ปัตตานี - ถกปมปัญหาที่ดิน “มัสยิดกรือเซะ” จ.ปัตตานี นัดแรกยังไร้ข้อสรุป ระบุผู้เรียกเชิญประชุมไม่มีอำนาจตัดสินใจแทนได้ ส่อเรื่องอาจยืดเยื้อบานปลาย
วันนี้ (4 ส.ค.) ความคืบหน้ากรณีมีตัวแทนชาวบ้านในนามชมรมรักษ์กรือเซะ ได้ทำหนังสือร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรม และ ศอ.บต. เพื่อเข้ามาแก้ไขปัญหา กรณีมีการถมดินฝั่งที่ตั้งฮวงซุ้ยลิ้มก่อเหนี่ยว สูงกว่าพื้นที่ตั้งของมัสยิดกรือเซะ ที่เป็นโบราณสถานที่สำคัญตั้งอยู่ริมถนนทางหลวงสาย 42 ปัตตานี-นราธิวาส บริเวณ ม.3 บ้านกรือเซะ ต.ตันหยงลุโล๊ะ อ.เมือง จ.ปัตตานี ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อมัสยิด ทำให้พื้นที่ของมัสยิดเกิดปัญหาน้ำท่วมขังในหน้าฝนที่ใกล้จะมาถึงนี้
นอกจากนี้ ชาวบ้านยังได้เรียกร้องกรณีการใช้สอยพื้นที่เขตโบราณสถานมัสยิดกรือเซะ ในเนื้อที่ 10 ไร่ 2 งานเศษ ตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อปี พ.ศ.2526 แต่ปัจจุบันทางมัสยิดกลับใช้สอยได้จริงเพียง 2 ไร่ ส่วนที่เหลือเป็นพื้นที่ใช้สอยของทางมูลนิธิเทพฯ ผู้ดูแลฮวงซุ้ยลิ้มก่อเหนี่ยว จึงทำให้ชาวบ้านเรียกร้องอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม
นายอับดุลรอนิง ลาเต๊ะ ประธานชมรมรักษ์กรือเซะ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมา ทางหน่วยงานอำเภอเมืองปัตตานี ได้ทำหนังแจ้งให้ผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมที่ห้องประชุม อบต.ตันหยงลุโล๊ะ เพื่อหารือหาทางออกในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยมี นายก อบต.ตันหยงลุโล๊ะ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อิหม่าม คอเต็บ บิหลั่น ผู้ทรงคุณวุฒิ ปราชญ์ชาวบ้าน ตัวแทนของชมรมรักษ์กรือเซะ ตัวแทนจากวัฒนธรรมอำเภอ ตัวแทนจากศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ ผอ.โรงเรียนจงรักษ์สัตย์วิทยามูลนิธิ นายดำรง เชาวนนท์ รองประธานมูลนิธิเทพฯ ในฐานะตัวแทนฝั่งที่ตั้งฮวงซุ้ยลิ้มก่อเหนี่ยว เข้าร่วมประชุม โดยมี นายอลงกรณ์ ปลัดอำเภอประจำตำบลตันหยงลุโล๊ะ นั่งเป็นประธานในที่ประชุม
ผลจากการประชุมในครั้งนี้ ยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้ เพราะผู้เข้าร่วมประชุม และผู้ที่เรียกเชิญมาประชุมไม่มีอำนาจในการตัดสินใจแทนได้ เพราะอำนาจทางกรมศิลปากรได้ออกคำสั่งให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เป็นผู้ปฏิบัติการณ์แทนอธิบดีกรมศิลปากรเท่านั้น คำสั่งดังกล่าวออกมาเมื่อปี พ.ศ.2536 แต่ทางผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี กลับไม่มาแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง ในที่ประชุมจึงไม่สามารถหาข้อสรุปได้ จึงไม่เข้าใจว่าตั้งใจจะประวิงเวลาไปถึงไหน
ส่วนบรรยากาศในที่ประชุมก็ได้มีสอบถามทางฝ่ายตัวแทนของมูลนิธิเทพฯ ถึงการถมดินว่ามีที่มาที่ไปเป็นอย่างไร ทางตัวแทนมูลนิธิเทพฯ ได้ตอบในที่ประชุมว่า ทราบเพียงว่าถมเพื่อปรับภูมิทัศน์ แต่ไม่รู้ว่าเป็นการดำเนินการของใคร เพื่อแก้ไขปัญหาจึงเสนอในที่ประชุมว่า ทางมูลนิธิเทพฯ ยินดีหางบประมาณในนามของมูลนิธิเทพฯ เพื่อสร้างคูระบายน้ำล้อมรอบบริเวณฮวงซุ้ยลิ้มก่อเหนี่ยว ที่เป็นบริเวณพื้นที่ถมดิน เพื่อไม่ให้น้ำฝนท่วมไหลจากพื้นที่ตั้งฮวงซุ้ยฯ เข้ามาท่วมบริเวณมัสยิด แต่ชาวบ้านที่เข้าร่วมประชุมไม่ยอม พร้อมส่งเสียงโห่
โดยชาวบ้านได้เสนอให้ทางมูลนิธิเทพฯ เปิดรั้วกั้นระหว่างพื้นที่มัสยิดกับพื้นที่ที่ตั้งฮวงซุ้ยฯ ออกทันที แล้วตักดินที่ถมออก เพราะดำเนินการไม่ถูกต้อง โดยไม่แจ้งให้หน่วยงานรับผิดชอบรับทราบ
นอกจากนั้น ในที่ประชุมได้รับแจ้งจากประธานในที่ประชุมทราบว่า ต่อไปหลังจากนี้คงต้องทำรายงานในที่ประชุมให้ฝ่ายเหนือทราบ เพื่อให้มีการแต่งตั้งคณะทำงานขึ้นมา ที่ประกอบด้วยหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งว่าจะมีการนัดประชุมอีกครั้งเมื่อไหร่
นายอับดุลรอนิง ประธานชมรมรักษ์กรือเซะ ยังกล่าวอีกว่า ปัญหาไม่ได้ยากอะไรมากมาย เพียงแค่ให้ผู้มีอำนาจเอาหลักความจริงมาตัดสินใจในการแก้ไขปัญหา โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วม ถ้าจะใช้ประโยชน์ร่วมกันก็น่าจะไม่มีปัญหา เพียงให้เปิดพื้นที่ดังกล่าวทางมัสยิดฯ สามารถใช้สอยอย่างเสรีเหมือนในอดีตที่ผ่านมา จึงอยากฝากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่าปล่อยให้กลายเป็นประเด็นน้ำผึ้งหยดเดียว เพราะมัสยิดกรือเซะเป็นมรดกที่สำคัญของชาติที่ทุกคนมีสิทธิเป็นเจ้าของ ไม่เพียงเฉพาะคนกรือเซะใน ต.ตันหยงลุโล๊ะ เชื่อว่ามุสลิมทั้งโลกเขารู้เขาไม่ยอมแน่