด้วยเหตุผลว่าบกพร่องในการดูแลค่าเงิน และยังไม่ยอมลดดอกเบี้ยแก้ปัญหาบาทแข็ง เมื่อวันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมา

เสื้อแดง! นับวันชักจะเหิมเกริม? เพราะเหตุใด

ค่าเงินบาท-ล้มศาลรธน.ผลประโยชน์เข้าทักษิณ

นายคมสัน โพธิ์คง อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงในเวลานี้นั้น ไม่ได้มีเหตุผลทางการเมืองเลย โดยเฉพาะการที่คนเสื้อแดงไปบุกแบงก์ชาติ คำถามคือ แท้จริงแล้วกลุ่มคนเสื้อแดงเข้าใจปัญหาภาคเศรษฐกิจแค่ไหน ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่จะเข้าใจโดยง่าย เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับภาพรวมทางเศรษฐกิจที่เข้าใจยาก ดังนั้นจึงแสดงให้เห็นชัดว่า มีกระบวนการผลักดันให้คนเสื้อแดงมีการขับเคลื่อนไปชุมนุมที่ต่างๆ ซึ่งน่าจะเกี่ยวข้องกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และคนใกล้ชิด

อย่างไรก็ดี ในทรรศนะเชื่อว่า การที่มีความเคลื่อนไหวของมวลชนเสื้อแดง ท้ายที่สุดแล้ว เป็นเพียงเรื่องของผลประโยชน์ที่ดำเนินการเป็นประโยชน์ต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งสิ้น เพราะการเคลื่อนไหวไปปิดล้อมกดดันศาลรัฐธรรมนูญ คนเสื้อแดงนอกจากจะบอกว่า ต้องการให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 คน ลาออกจากตำแหน่งแล้ว ยังต้องการให้มีการเปลี่ยนที่มาของการเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ โดยให้มีการเลือกตั้งตรง หรือการไปบุกแบงก์ชาติเพื่อกดดันให้ผู้ว่าฯ ประสารลาออก ทั้ง 2 เรื่องล้วนมีประโยชน์แอบแฝงจากฝ่ายการเมือง

อีกทั้งการให้มีการเลือกตั้งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญโดยตรง ก็เป็นความต้องการของพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว ดังจะเห็นได้จากแผนการล้มอำนาจองค์กรอิสระต่างๆ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญในขณะนี้เป็นส่วนที่ขัดขวางการล้มอำนาจองค์กรอิสระที่ พ.ต.ท.ทักษิณต้องการ แต่หากทำลายอำนาจศาลรัฐธรรมนูญได้ การล้มองค์กรอิสระอื่นๆ จะมีตามมาอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ป.ป.ช. กกต เป็นต้น

สำหรับการกดดันผู้ว่าแบงก์ชาติ ในกรณีค่าเงินบาท อย่าลืมว่าในอดีตที่ผ่านมา คนที่ได้ประโยชน์อย่างมากในการเก็งกำไรค่าเงินตั้งแต่ปี 2540 คือ พ.ต.ท.ทักษิณ เองใช่หรือไม่?

ดังนั้นเรื่องผลประโยชน์ในเรื่องค่าเงินจึงเป็นเรื่องที่ต้องตั้งคำถามของการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงในจุดนี้

“ดูให้ดี พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังเปิดแนวรบในทุกด้าน ทั้งการแก้รัฐธรรมนูญ การปรองดอง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เงินกู้ 2 ล้านล้าน ทั้งหมดมีการเคลื่อนไหวที่ล้วนผิดปกติ และปราศจากเหตุผล”

เมื่อวิเคราะห์จากเหตุและผลเชื่อว่า แผนการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อล้มองค์กรอิสระนั้น โดยการ “สั่ง” ให้คนเสื้อแดงไปชุมนุมกดดันศาลรัฐธรรมนูญในเวลานี้นั้น พ.ต.ท.ทักษิณจะเป็นผู้ที่ได้ประโยชน์ทั้งขึ้นทั้งล่อง

เพราะหากพรรคเพื่อไทยเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญสำเร็จ ศาลรัฐธรรมนูญก็จะไม่เป็นเสี้ยนหนามในการแก้หรือล้มองค์กรอิสระอื่นๆ ต่อไปอย่างที่กล่าวมา แต่หากแก้รัฐธรรมนูญไม่สำเร็จ การขับเคลื่อนมวลชนเสื้อแดงก็ทำให้เกิดภาพการเข้าใจที่ผิดต่อศาลรัฐธรรมนูญได้เป็นอย่างดี รวมทั้งเป็นการแสดงให้เห็นว่าคนที่ต้องการให้ล้มศาลรัฐธรรมนูญนั้นเป็นภาคประชาชนเอง ไม่ใช่ภาคการเมือง

อย่างไรก็ดี สำหรับ ป.ป.ช. นั้นนับเป็นเสี้ยนหนามสำคัญของคนตระกูลชินวัตรมาตลอด ตั้งแต่คดีซุกหุ้นของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จนล่าสุดก็เป็นคิวน้องสาว ยิ่งลักษณ์ ที่โดนคดีให้บริษัทสามีกู้ 30 ล้านบาทจนเกือบหลุดตำแหน่งมาแล้ว ดังนั้น การแก้กฎหมายรัฐธรรมนูญของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยจึงมีความคิดที่จะแก้ในส่วนของที่มาของป.ป.ช.ให้มาจากสภาฯ หรือฝ่ายการเมืองเบ็ดเสร็จ เช่นเดียวกับ กกต. (สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง)

โดยผู้ตรวจการแผ่นดินนั้น ที่ผ่านมา เป็นบุคคลที่พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งตามคำแนะนำของวุฒิสภา จากผู้ซึ่งเป็นที่ยอมรับนับถือของประชาชน มีความรอบรู้และมีประสบการณ์ในการบริหารราชการแผ่นดิน วิสาหกิจ หรือกิจกรรมอันเป็นประโยชน์ร่วมกันของสาธารณะ และมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ มีวาระดำรงตำแหน่ง 6 ปี หน้าที่สำคัญสามารถยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ในกรณีที่เห็นว่ากฎหมายใดขัดต่อรัฐธรรมนูญ และสามารถยื่นคำร้องต่อศาลปกครองได้ในกรณีที่คำสั่งของบุคคลใดขัดต่อรัฐธรรมนูญ และดำเนินการเกี่ยวกับจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและเจ้าหน้าที่ของรัฐได้ด้วย

เสี้ยนหนามทั้งหมดของทักษิณ ก็ยังมีสิทธิที่กลุ่มคนเสื้อแดงฝ่ายบู๊จะไปเคลื่อนไหวกดดันด้วยประการละฉะนี้

ทั้งหมดจึงเป็นประโยชน์กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ในระยะยาว!

องค์กรอิสระอื่นๆ มีแนวโน้มถูกกดดันรายต่อไป?

เหวงชี้ นปช.ส่วนกลางจับตา 2 องค์กร

นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช.ส่วนกลาง ให้สัมภาษณ์กับ “ทีม Special Scoop หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน” ว่า การเคลื่อนไหวของ นปช.กลุ่มที่ปิดล้อมศาลรัฐธรรมนูญในเวลานี้นั้น ทำได้ตามสิทธิเคลื่อนไหวในกรอบรัฐธรรมนูญ แต่ทาง นปช.กลางก็จะมีการไปอธิบายให้ฟังว่า การเคลื่อนไหวจะต้องไม่รุนแรง และใช้ภาษาสุภาพ แม้ว่า นปช.ส่วนกลางจะไม่เห็นด้วยกับการไปล้อมศาลรัฐธรรมนูญในขณะนี้สักเท่าไร เนื่องจากเป็นเรื่องที่ นปช.กลางเคยยื่นถอดถอนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญไปแล้ว เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2555 ในกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 ที่ศาลรัฐธรรมนูญแนะนำว่าให้มีการทำประชามติก่อน ซึ่งควรจะให้เวลาศาลรัฐธรรมนูญในการทำงาน

โดยประเมินว่า โอกาสที่ นปช.กลุ่มต่างๆ จะไปปิดล้อมองค์กรอิสระอื่นๆ ต่อเนื่องก็มีความเป็นไปได้ เพราะอาจเห็นว่ามีประเด็นที่ไม่เป็นประชาธิปไตย แต่ก็อยากบอกว่า นปช.ส่วนกลาง มีการจับตาประเด็นต่างๆ อยู่แล้ว โดยเฉพาะใน 2 เรื่องใหญ่ คือ การถอดถอนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และการทำงานของ ป.ป.ช.ในเรื่อง
ที่ ปรส.หรือ องค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน ตั้งแต่ปี 2541 สมัยรัฐบาลชวน หลีกภัย ที่มีการขายทรัพย์สิน8 แสนล้านบาท โดยคดีนี้จะหมดอายุความในเดือนมิถุนายนนี้

“นปช.ส่วนกลางจับตาทั้ง 2 กรณีนี้อยู่ตลอด และจะมีการไปถามความคืบหน้าทั้ง 2 เรื่องอย่างแน่นอน โดยจะไม่มีลักษณะการไปชุมนุมปิดล้อม แต่จะมีลักษณะการไปยื่นหนังสือเพื่อสอบถามความคืบหน้าในเรื่องดังกล่าว” นพ.เหวงกล่าว

สรุปคือ เมื่อ นปช.ส่วนกลางคุม นปช.ย่อยๆ ไม่ได้ ก็คงไม่คุม แค่ขอให้พูดจาสุภาพ และไม่กระทำผิดกฎหมาย แต่เชื่อว่าการหยิบประเด็นอื่นๆ มาเคลื่อนไหวทางการเมืองต้องมีอีกแน่!

ไพจิตหวั่นกระทบพรรค-รัฐบาล
นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การเคลื่อนไหวทางการเมืองของกลุ่มคนเสื้อแดงช่วงนี้ส่งผลลบต่อรัฐบาล และพรรคเพื่อไทย

โดยเปิดเผยว่า การชุมนุมในช่วงที่ผ่านมานั้น เป็นการกระทำของกลุ่มคนเสื้อแดงบางกลุ่มที่ไม่ผ่านความเห็นชอบ หรือไม่ได้ผ่านมติของที่ประชุม นปช.ส่วนกลาง แต่เป็นเสื้อแดงที่เป็นนักเคลื่อนไหว ที่ไวต่อความรู้สึก มีความกระตือรือร้น รู้สึกไม่ชอบมาพากลก็จะมีการแสดงออกทันที ซึ่งไม่เหมือนกับพรรคการเมืองที่เวลาจะทำอะไรจะมีผลกระทบมากกว่าจึงจะระมัดระวังในการเคลื่อนไหวมากกว่า

เนื่องจากพรรคเพื่อไทยและ นปช.เคลื่อนไหวสัมพันธ์กันมาโดยตลอด แต่เมื่อ นปช.กลุ่มย่อยๆ ไปเคลื่อนไหวทางการเมืองก็ย่อมส่งผลเสียให้พรรคเพื่อไทย และรัฐบาล ในฐานะที่กำลังเป็นฝ่ายบริหารบ้านเมืองอยู่ด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

“ตรงนี้เป็นปัญหามานานแล้ว คือ นปช.ใหญ่ต้องไปคุยกับกลุ่มย่อยๆ ว่าการเคลื่อนไหวอะไรต้องระมัดระวัง แต่ที่ผ่านมาก็มีกลุ่มย่อยๆ แสดงความไม่พอใจในเรื่องต่างๆ ซึ่งกรณีการเดินขบวนไปยื่นหนังสือที่ต่างๆ ผมเห็นว่าเป็นเรื่องปกติ แต่การไปปักหลัก กดดัน และเป็นการชุมนุมยืดเยื้อ ไม่มีจุดจบแบบนี้ รู้สึกไม่เห็นด้วย เพราะทุกวันนี้ประเทศไทยเป็นสังคมเปิด ใครมีเบื้องหน้าเบื้องหลังอย่างไร มีคนเปิดเผยได้หมด”

อย่างไรก็ดี การเดินขบวนของกลุ่มคนเสื้อแดงไปปิดล้อมองค์กรอิสระอื่นๆ นายไพจิตกล่าวว่า มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นอีก เพราะการให้ข้อมูลที่เพียงพอในเรื่องต่างๆ ถึงคนเสื้อแดงไม่ทั่วถึง และ นปช.ส่วนกลางยังควบคุมการเคลื่อนไหวทั้งหมดไม่ได้ เนื่องจากมี นปช.บางกลุ่มที่มีลักษณะกระตือรือร้น เห็นอะไรที่ไม่ชอบมาพากลก็จะออกมาเคลื่อนไหวทันที

ตรงนี้เป็นจุดอ่อน ที่นายไพจิตมองว่า แกนนำ นปช.ส่วนกลางต้องเร่งหาทางแก้ไข!

จับตามวลชนปะทะมวลชน

อย่างไรก็ดี การเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงที่มีแนวโน้มขยายวงกว้างออกไปนี้ นายคมสันมองว่า หากสังคมต้องการให้ยุติการเคลื่อนไหวนั้น มั่นใจว่าคนที่จะสั่งหยุดได้ ก็คือคนที่สั่งการลงมาให้มีการเคลื่อนไหวนั่นเอง

แต่ถ้ายังคงปล่อยให้มีการชุมนุม บานปลายต่อไป โอกาสที่จะนำไปสู่การปะทะระหว่างมวลชนกับมวลชนก็มีอยู่มาก โดยเฉพาะประชาชนที่อึดอัดกับการบริหารของรัฐบาลนี้ก็มีจำนวนมากที่ยังไม่ได้แสดงตัว

ขณะเดียวกันโอกาสที่ทหารจะออกมาปฏิวัติยังมองว่ามีโอกาสน้อย เพราะบทเรียนที่ผ่านมาทำให้เห็นแล้วว่า ไม่ประสบผลสำเร็จ เห็นได้จากเหตุการณ์เมื่อปี 2549 แม้ทหารที่ออกมาทำหน้าที่จะได้ดอกไม้ และกำลังใจจากมวลชน แต่เมื่อเวลาผ่านไปทหารเหล่านี้กลับได้ก้อนหิน ดังนั้นทหารจะมีความระมัดระวังอย่างมากที่จะปฏิวัติ

จะมีแต่ภาคประชาชนเท่านั้น ที่อึดอัดจนเกือบถึงจุดระเบิด!

ปณิธานชี้ “รัฐบาล” ต้องหยุดความขัดแย้ง

เช่นเดียวกับ นายปณิธาน วัฒนายากร อาจารย์ประจำภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มองว่า ภาคประชาชนจะเป็นภาคที่ออกมาขับเคลื่อนทางการเมืองซึ่งอาจจะเกิดการเผชิญหน้าได้ ทั้งระหว่างประชาชนทั่วไปที่อึดอัดกับการบริหารงานของรัฐบาลซึ่งมีจำนวนไม่น้อย และไม่ชอบการกระทำของกลุ่มคนเสื้อแดง โดยเฉพาะการชุมนุมขับไล่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญคงไม่ยอมให้ใครมากดดัน คงจะมีการต่อสู้กันในกระบวนการยุติธรรมต่อไป

ส่วนปัญหาการเคลื่อนไหวทางการเมืองของคนเสื้อแดงนั้นมี 3 ปัจจัยที่ทำให้เกิดปัญหา ประเด็นแรกเป็นเรื่องของความรู้ความเข้าใจที่ภาครัฐให้ความรู้ความเข้าใจประชาชนไม่มากพอ ทำให้มีความเข้าใจผิดๆ และสับสน โดยเฉพาะกรณีศาลรัฐธรรมนูญที่จะเห็นได้ชัดว่าแท้จริงแล้ว ผู้ที่ไปกดดันศาลรัฐธรรมนูญยังไม่มีความเข้าใจถึงหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญที่แท้จริง และดีพอ

ประเด็นที่สอง จะเห็นได้ชัดว่าเป็นการเคลื่อนไหวที่ผูกกับประเด็นทางการเมือง คือมีความพยายามใช้ประเด็นทางการเมืองมากดดันศาลรัฐธรรมนูญที่มีบทบาทในการพิจารณาคดีทางการเมืองหลายคดี เมื่อรวมกับฐานความรู้ความเข้าใจของภาคประชาชนที่ผิดๆ กับศาลรัฐธรรมนูญ ก็เลยทำให้ฝ่ายการเมืองที่เป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับเรื่องนี้ ใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือในประโยชน์ทางการเมือง

ประเด็นสุดท้ายเป็นเรื่องที่รัฐบาลจะต้องบรรเทาสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะการพัฒนากระบวนการประชาธิปไตยให้ได้ดี รัฐบาลต้องให้การสนับสนุน โดยเฉพาะข้อมูลที่ถูกต้อง แต่รัฐบาลก็หาจุดยืนที่เหมาะสมยังไม่ได้ ดังนั้นต่อไปจะมีปัญหาเกิดขึ้นแน่นอน โดยเฉพาะการฟ้องร้องระหว่างศาล กับภาคประชาชน ที่จะเกิดเป็นความวุ่นวายอีกรูปแบบหนึ่งขึ้นมา

คำถามก็คือว่า ความวุ่นวายที่เกิดขึ้น รัฐบาลจะทำมองไม่เห็นปัญหาอีกนานแค่ไหน?

พท.ปัด “นช.แม้ว” สั่งกดดัน ทำลายระบบถ่วงดุล ลดทอนอำนาจศาล รธน.
พท.ปัด “นช.แม้ว” สั่งกดดัน ทำลายระบบถ่วงดุล ลดทอนอำนาจศาล รธน.
“พร้อมพงศ์” ปฎิเสธ “นช.แม้ว” บงการ ส.ส.เพื่อไทยไม่ให้ส่งคำชี้แจงการแก้ รธน.ให้ศาลฯ วินิจฉัย เผยนัดประชุมเพื่อขอมติ 30 เม.ย. คาดส่วนใหญ่จะไม่ส่งคำชี้แจง เตรียมยื่นจดหมายเปิดผนึกต้น พ.ค. สวน “มาร์ค” เลิกเสี้ยม พร้อมโต้ ปชป.เปล่ากดดัน ทำลายระบบถ่วงดุล ลดทอนอำนาจศาล รธน. เตรียมแจ้งความดำเนินคดีคน ปชป.โทร.เล่นงาน “ธาริต” หลังแจ้งข้อหาเงินบริจาคเงินเข้าพรรค ขณะเดียวกันยืนยัน พท.เปิดเวทีเดินสายแจง เงินกู้ 2 ล้านล้าน แก้ รธน. ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เพื่อชี้แจงประชาชน ไม่ได้หวังชักธงรบ
กำลังโหลดความคิดเห็น