xs
xsm
sm
md
lg

สัมภาษณ์ ส.ศิวรักษ์ : ‘ระวัง ทักษิณ ปั่นหัวคนไทยฆ่ากันเอง’

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ส.ศิวรักษ์
ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ส.ศิวรักษ์ เตือนสติสังคมให้รู้ทันเบื้องหลังเกมอำนาจของทักษิณที่พยายามปั่นหัวคนไทยเสื้อแดง-เหลืองฆ่ากันเอง วิพากษ์กองทัพไม่อาจเป็นที่พึ่งของชาติทั้งที่ได้รับงบมหาศาลจากเงินภาษีประชาชน เตือนรัฐบาลเผด็จการใช้มาตรา 112 ทำลายฝ่ายตรงข้าม กระทบต่อภาพลักษณ์ของสถาบันพระมหากษัตริย์ทางอ้อม แนะแก้กระบวนการตรวจสอบคดีก่อนฟ้องดึงอำนาจออกจากมือตำรวจ อัยการ

รู้ทันทักษิณ รู้ทันกองทัพ ก่อนสงครามกลางเมืองปะทุ

“คุณต้องเห็นสิ ตอนนี้เสื้อแดงแตกเป็นกี่เสี่ยงๆ เห็นชัดเลย มีคนหลายคนที่เห็นเลศนัยทักษิณเยอะมากขึ้น บางคนก็รู้ทันเลศนัยทักษิณมากแต่ยังต้องการทักษิณอยู่ บางคนก็ไม่ต้องการเลย มีหลายระดับ พระพุทธเจ้าเคยตรัสไว้ บัวมีหลายระดับ แต่วันหนึ่งความจริงต้องปรากฏวันยังค่ำ เช่นเดียวกัน คนที่หลงอำมาตย์ หลายๆ คนก็เลิกหลงแล้ว พอๆ กัน

ส่วนทหารตอนนี้นะ เขาอ่อนแอมาก แล้วก็แบ่งกันเป็นฝ่ายทักษิณกับอำมาตย์ ถ้าเกิดเราไม่ระวัง ทักษิณก็จะใช้ประชาชนเสื้อเหลือง เสื้อแดงเป็นทัพหน้าให้ฆ่ากัน แล้วก็ฉวยประโยชน์ แต่ถ้าคุณรู้ทันนี่ เห็นชัดเลย

ผมจะเล่าอะไรให้คุณฟัง ผมโดนคดีครั้งแรก ตอนนั้น (พล.อ.) อาทิตย์ กำลังเอก ต้องการจะเอา (พล.อ.) เปรม ติณสูลานนท์ ลง เขายึดหนังสือผมและจับผมข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ แต่ก่อนมีผมคนเดียวโดนคดีนี้ แต่ตอนนี้ผมมีเพื่อนเยอะแยะไปหมด มาจับผม เพราะเชื่อเลยว่านักศึกษาจะออกมาเดินขบวน แล้วจะสามารถอ้างว่ารัฐบาลปกครองบ้านเมืองไม่ได้ เพราะตอนนั้นรัฐบาลเปรมอ่อนแอมาก ทั้งการทหาร การเมือง และสุขภาพอนามัย

แต่ผมรู้เท่าทันผมก็ประกาศเลยว่า “นักศึกษาอย่าออกมาเดินขบวน อย่าเป็นเครื่องมือของอาทิตย์ กำลังเอก” แต่ไม่ว่าผมจะประกาศไปหรือไม่ประกาศ นักศึกษามันก็ไม่ออกมาเดินขบวนอยู่แล้ว เพราะผมไม่ได้สำคัญขนาดนั้น (หัวเราะ) เขา ( อาทิตย์ กำลังเอก) ก็เลยแพ้ภัยตัวเองไป แม่ทัพนายกองตอนนั้นก็ไม่มีใครฉลาดไปกว่าอาทิตย์ กำลังเอก”

“ดังนั้น เราต้องไม่ตกเป็นเครื่องมือทหาร”

“ผมอยากจะถามคุณนะ สงครามกลางเมืองในประวัติศาสตร์ไทยอันยาวนาน เกิดขึ้นกี่หน? แล้วใครเป็นคนคุมสงครามกลางเมือง ชนชั้นบนทั้งนั้น ทำสงครามกลางเมือง ไม่ใช่ประชาชนเลย ชนชั้นล่างไม่เกี่ยวเลย คุณต้องเข้าใจนะ เพราะชนชั้นล่างอยู่กับฝ่ายศาสนาพุทธ ศาสนาพุทธสอนเรื่องปาณาติบาต ห้ามฆ่าสัตว์ นี่มันอยู่ในพื้นฐานชีวิตเลย แต่สิ่งสำคัญตอนนี้ก็คือคุณต้องนำศีลห้ามาประยุกต์ใช้กับสังคมปัจจุบัน ไม่ใช่ไม่ฆ่าสัตว์อย่างเดียวแต่คุณต้องกล้าท้าทายความไม่ถูกต้องด้วย อย่างกองทัพซื้ออาวุธมากเกินไปนี่ ผิดหรือเปล่า?

ตอนนี้งบประมาณทหารซื้ออาวุธเป็นเท่าไหร่แล้ว ทั้งที่เงินเหล่านั้นมันควรจะเป็นไปเพื่อประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ เพื่อการศึกษา เพื่อคนชรา เพื่อสวัสดิการทางสาธารณสุข แต่นี่ กองทัพจะไปรบกับใครครับ รบกับลาวยังแพ้ กองทัพจะมีอาวุธไว้เพื่ออะไรครับ? เพื่อฆ่าประชาชนไม่ได้ฆ่าคนอื่นเลย นี่ก็ไม่มีใครมีกึ๋นมากพอที่จะกล้าตั้งคำถาม ไอเซนฮาวร์ ซึ่งเป็นแม่ทัพสงครามโลกครั้งที่สอง แล้วต่อมากลายเป็นประธานาธิบดี ท่านยังเคยพูดเลยว่าเงินที่หมดไปกับกองทัพนั้นน่ะ มันเป็นการปล้นภาษีอากรราษฎร ควรเอาเงินพวกนี้มาใช้กับเรื่องสาธารณสุข คุณอ้างไอเซนฮาวร์ได้เลยครับ คนไทยมักจะตื่นเต้นไปกับฝรั่ง

กองทัพมีประโยชน์อะไรครับ เงินงบประมาณออกมา เปลี่ยนรถคันใหม่ๆ กันเป็นแถวเลย เอาไปซื้อที่กัน ซื้อที่ไม่พอไปยึดเขายายเที่ยง นี่ขนาดแม่ทัพคนที่ซื่อสัตย์ นับถือพุทธนะ อย่างสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ผมไม่อยากพูด ที่มันแก้ไม่ได้เพราะมันได้ผลประโยชน์กัน ได้เงินเพิ่มเท่าไหร่ ยิ่งอยู่นานเท่าไหร่ก็ฉิบหายมากขึ้นเท่านั้น ชาวบ้านก็ตาย พลทหารก็ตาย มันก็มีแต่คนข้างบนเสวยสุขกัน”

‘มาตรา 112’ อาวุธที่รัฐบาลเผด็จการทำลายฝ่ายตรงข้าม

“ประการแรก มาตรา 112 มันทำลายผู้คนทั้งนั้น มันมีประโยชน์อย่างเดียวแก่ชนชั้นปกครอง ทำไมยิ่งลักษณ์ถึงไม่ยอมแก้ ก็เพราะตราบใดที่คุณมีอำนาจอยู่ มาตรา 112 มันช่วยให้เป็นประโยชน์ต่อคุณทั้งนั้น รัฐบาลอภิสิทธิ์ก็ไม่ยอมแก้ อากงนี่ถูกจับเพราะรัฐบาลอภิสิทธิ์นะครับ เพราะเลขาธิการอภิสิทธิ์เลยครับ ประชาธิปัตย์คือประชาธิปไตยปลอม เพราะฉะนั้นก็ไม่แตกต่างกันทั้งยิ่งลักษณ์และอภิสิทธิ์ ไม่ยอมแก้ ไม่เห็นสัจจะอยู่ในสายตา เรื่องของอากงนี่ทำให้เห็นได้ชัดเลยว่ามาตรานี้มันเอื้อประโยชน์ต่อเผด็จการ เอื้อประโยชน์ต่อรัฐบาลที่ไม่มีความชอบธรรม

มาตรานี้ถูกแก้ให้มีความรุนแรงขึ้นในสมัยรัฐบาลธานินทร์ กรัยวิเชียร เราลืมไปหมดแล้ว ธานินทร์ กรัยวิเชียร เป็นรัฐบาลที่เลวร้ายสุดๆ เลย เกือบจะเท่าทักษิณเลย หรือโดยมาตรการแล้วเลวร้ายกว่าทักษิณอีก แต่เผอิญมันอยู่ไม่นาน รัฐบาลธานินทร์เป็นคนแก้กฎหมายนี้ครับ โทษขั้นต่ำ 3 ปี ศาลไม่ต้องรอลงอาญา และมีโทษจำคุกสูงสุด 15 ปี ตอนที่ผมฟัดกับ (พล.อ.) สุจินดา คราประยูร ฟ้องผม 3 ประเด็น ถ้าผมแพ้ผมจำคุก 45 ปี แต่พอดีผมชนะ เห็นไหม กฎหมายใช้ไม่ได้แล้ว มากกกว่านั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท่านรับสั่งเลย ใครฟ้องคดีนี้เท่ากับรังแกพระองค์ท่านและทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์อ่อนแอ พระราชดำรัสออกมาชัดเจน โค้ดกันทั่วไปหมด”

“แล้วมีครั้งหนึ่ง ตอนที่คุณสนั่น ขจรประศาสน์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เคยพูดกับผมเลยครับ ว่าพระเจ้าอยู่หัวรับสั่งกับคุณสนั่นให้ไปบอกตำรวจให้เลิกจับเรื่องคดีนี้ ทุกคนอ้างว่าจงรักภักดีแต่ทำไมไม่มีใครเชื่อในพระราชดำรัส เลิกจับคดีนี้ เอาล่ะ ถ้าคุณปอด ไม่กล้าถอดคดีนี้ก็ต้องมีการแก้กฎหมาย หนึ่ง ยกเลิกโทษขั้นต่ำจำคุก 3 ปี และให้มีโทษสูงสุด 5 ปี และหากใครจะฟ้องต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบ เช่น จากสำนักราชเลขาฯ หรือคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนเข้ามาดูว่าใครคือคนผิด แต่ตอนนี้ใครจะฟ้องใครก็ได้ครับ

ประการที่สอง กระบวนการยุติธรรม ศาลก็คิดว่ากูใหญ่ ไปติไปชมก็ไม่ได้ เดี๋ยวถูกหาว่าหมิ่นประมาทศาล เอาเข้าคุกด้วย เหมือนกับหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ แล้วศาลพวกนี้เป็นใครครับ เป็นเด็กเมื่อวานซืนที่จบมาจากไหนก็ไม่รู้แล้วมาสอบเนติบัณฑิตได้ สอบผู้พิพากษาได้ อายุไม่ถึง 30 นั่งบนบัลลังก์แล้ว ไม่รู้เลยว่าความยุติธธรรมคืออะไร นึกว่ากฎหมายคือความยุติธรรม กฎหมายนั้นคนเขียนขึ้น และกฎหมายต้องให้ประโยชน์แก่จำเลย

กรณีคดีอากงนี่ถ้าศาลให้ประโยชน์กับจำเลยก็ไม่ติดคุก เมื่อสงสัยก็เอาเข้าคุกก่อน อัยการบอกขึ้นศาลดีกว่า ศาลชั้นต้นผ่านไปถึงศาลอุทธรณ์อีก รู้ไหมเขาเดือดร้อนขนาดไหนในคุก ผมได้รับการประกันตัวมานี่พี่น้องเดือดร้อนกันหมด ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่มีความเมตตากรุณามาเกี่ยวข้องเลย ผมอยากรู้ว่าศาลเคยเข้าไปดูในคุกไหม?

นักเรียนธรรมศาสตร์สมัยก่อน เมื่อตอนที่ยังใช้ชื่อธรรมศาสตร์และการเมือง ก่อนจบการศึกษาต้องมีปัจฉิมนิเทศ ท่านปรีดี ( พนมยงค์) จะให้เด็กก่อนที่จะเป็นบัณฑิตเข้าไปดูในคุก ตอนนั้นไม่มีสลัม ถ้ามีสลัมท่านก็คงให้เข้าไปดูในสลัม เพื่อให้เห็นว่าความทุกข์ยากเป็นยังไง ออกมาจะได้มารับใช้คนที่เดือดร้อน ตอนนี้เราไม่รู้จักคนที่เดือดร้อน ศาลชั้นต้นอยากเป็นศาลอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์อยากเป็นศาลฎีกา ศาลฎีกาอยากเป็นองคมนตรี มันไต่เต้ากันตลอด ไม่ได้นึกเลยว่าชาวบ้านเขาเดือดร้อนกันยังไงบ้าง นี่ผมยังไม่พูดถึงเรื่องใส่ซองขาวให้กันนะจากตำรวจ อัยการ ถึงศาล แค่พูดถึงระบบตรงไปตรงมาไม่กินไม่โกง ไม่มีใครทำได้ ไม่มีใครสังคายนาเรื่องนี้กันสักที”

“สำหรับกรณีอากง ตำรวจเขาก็บอกว่าเขาทำตามหน้าที่ อัยการก็บอกว่าทำตามหน้าที่ ศาลก็ทำตามหน้าที่ ทุกคนเอาคำว่าหน้าที่มาพูด แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่ได้พูดคือ มนุษยธรรม เมตตากรุณา ความยุติธรรม นี่เป็นพื้นฐานของสังคมมนุษย์ พระพุทธเจ้าตรัสว่าเมตตาธรรมเป็นเครื่องค้ำจุนโลก ถ้าไม่มีเมตตาจะอยู่ได้อย่างไร เมตตา กรุณา เป็นสิ่งสำคัญมาก และความยุติธรรมนี่อยู่เหนือตัวบทกฎหมาย ถ้าศาลท่านไม่ฝึกมาเรื่องนี้ ศาลจะไม่เข้าใจเลยนะครับ

เผอิญว่าผมเป็นเนติบัณฑิตจากอังกฤษ ที่อังกฤษเขามีกฎหมายตัวหนึ่งเรียกว่า law และมันมีเอ็คควิตี (Equity) ซึ่งเขาบอกว่าวัดจากมโนธรรมสำนึกของประธานศาลฎีกา ถ้าประธานศาลฎีกาเห็นว่ากฎหมายนี้ไม่มีความยุติธรรม เขาจะใช้เอ็คควิตีตัดสิน

แล้วหลักความยุติธรรมที่สำคัญที่สุดคือ ถ้าสงสัยต้องปล่อยจำเลย ปล่อยจำเลยผิดไป 10 คน ดีกว่าประหารชีวิตหรือจำขังคนที่ถูกไว้แม้เพียงคนเดียว สมเด็จกรมพระสวัสดิฯ (สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณ กรมพระสวัสดิวัดนวิศิษฎ์ ปฐมเสนาบดีกระทรวงยุติธรรม และทรงเคยดำรงตำแหน่งอธิบดีศาลฎีกา) เมื่อท่านดำรงตำแหน่งประธานศาลฎีกาท่านรับสั่งอันนี้เลย นี่เป็นหลักสากล แต่ศาลไทยไม่ใช้อันนี้ครับ ของไทยเมื่อตำรวจทำเรื่อง อัยการทำเรื่องหมายความว่ามึงผิดแล้ว มึงต้องปกป้องตัวมึงด้วยการพิสูจน์ให้เห็นได้ว่ามึงไม่ผิด ตรงข้ามกับหลักยุติธรรมสากลที่ต้องถือว่าฝ่ายโจทก์ต้องพิสูจน์ให้เห็นว่าจำเลยเป็นคนผิด คือต้องถือว่าจำเลยเป็นคนถูกก่อน พื้นฐานของจริยธรรมสำนึกมันผิดกันจากดำเป็นขาวเลย ตราบใดที่แก้ไขตรงนี้ไม่ได้ อากงก็เป็นเพียงแพะรับบาปตัวหนึ่ง อยู่ในคุกไม่ได้รับการประกันเลย

เหตุที่ยิ่งลักษณ์ไม่เอา ที่ทักษิณไม่เอา (ไม่แก้มาตรา 112) เพราะทักษิณจะเอาเรื่องนี้ไว้เล่นงาน ชัดเจน ตราบใดที่คุณมีอำนาจ มาตรานี้ทำร้ายคุณไม่ได้ แต่คนที่ไม่มีอำนาจ พังกันเป็นแถวๆ…

มาตรานี้เป็นภัยต่อราชบัลลังก์แน่นอน เป็นเครื่องมือของรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐบาลยิ่งลักษณ์ซึ่งเป็นร่างทรงของทักษิณ ทักษิณต้องการเล่นงานชัดเจน คุณไปดูสิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาฯ จะเอาเด็กไปอบรมที่ธรรมกาย ก็เพราะมันอยู่ในธรรมกาย หรือแม้แต่อาจารย์ระพี สาคริก ยังเคยเล่าให้ผมฟังเองเลย วิทยุศึกษามาขอสัมภาษณ์ท่านทุกวันพุธตอนกลางคืน ให้ท่านเล่าเรื่องพระราชกรณียกิจของในหลวงว่ามีอะไรบ้าง รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาฯ สั่งเลิกเลยคุณ ผมไม่เห็นหนังสือพิมพ์จะทำข่าวอะไรเลย นี่มันชัดเจนเลยครับ ทำให้รู้สึกว่าพระองค์ท่านถูกรังแก”

“บ้านผมมีต้นไม้เยอะแยะ คุณเห็นไหม ตัดลงนี่ง่ายที่สุดเลยและเพื่อนบ้านผมก็ตัดลงหมดเลย แล้วดูสิห้องแถวที่เห็นนี่น่าเกลียดไหม? ตัดลงนี่นะมันง่ายที่สุดแต่รักษาไว้นี่มันยากที่สุดเลย คุณดูสิ ต้นมะม่วงผม 60 ปีแล้ว ต้องดูแลให้ดี สถาบันกษัตริย์ก็เหมือนต้นไม้ ต้องคอยดูแล เพราะการโค่นล้มลงนี่ง่ายที่สุด แต่รักษาไว้นั้นยาก ฝรั่งเศสโค่นล้มพระเจ้าแผ่นดินแล้วนโปเลียนขึ้นมามีอำนาจ เลวร้ายมาก ไปตีทั่วยุโรปเลย เอาพี่น้องตัวเองตั้งเป็นพระเจ้าแผ่นดินหมดเลย หลานตัวเองก็มาเป็นพระเจ้าแผ่นดิน แท้จริงแล้วฝรั่งเศสก็โหยหาพระเจ้าแผ่นดิน ทั้งที่ถ้าโปร่งใสแบบอังกฤษเสียตั้งแต่แรกป่านนี้ก็อยู่ได้แล้ว…”

สัมภาษณ์ : รพีพรรณ สายัณห์ตระกูล
ถ่ายภาพ : ธัชกร กิจไชยภณ
กำลังโหลดความคิดเห็น