xs
xsm
sm
md
lg

“ปูแดง” ประเคนงบกองทัพ ดับภัยการเมือง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เหตุการณ์คนเสื้อแดงปะทะกับทหารในหลายจุดบริเวณถนนราชดำเนินเมื่อเดือนเมษายน 2553 ก่อนจะนำไปสู่ความสูญเสียของทั้งสองฝ่ายในเวลาต่อมา (ภาพจากไทยรัฐ)
ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ไม่เพียงแต่ “นายใหญ่” ประกาศิตให้คนเสื้อแดงลืมอดีตเสียเถิดอย่าคิดถึง แม้จะสูญเสียเลือดนองแผ่นดินคราวกรำศึกสงครามกลางเมืองกับท็อปบูตเท่านั้น แต่รัฐบาลปูแดงยังประเคนงบให้กองทัพแบบเต็มอิ่มพุ่งกระฉูดถึง 180,811 ล้านบาท เพื่อปรองดองดับภัยการเมือง เปิดงบกลาโหมหลังรัฐประหารเพิ่มขึ้นแสนล้าน

ขณะที่เสียงเรียกร้องจากพี่น้องชาวเสื้อแดงให้รัฐบาลที่พวกเขาเลือกเข้ามาค้นหาความจริง ทวงคืนความยุติธรรม เอาคนสังหารประชาชนมาลงโทษ ยังดังกระหึ่ม “นายใหญ่จากดูไบ” พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับโฟนอินครั้งสุดท้ายให้ชาวเสื้อแดงทั้งหลายลืมอดีตแล้วเดินหน้าปรองดองเพื่อตนเองจะได้กลับบ้านเสียที

ไม่เพียงประกาศิตให้ลืมเรื่องราว ไม่สืบสาวถึงมือสังหารพี่น้องเสื้อแดงที่สูญเสียชีวิตจากการกระชับพื้นที่ของเหล่าท็อปบูตถึง 91 รายเท่านั้น รัฐบาลปูแดงยังประเคนงบให้กองทัพชนิดเต็มอิ่ม โดยก่อนหน้านี้ไม่นานน้องสาวนายใหญ่ก็เพิ่งเข้าคารวะ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ รัฐบุรุษอาวุโส หัวหน้าอำมาตย์ใหญ่ ศัตรูหมายเลขหนึ่งของชาวไพร่แดง

พี่น้องเสื้อแดงจำต้องกลืนเลือด บางคนถึงกับแค้น บางคนผิดหวัง บางคนบ่นเสียเวลา ดังผลสำรวจของผู้อ่าน “ไทยอีนิวส์” สื่อของคนเสื้อแดง ระหว่างวันที่ 14-20 พฤษภาคม 2555 ในวาระครบรอบ 2 ปี 19 พฤษภาฯ ที่มีผู้แสดงความเห็นทั้งสิ้น 2,431 ราย ปรากฏว่าจำนวนผู้ที่แค้น ผิดหวัง แลกเลือดแลกเนื้อมาให้พรรคเพื่อไทยตั้งรัฐบาล แต่ทักษิณและเพื่อไทยกลับทรยศ ไปยอมอำมาตย์หมด มีจำนวนรวมกันถึง 1,470 ราย คิดเป็น 60.9% ส่วนพวกรู้สึกเสียเวลา ไม่มีใครได้ประโยชน์ ขอความสงบคืนมา อีก 134 ราย คิดเป็น 5.5%

ส่วนที่สมใจประเทศไทยไม่เหมือนเดิม อำมาตย์สูญเสียสถานะ ประชาชนกำหนดอนาคตชาติเอง มีเพียง 482 ราย 19.8% เท่านั้น ที่เหลือ 345 ราย 14.2% สมหวังที่ไล่รัฐบาล ปชป.สำเร็จ ตั้งรัฐบาลที่เลือกเองได้

แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ความวุ่นวายทางการเมืองทั้งศึกภายในบ้านและภัยนอกบ้าน ช่วยหนุนส่งให้กองทัพมีสถานะที่เข้มแข็ง มีอำนาจต่อรองมากขึ้นตามลำดับ โดยพิจารณาจากการจัดสรรงบประมาณในแต่ละปีที่เพิ่มมากขึ้น ยิ่งรัฐบาลที่บริหารประเทศเป็นรัฐบาลพลเรือน ยิ่งมีแนวโน้มที่กองทัพจะได้รับการจัดสรรงบเพิ่มขึ้นเสียยิ่งกว่ารัฐบาลทหารเสียเอง เพราะรัฐบาลพลเรือนต้องซื้อใจทหารเพื่อรักษาเสถียรภาพและความมั่นคงทางการเมืองของตนเอง

กรณีของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็เช่นเดียวกัน การจัดสรรงบประมาณให้กองทัพดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นตามแรงเสียดทาน ยิ่งมีความขัดแย้งมาก งบประมาณกลับเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรัฐบาลพลเรือนยิ่งลักษณ์กำลังกลับลำหันมาปรับเปลี่ยนท่าทีปรองดองกับทหารจากที่เคยโจมตีมาโดยตลอดว่าเหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยาฯ 49 เป็นต้นเหตุแห่งหายนะของบ้านเมืองและครอบครัวชินวัตร

กล่าวสำหรับการจัดสรรงบประมาณประจำปี 2556 ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการอภิปรายของสภาผู้แทนราษฎรสมัยนิติบัญญัติเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 วงเงิน 2.40 ล้านล้านบาท มากกว่างบประมาณปี 2555 วงเงิน 2.38 ล้านล้านบาท โดย 5 หน่วยงานที่ได้รับจัดสรรสูงสุด คือ 1. กระทรวงศึกษาธิการ วงเงิน 460,075,180,900 บาท 2. งบกลาง วงเงิน 319,207,000,000 บาท 3. กระทรวงมหาดไทย 309,205,167,300 บาท 4. กองทุนและเงินทุนหมุนเวียน 214,845,460,700 บาท และ 5. กระทรวงกลาโหม 180,811,381,800 บาท

หากเทียบกับรัฐบาลประชาธิปัตย์ ที่ถูกกล่าวหาว่าจัดตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร กระทรวงกลาโหมได้รับการจัดสรรงบประมาณในปีงบประมาณ ปี พ.ศ. 2555 จำนวน 168,667,373,500 บาท ใกล้เคียงกับงบประมาณปี 2554 ซึ่งได้รับจัดสรรจำนวน168,501,828,300 บาท เท่านั้น

การได้รับจัดสรรงบประมาณของกระทรวงกลาโหมในปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 อาจกล่าวได้ว่าเป็นงบที่ได้รับจัดสรรสูงสุดนับจากเกิดเหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยาฯ 2549 ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนั้นอาจถือเป็นหลักหมายที่หนุนส่งให้กองทัพได้รับงบประมาณเพิ่มขึ้นตามลำดับเรื่อยมา

เมื่อไล่เรียงการจัดงบประมาณแยกตามยุทธศาสตร์ รัฐบาลได้เพิ่มงบความมั่นคงแห่งรัฐเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2554 มีวงเงิน 186,364.5 ล้านบาท ในปี 2555 วงเงิน 189,109.9 ล้านบาท และล่าสุดปี 2556 มีวงเงินถึง 204,537.1 ล้านบาท หรือเพิ่มจากยุครัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ 18,172.6 ล้านบาท

ส่วนงบการเสริมสร้างระบบป้องกันประเทศ และการรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ ปีงบประมาณ 2554 รัฐบาลอภิสิทธิ์ได้จัดงบในเรื่องป้องกันประเทศ 165,031.2 ล้านบาท และงบการรักษาความสงบเรียบร้อยภายใน 1,201.4 ล้านบาท แต่ในงบประมาณปี 2555 จัดสรรงบป้องกันประเทศ 163,324.4 ล้านบาท ส่วนงบรักษาความสงบภายในพุ่งถึง 14,575.6 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นถึง 13,374.2 ล้านบาท

ส่วนในปีงบประมาณ 2556 งบประมาณป้องกันประเทศเพิ่มขึ้น 177,257.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2555 จำนวน 13,933 ล้านบาท และเพิ่มจากรัฐบาลอภิสิทธิ์ถึง 12,226.2 ล้านบาท ขณะที่งบประมาณรักษาความสงบเรียบร้อยในประเทศ 14,772.9 ล้านบาท มากกว่าปี 2555 จำนวน 197.3 ล้านบาท และมากกว่าปี 2554 จำนวน 13,571.5 ล้านบาท

การจัดสรรงบประมาณให้แก่ทหารเพิ่มขึ้นชนิดไม่นึกถึงหัวอกพี่น้องคนเสื้อแดงที่สูญเสียเลือดเนื้อ สูญเสียญาติพี่น้องจากสงครามกลางเมือง นพ.เหวง โตจิราการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย แกนนำคนเสื้อแดง รีบออกมาแก้เกี้ยวว่าไม่ใช่การเอาใจทหารหรือเกี้ยเซียะกันแต่ประการใด หากเห็นว่าจำเป็นต้องตัดหรือปรับลดก็ต้องทำ ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ก็ออกมาสำทับว่า การได้รับจัดสรรงบที่เพิ่มขึ้นไม่ใช่การตอบแทนหรือเกรงใจกองทัพ แต่เป็นการจัดสรรที่เป็นไปตามระเบียบ ซึ่งแต่ละปีต้องเพิ่มขึ้น

อนึ่ง ตามร่างแผนพัฒนาขีดความสามารถกระทรวงกลาโหม 10 ปี (ปี 2554-2563) กระทรวงกลาโหมตั้งเป้าหมายได้รับการสนับสนุนงบประมาณให้ได้อย่างน้อยร้อยละ 2 ของจีดีพี โดยให้เหตุผลว่า ประเทศเพื่อนบ้านมีการเพิ่มงบประมาณทางการทหารเมื่อเทียบกับสัดส่วนจีดีพีอย่างต่อเนื่อง หากไทยยังคงสัดส่วนงบประมาณทางการทหารเมื่อเทียบกับจีดีพีในระดับต่ำ จะไม่สามารถสร้างดุลอำนาจกับประเทศเพื่อนบ้านที่มีการเสริมกำลังรบอย่างต่อเนื่องได้

โดยช่วงปี 2554-2563 กระทรวงกลาโหมกำหนดความต้องการโครงการพัฒนาและจัดหายุทโธปกรณ์หลัก แบ่งเป็นความต้องการระดับสูงสุด 332 โครงการ วงเงิน 1,307,731.413 ล้านบาท และความต้องการระดับต่ำสุด 301 โครงการ วงเงิน 770,392.413 ล้านบาท
---------
ตารางงบประมาณกระทรวงกลาโหม จากปี 2548-2556

ปี          งบประมาณ (หน่วย : ล้านบาท)

2548     81,241
2549     85,936
2550    115,024
2551    143,518
2552    170,157
2553    154,032
2554    168,501
2555    168,667
2556    180,811
-------------
ที่มา : สำนักงบประมาณ
กำลังโหลดความคิดเห็น