xs
xsm
sm
md
lg

คำต่อคำ “ไอ้ตู่” น้ำลายฟูมปาก! ด่า “ศาล รธน.” เกลียดขี้หน้า พิพากษาตัดสิทธิ์การเป็น ส.ส.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย
“จตุพร” คลุ้มคลั่งหลังศาลรัฐธรรมนูญ ลงดาบฟันพ้นเก้าอี้ ส.ส.สวมหน้ากากไพร่แถลงข่าวดุเดือด ซัดศาล รธน.เกลียดขี้หน้าตนมากกว่า 10 คน เหน็บถ้ากินหญ้าคงได้รับความเป็นธรรม หยิบเรื่องคุณสมบัติ ส.ส.โต้ศาล “ฆ่าคนยังเป็นนายกรัฐมนตรี” อย่างนี้หรือคนดี โอดตอนที่เป็น ส.ส.ยังไม่ปลอดภัย กล่อมสาวกตีนตบแค่ไม่ได้เป็น ยังโชคดีกว่าคนเจ็บ-ตาย-ติดคุก โวชุมนุมแดงประจำปีราชประสงค์พรุ่งนี้เกิน 2 แสนแน่


วันนี้ (18 พ.ค.) ที่สำนักงานใหญ่แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ศูนย์การค้าอิมพีเรียลเวิลด์ ลาดพร้าว นายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้แพลงข่าวเปิดใจหลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 7 ต่อ 1 ให้ นายจตุพร พ้นจากความเป็น ส.ส.อันเนื่องมาจาก นายจตุพร ถูกคุมขัง ทำให้ขาดจากการเป็นสมาชิกพรรค ส่งผลให้สมาชิกภาพ ส.ส.สิ้นสุดลง ซึ่งได้มีการถ่ายทอดสดผ่านทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม เอเชียอัปเดต กระบอกเสียงของกลุ่มคนเสื้อแดง โดยมีรายละเอียดดังนี้

“พี่น้องผู้ร่วมชะตากรรมที่เคารพรักทุกท่าน ผมเองได้ทำใจมาตั้งแต่ต้น ถ้าพี่น้องจำความกันได้ว่า ในวันที่ กกต.มีมติแขวนผม ซึ่ง กกต.ชุดเดียวกันนี้ เป็น กกต.ชุดที่รับรองผมเป็นคนสุดท้าย แล้วก็แขวนผมเป็นคนแรก และก็เป็น กกต.ชุดเดียวที่รับรองว่าผมมีคุณสมบัติถูกต้อง ในการเป็นผู้รับสมัครรับเลือกตั้ง เมื่อ กกต.มีมติที่จะแขวนผม แล้วส่งเรื่องไปยังประธานรัฐสภา เพื่อให้ประธานรัฐสภาส่งเรื่องต่อไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ผมเนี่ยตอบชะตากรรมผมได้ทันทีว่า ในศาลรัฐธรรมนูญนั้นมีผู้พิพากษาองค์คณะอยู่ 9 คน ได้เกลียดผมถึง 10 คน

เพราะฉะนั้นเมื่อมีคนถามว่า ได้มีความคาดหวังต่อศาลรัฐธรรมนูญ ที่จะให้ความเป็นธรรมกับผมหรือไม่นั้น ผมบอกว่า ผมเป็นคนที่กินข้าว ถ้ากินหญ้าผมอาจจะคิดว่าผมจะได้รับความเป็นธรรม เพราะฉะนั้น ผมได้บอกกับบรรดาหมู่มิตร ว่า เมื่อศาลรัฐธรรมนูญได้มีการนัดเอาวันที่ 18 พ.ค.คือวันนี้ เป็นวันที่ตัดสินผม ทั้งที่ศาลรัฐธรรมนูญเนี่ยนะครับรู้เต็มอก ว่า วันพรุ่งนี้ครบรอบ 2 ปี ราชประสงค์

คำถามที่เกิดขึ้นมากมาย ว่า ศาลรัฐธรรมนูญต้องการอะไร ครบรอบ 1 ปี ผมเองก็ถูกคุมขังโดยคำสั่งของศาลอาญา ในคำสั่งของศาลอาญาที่ถอนประกันผม ไม่เกี่ยวข้องแม้แต่ข้อเดียว ว่า ผมทำผิดเงื่อนไขการประกัน 2 ข้ออย่างไรบ้าง แต่ผมเองก็น้อมรับชะตากรรมอยู่ในเรือนจำ ตลอดระยะเวลาของการถูกคุมขัง ยื่นประกันตัว 7 รอบ ผมจึงลำดับความมาตั้งแต่ต้นว่า ทุกขบวนการตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ต้องการให้ผมเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แล้ววันนี้เขาทำได้สำเร็จแล้ว

นับตั้งแต่การสลายชุมนุม วันที่ 19 พ.ค.2553 เป็นต้นมา เพื่อนๆ ถูกขังอยู่ในเรือนจำ เพื่อนๆ ถูกไล่ล่า หลบลี้หนีภัย ผมเองเนี่ยนะครับถูกถอนประกัน นับครั้งไม่ถ้วน เขามีเป้าหมายอย่างชัดเจน ก็คือว่า การถอนประกันของผมเป็นการขู่เพื่อให้ผมหลบหนีออกนอกประเทศ แล้วไม่มีคนตรวจสอบขบวนการฆ่าคนกลางเมืองเกิดขึ้น

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานั้น ผมเองก็มีทำหน้าที่รื้อค้น หลายคนมาเสนอผมว่าหลบหนีเถอะ แม้กระทั่งว่าภายหลังจากการสลายการชุมนุม มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังจากผมอภิปรายเสร็จสิ้น ได้มีเจ้าหน้าที่รัฐคนหนึ่งบอกไปยัง ส.ส.ให้มาแจ้งกับผมว่า ให้หลบหนีไปเถอะ มิฉะนั้น เขาจะมีการฆ่าผม ผมเองก็ได้ตอบผู้แทนราษฎรคนนั้น เพื่อจะไปบอกข้าราชการผู้นั้นว่า ความตายในช่วงระหว่างการชุมนุม ตั้งแต่เดือนเมษาฯ ถึง 19 พฤษภาฯ หรือแต่ละวันนับตั้งแต่ เสธ.แดง ถูกสไนเปอร์ และพวกเรายังขึ้นเวทีปราศรัยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นนั้น ทุกวินาทีเป็นวินาทีแห่งความตายอยู่แล้ว เราโชคดีกว่าคนที่ตาย เราโชคดีกว่าคนที่บาดเจ็บ เราโชคดีกว่าผู้ที่ถูกคุมขังในขณะนั้น เราจะหนีไม่ได้ หน้าที่ของเราก็คืออยู่เพื่อแสวงหาความจริงเพื่อเอาผิดฆาตกรให้ได้

ผมจึงไม่มีการหลบหนี และพร้อมเผชิญหน้า เพราะถ้าผมไปอีกหนึ่งคน หมดเลยครับ สิ่งที่เขามีความคาดหวังว่า วันที่ 19 พ.ค.2553 เสื้อแดงจบแล้ว เพราะมีการสร้างวาทกรรมมากมายว่าพวกเผาบ้านเผาเมือง ผู้ก่อการร้าย โค่นล้มสถาบัน ทั้งที่ความตายทุกชีวิตเป็นความตายที่เกิดขึ้นก่อนไฟไหม้ทั้งสิ้น เซ็นทรัลเวิลด์เป็นกรณีชัดเจนที่สุดว่า ฆาตกรมันฆ่าแล้ว แล้วก็เผาเป็นฆาตกรรมอำพราง

ขณะที่ผมแถลงข่าวร่วมกับท่านอาจารย์ธิดา (นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ ประธาน นปช.) และคณะ ผมก็ถูกถอนประกัน เพราะการทำสำนวนต่างๆ นั้น ข้าราชการที่ดีงามนั้นเขาได้ยกเอามาให้ผมทั้งหมด ชุดผจญเพลิงเซ็นทรัล เขาทนเห็นความเจ็บปวดของพี่น้องเสื้อแดงต่อไปไม่ได้ ก็นำเอากรณีศึกษาเรื่องไฟไหม้เซ็นทรัล ซึ่งเขาระบุชัดเจนว่า คนเสื้อแดงไม่ได้เผา แต่กองกำลังติดอาวุธเป็นของราชการ ภายใต้รัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นผู้ดำเนินการ

เพราะฉะนั้น ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานั้น เราได้ทำหน้าที่ในการตรวจสอบ เมื่อมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจในกรณีนี้ครั้งที่สอง ผมได้เอาผลการทำสำนวน การทำชันสูตรพลิกศพ เพื่อที่จะดำเนินคดี ต่อนายอภิสิทธิ์ และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ไปได้มาทั้งหมด 13 คดี เอกสารเป็นพันๆ หน้า ผมยืนอภิปรายไม่ไว้วางใจตั้งแต่สี่ทุ่ม จนถึงตีสอง 4 ชั่วโมง เพื่อพูดให้ครบทุกศพนะครับ ทั้งยืน และได้ส่งเสียงเพื่อทวงความยุติธรรมให้ 13 ศพ จากจำนวน 91 ศพเวลานั้น

ผมเรียนกับท่านทั้งหลายเลยว่า ผมรู้ว่าผมอยู่อย่างไม่ปลอดภัย เพียงแต่ว่าเขายังจับขังผมไม่ได้ แต่ทันทีที่มีเหตุการณ์ปราศรัยของผม ครบรอบปี 10 เม.ย.ผมต้องการกล่าวหานายอภิสิทธิ์ และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในการกล่าวอ้างสถาบัน มาใช้เพื่อปกป้องตัวเอง แล้วไว้ทำลายฝ่ายตรงกันข้าม สร้างความเสียหายกับสถาบัน กลายว่าผมเป็นคนผิด กลายว่าถูกข้อหาล้มสถาบันเสียเอง หลังจากนั้น มีการไปแจ้งความดำเนินคดี ต่อมามีการยุบสภาในวันที่ 9 พ.ค.2554 ผ่านไปเพียง 3 วัน คือ วันที่ 12 พ.ค.ผมก็ถูกขังเป็นที่เรียบร้อย ตามที่เขารอมาเป็นระยะเวลานาน

ในระหว่างการถูกคุมขัง ผมสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในขณะที่ผมอยู่ในเรือนจำ เอกสารการสมัคร เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ประทับตราเรียบร้อย ผมได้ขออนุญาตศาลไปสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ศาลได้ให้เหตุผลว่า เนื่องจากระบบบัญชีรายชื่อ ไม่ต้องสมัครด้วยตัวเอง แปลว่าผมมีสิทธิ์ที่จะสมัคร ส.ส. แต่ไม่ต้องไปด้วยตัวเอง ถ้าผมไม่มีสิทธิ์ศาลต้องบอกผมว่า นายจตุพร ไม่มีสิทธิ์ที่จะสมัครรับเลือกตั้ง เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

ต่อมา กกต.ก็ตรวจคุณสมบัติว่าผมเป็นผู้สมัครถูกต้องหรือไม่ ปรากฏว่า กกต.ก็รับรองว่าผมมีคุณสมบัติถูกต้อง ก่อนวันเลือกตั้ง 3 ก.ค. ทีมทนายยื่นประกันโดยอ้างคำของคุณสดศรี สัตยธรรม ซึ่งเป็นหนึ่งใน กกต. คุณสดศรีบอกว่าถ้านายจตุพรไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ในวันเลือกตั้งจะมีปัญหา ทนายความและผมได้ยื่นประกันตัวและนำความเห็นของคุณสดศรีว่าจะมีปัญหายื่นต่อศาล ศาลบอกว่าที่เอาเหตุผลของคุณสดศรีมาแสดงนั้น เป็นเพียงแค่ความคิดเห็น จึงไม่ให้มีการประกันตัว และความคิดเห็นอันนั้น เป็นความคิดเห็นที่ผมสิ้นสุดการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในวันนี้

ผมเรียนกับท่านทั้งหลายว่า นี่เป็นเรื่องลำดับความเป็นเพียงแค่บางส่วน แต่สิ่งหนึ่งเป็นสิ่งอธิบายว่า บ้านเมืองนี้ยังมีหลายๆ อย่าง ที่เรายังจะต้องเดินทางต่อสู้ต่อไป ผมอยากจะเรียนกับพี่น้องว่า เราจงเก็บความรู้สึก เพราะตั้งแต่พี่น้องมาพบกับผมนี่มีความทุกข์ตลอด ไม่เคยมีความสุขเลย เดี๋ยวก็ถูกถอนประกัน เดี๋ยวก็ถูกขัง เดี๋ยวก็ถูกตัดสิทธิ์ ชีวิตวนเวียนอยู่อย่างนี้กันมาโดยตลอด แต่วันนี้ผมอยากเรียนกับพี่น้องว่า เราเก็บความรู้สึกวันนี้นี่นนะครับ วันที่ 18 พ.ค.เขาไม่ต้องการให้ผมขึ้นเวทีราชประสงค์ ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แต่เป็นเรื่องเล็กมากเพราะพรุ่งนี้ ผมจะขึ้นเวทีราชประสงค์ ในตำแหน่งที่ใหญ่กว่า ส.ส.นั่นคือ ตำแหน่งประชาชน

ผมเรียนกับท่านทั้งหลายว่า ครบรอบ 1 ปี ไม่มีโอกาสเข้าร่วม เพราะถูกคุมขัง ครบรอบ 2 ปี ก่อน 1 วัน กำหนดวันแบบจงใจ แต่ทั้งผมดผมเรียนกับท่านทั้งหลายว่า นี่เป็นชะตากรรมที่เรารู้อยู่ล่วงหน้า ถ้าวันนี้ผมเข้าใจว่าผมจะรอดสิครับ ผมผิดปกติ ผมเดินเข้าศาลรัฐธรรมนูญอย่างสง่างาม แล้วผมไม่แน่ใจว่า องค์คณะศาลรัฐธรรมนูญจะมีความสง่างามเหมือนเหมือนอย่างที่ผมสง่างามหรือไม่

ทันทีที่มีศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย บางกลุ่มก็ขยับต่อเลยว่า เนื่องจากบอกว่า ศาลรัฐธรรมนูญได้อ่านคำวินิจฉัยว่า การถูกคุมขังนะครับ แล้วศาลไม่ประกันตัว พ.ร.บ.พรรคการเมืองนั้นต้องการให้สมาชิกพรรคการเมืองเป็นคนที่ดี ผมถามกลับศาลรัฐธรรมนูญว่า แล้วไอ้ที่ฆ่าคนและเป็นหัวหน้าพรรคการเมือง เป็นสมาชิกพรรคการเมืองก็ตามแต่ ฆ่าคนยังเป็นนายกรัฐมนตรีด้วย คนอย่างนี้หรือคนดี คนดีต้องฆ่าคนในชาติเดียวกันใช่ไหม

ผมจึงเรียนกับท่านทั้งหลายว่า เวลานี้การอธิบายต่อว่า ให้นายจตุพรสู้จนขบวนการเรื่องคดีก่อการร้ายเสร็จสิ้นเสียก่อน ก็วันนี้ฆาตกรยังลอยนวล 2 ปีของการเป็นรัฐบาล คดีใช้บงการฆ่า ไม่เคยขยับจากชั้นพนักงานสอบสวน คดีที่ขยับมีของโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม เพียงแค่ผู้เดียว ที่ฟ้องต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ จนกระทั่งมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล เวลานี้เพิ่งทำสำนวนชันสูตรพลิกศพ เสร็จเพียง 16 ศพ ทั้งที่ 91 ศพควรจบตั้งแต่หลังเหตุการณ์ความตายภายใน 1 เดือนแล้ว แต่ประเทศไทยความยุติธรรมมันเป็นอัมพาต มันจึงมีปัญหาครับ

ผมเรียนกับท่านทั้งหลายว่า ผมไม่ต้องการให้พี่น้องไปแสดงความคิดเห็นใดๆ ต่อศาลรัฐธรรมนูญ เราเก็บความรู้สึกของเราเอาไว้ เพราะเขาต้องการการเลือกวันที่ 18 นี่คิดได้หลายอย่าง หนึ่ง ต้องการสะใจเรื่องผม นี่เรื่องเล็กมาก สอง ต้องการกดดันให้เรากระทำการบางอย่าง ซึ่งเราไม่ควรจะตกเป็นเหยื่อเขา วันนี้เราต้องอยู่อย่างผู้ชนะ ไม่เป็นอะไรก็ยังชนะ จึงขอเรียนไปยังพี่น้องผู้ร่วมชะตากรรมทั้งประเทศว่า เรายังเป็นมนุษย์อยู่เหมือนเดิม ไม่ใช่ว่าไม่ได้เป็นผู้แทนนะครับ เพื่อนผมหลายคนตรงนี้ก็ไม่ได้เป็นผู้แทน พี่น้องก้ไม่ได้เป็นผู้แทน ก็ไม่เห็นตายนี่ครับ นึกว่าพออ่านคำวินิจฉัยเสร็จไม่ได้เป็นผู้แทนถูกหามออกจากศาลรัฐธรรมนูญหรือยังไง

ผมจึงเรียนกับพี่น้องว่า วันนี้เราต้องตั้งหลักให้มั่น เราอย่าตกเป็นเหยื่อของการยั่วยุ วันนี้เป็นคำตอบแล้วว่าเรามีภารกิจเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เราต้องเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย เอาสิ่งที่เกิดขึ้นกับผม เอาสิ่งที่เกิดขึ้นกับพี่น้องพวกเราทุกคน ไม่ว่าพี่น้องที่ตาย พี่น้องที่บาดเจ็บ พี่น้องที่ถูกคุมขัง เป็นพลังอันยิ่งใหญ่ที่ร่วมกันเปลี่ยนแปลงด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้สำเร็จเป็นประชาธิปไตยให้จงได้

ผมเรียนกับพี่น้องนะครับว่า ความรู้สึกฐานะความเป็นมนุษย์นั้น เขาคิดว่าการเหยียบย่ำอย่างนี้มันจะทำให้พวกเรานั้นจะยอมจำนน ผมยอมจำนนกับความดี แต่ไม่เคยคิดยอมจำนนกับความชั่วแม้จะต้องเอาชีวิตไป เพราะฉะนั้น ผมต้องขอขอบคุณพี่น้องทุกท่าน ผมยังมีภาระหน้าที่ร่วมไปปราศรัยกับพี่น้องเหมือนเดิม ไม่ว่าจะอยู่ตำแหน่งแห่งหนอันใด ความจริงผมเล่ากับท่านทั้งหลายฟังก็ได้ว่า สองสามสัปดาห์ที่แล้ว ที่ผมอาจจะพูดผ่านรายการชูธงไปแล้วบ้าง

ผมได้บอกกับทางพี่พิชิต ชื่นบาน ซึ่งเป็นมิตรแท้กับผมเนี่ย ที่เป็นทั้ง ส.ส.และฝ่ายกฎหมายของพรรค ว่าให้ไปคุยในพรรค ว่าในกรณีของผมนั้นจะกระทบกระเทือนต่อพรรคหรือไม่ ถ้าบอกว่ากระทบกระเทือน ผมจะลาออกก่อนวันที่ 18 พ.ค.ให้ ไม่เป็นภาระของพรรคอย่างเด็ดขาด ท้ายที่สุดเนี่ยนะครับ เขาก็มีการประชุมกัน และก็มีมติว่าผมไม่ต้องลาออก วันนี้หลายคนพยายามเดินทางว่า การที่พรรคส่งผม จะหาเหตุให้ยุบพรรค ก็ กกต.รับรองว่าผมถูกต้อง ถ้าจะยุบพรรคเพื่อไทยก็ยุบ กกต.ชุดนี้ไปเสียก่อน

ผมเรียนกับพี่น้องว่า วันที่เราพูดถึงเรื่องการยุบพรรคประชาธิปัตย์ ทุจริตเงิน 158 ล้าน 258 ล้าน ยักยอกเงินจากตลาดหลักทรัพย์ เงินกองทุนพัฒนาพรรคการเมือง 29 ล้าน ผมเป็นคนเตือนนายอภิชาติ สุขขัคคานนท์ว่า ให้ส่งภายใน 15 วัน อภิชาติไม่ส่งภายใน 15 วัน ศาลรัฐธรรมนูญชุดนี้วินิจฉัยว่า คดีขาดอายุความ เพราะเกิน 15 วัน ถามว่าใครเป็นคนผิด กกต.ผิด หรือว่าศาลรัฐธรรมนูญผิด หรือว่าผมผิดที่ดันไม่บอกว่าให้ยื่นภายใน 15 วัน แล้วไม่ยื่นตามเวลา 15 วัน คดีจึงขาดอายุความ แต่คดีของพวกเรา พี่น้องที่เคารพ ไม่ต้องนับอายุความกัน ต่อเวลาก็ได้ อะไรก็ได้

ผมจึงเรียนกับพี่น้องว่า วันนี้ครับ เป็นวันที่ผมอยากจะเรียนกับพี่น้องว่า วันพรุ่งนี้เชิญชวนท่านทั้งหลาย เราไปร่วมงานไว้อาลัย สดุดีวีรชนที่ราชประสงค์ วันนี้ กรณ์ จาติกวณิชเขาไปล่วงหน้าแล้ว ไม่มีปัญหาอะไร แต่วันพรุ่งนี้ วันพรุ่งนี้เราต้องไปร่วมไว้อาลัยเพื่อจะบอกกับคนทั้งโลกว่า ประเทศนี้จะไม่ยอมให้ใครมาฆ่าประชาชนอีกต่อไป ถ้าเราไม่ออกไปสำแดงพลัง โดยสงบ เหมือนกับการบอกว่าเราพร้อมถูกฆ่าใหม่อีกรอบแล้ว แต่ถ้าพรุ่งนี้พี่น้องที่เคารพ ผมดูการเคลื่อนของประชาชนแล้ว ผมคิดว่าพรุ่งนี้ไม่มากแต่ควรจะเกิน 2 แสนคน เราไปร่วมไว้อาลัยที่นั่น

ความห่วงใยที่พี่น้องมีกับผม ให้จงนึกวันที่สื่อมวลชนถามผมว่า รู้สึกท้อแท้ไหม ผมบอกว่าผมไม่มีสิทธิ์ที่จะท้อแท้ เพราะผมยังมีชะตากรรมดีกว่าพี่น้องที่ถูกฆ่า พี่น้องที่บาดเจ็บ พี่น้องที่ยังถูกคุมขังในขณะนี้ ผมจะท้อได้ยังไง ผมเพียงแค่ไม่ได้เป็นผู้แทน ยังไม่ตาย แขนขายังไม่บาดเจ็บ วันนี้ก็ออกจากเรือนจำแต่พี่น้องเรายังอยู่ในเรือนจำ เราไม่มีสิทธิ์ท้อ ตราบใดที่คนตายคนเจ็บ คนถูกขังยังไม่ได้รับความยุติกรรม ขอกราบขอบพระคุณพี่น้องทุกท่าน เดี๋ยวพี่น้องจะได้ฟังจากโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม อาจารย์ธิดา คุณหมอเหวง และคณะจะได้แถลงข่าวกันต่อ ขอบคุณในหัวใจกันจริงๆ ยังสู้ต่อไป พรุ่งนี้พบกันเหมือนเดิม สวัสดีครับ”




กำลังโหลดความคิดเห็น