ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ชวนสงสัย! แนวป่าชายเลนบ้านอ่าวกุ้ง จ.ภูเก็ต แหว่งไปไหน 1 ไร่เศษ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง สั่งกั้นเขตให้ชัด ต้องเสร็จภายใน 2 อาทิตย์ ป้องกันการบุกรุกทำลาย เร่งจัดโครงการปลูกป่าทดแทน ระบุมีทั้งฆ่า ถอน ส่วนไอ้โม่งเป็นใครยังไม่ทราบ
จากกรณีกลุ่มกลุ่มอนุรักษ์ป่าชายเลนอ่าวกุ้ง ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบสภาพความสมบูรณ์ของป่าชายเลน และแนวปะการังในพื้นที่บ้านอ่าวกุ้ง หลังบริษัทเอกชนมีแผนที่จะพัฒนาที่ดินซึ่งมีเอกสารสิทธิ แต่มีพื้นที่ทิศเหนือ ติดต่อกับอ่าวกุ้ง ทิศตะวันออก ติดกับพื้นที่ป่าชายเลนบ้านอ่าวกุ้ง ทิศตะวันตก ติดต่อกับพื้นที่บ่อเลี้ยงกุ้ง และคลองอ่าวกุ้ง เนื่องจากชาวบ้านมีความเป็นห่วงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจากการทำโครงการดังกล่าว โดยเฉพาะการขุดร่องน้ำเพื่อให้เรือขนาดใหญ่เข้าไปจอดในมารีนาได้
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ล่าสุด ทางคณะกรรมการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งภูเก็ต ได้นำปัญหาเข้าสู่การหารือ ในการประชุมคณะกรรมการฯ ครั้งที่ 2/2561 ที่มี นายถาวรวัฒน์ คงแก้ว รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานในการประชุม จัดขึ้นที่โรงแรมภูเก็ต เมอร์ลิน ในวาระ เรื่องเสนอพิจารณา 4.1 การรับฟังความคิดเห็นกรณีร้องเรียนให้มีการบริหารจัดการและอนุรักษ์แนวปะการังบริเวณบ้านอ่าวกุ้ง
โดยมีการนำเสนอข้อมูลทั้งในเรื่องของพื้นที่ป่าชายเลน และการสำรวจทรัพยากรทางทะเลบริเวณบ้านอ่าวกุ้ง สำหรับในส่วนของพื้นที่ป่าชายเลนบ้านอ่าวกุ้ง นายวัชรินทร์ ถิ่นถลาง ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 9 (สบทช.9) กล่าวว่า ในส่วนของพื้นที่ป่าชายเลนบ้านอ่าวกุ้ง จากการสำรวจพบว่า เป็นพื้นที่ป่าชายเลนบ้านอุ้งกุ้งเป็นป่าชายเลนตามมาตร 4 (1) คือ เป็นทั้งป่าชายเลนตามสภาพ และป่าชายเลนตามกฎหมาย รวมทั้งมีการขีดแนวเขตป่าชายเลนตามมติ ครม. ซึ่งการจะขออนุญาตขุด หรือกระทำการใดๆ จะต้องมีการขอผ่อนผันมติ ครม.ก่อน และการขุดก็จะต้องขออนุญาตตามกฎหมาย ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มาก โดยประเด็นดังกล่าวได้มีการทำความเข้าใจต่อชาวบ้านไปแล้ว
“จากสภาพปัจจุบันของพื้นที่ป่าชายเลน โดยเฉพาะจุดที่อยู่หน้าโครงการฯ พบว่า มีรอยแหว่งไปประมาณ 1 ไร่เศษ ซึ่งจากการตรวจสอบในแผ่นที่ ก่อนหน้านี้ พบว่าแนวป่าชายเลนบริเวณดังกล่าวมีต้นโกงกางขึ้นเต็มบริเวณ และเป็นแนวยาวไม่เหมือนสภาพปัจจุบัน ที่มีรอยแหว่ง และเป็นช่องว่างขนาดใหญ่”
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ นายจตุพร บุรุษพัฒน์ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ซึ่งเดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วยตัวเองเมื่อวันที่ 20 พ.ค.ที่ผ่านมา ได้สั่งการให้ทาง สำนักงาน สบทช.9 จัดทำแนวเขตป่าชายเลน และติดป้ายประกาศ ให้ชัดเจน เพื่อป้องกันการบุกรุกทำลาย และแผ้วถางป่าชายเลน ซึ่งการทำแนวเขต และติดป้ายจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์นี้ นอกจากนั้น ให้จัดทำโครงการปลูกป่าชายเลนในพื้นที่ที่ถูกทำลายโดยด่วน ส่วนกรณีใครเป็นคนขุดทำลายแผ้วถางขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ ซึ่งก่อนหน้านี้ มีการตรวจยึดพื้นที่ดังกล่าวคืนมาแล้ว และมีการแจ้งความดำเนินคดีไว้ รวมทั้งนำป้ายไปติดเพื่อประกาศให้ทราบว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ป่าชายเลนห้ามมีการบุกรุกทำลาย แต่ไม่วายยังมีการทำลายป้ายทิ้ง
ขณะที่ตัวแทนกลุ่มอนุรักษ์ป่าชายเลนบ้านอ่าวกุ้ง ระบุว่า ชาวบ้านร่วมกันอนุรักษ์พื้นที่ป่าชายเลนดังกล่าวมากว่า 30 ปี จนได้รับรางวัลธงพระราชทาน เมื่อปี 2545 หลังจากนั้น มีการอนุรักษ์และร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ และเอกชนปลูกป่าชายเลนเพิ่มเติม แต่เมื่อปี 2555 เป็นต้นมาพบว่า ป่าชายเลนในบริเวณดังกล่าวก็เริ่มถูกแผ้วถาง ทำลาย ถูกฆ่าด้วยยาฆ่าตอ ถูกถอน จนปัจจุบันพบว่า มีการทำลายไปประมาณ 1 ไรเศษ จนทำให้เกิดสภาพรอยแหว่งขึ้นมา
แม้ว่าที่ผ่านมา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเข้าตรวจยึดพื้นที่ และติดป้ายประกาศแต่ก็ยังมีการทำลายอยู่อย่างต่อเนื่อง แม้แต่ป้ายของทางราชการยังถูกทำลาย แต่ล่าสุด ทางสถาบันการศึกษาก็ได้ลงพื้นที่ปลูกป่าชายเลนอีกครั้ง แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะเหลือรอดอีกเท่าไหร่ เพราะจนถึงขณะนี้ยังไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำลายป่าชายเลนดังกล่าว เพราะยังหาตัวผู้กระทำผิดไม่ได้ จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดเป็นมาตรการ หรือประกาศเป็นเขตคุ้มครองพื้นที่ป่าชายเลนให้ชัดเจน เพื่อรักษาป่าชายเลนให้คงอยู่สืบไป
ขณะที่ นายถาวรวัฒน์ คงแก้ว กล่าวว่า ในการประชุมครั้งนี้อยากให้มีการพูดถึงเรื่องของการกำหนดมาตรการในการป้องกัน เพราะเชื่อว่าต่อไปปัญหาเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะบ้านอ่าวกุ้ง แต่จะเกิดขึ้นในอีกหลายๆ ที่ เพราะการพัฒนาเพื่อรองรับการท่องเที่ยวทางทะเลในจังหวัดภูเก็ตยังมีอีกมาก ถ้าสามารถพัฒนาเป็นเขตคุ้มครองที่ชัดเจนออกมาได้ คนที่จะเข้าไปซื้อที่ดินเพื่อลงทุนทำโครงการอะไรในพื้นที่ที่ติดกับป่าชายเลนก็สามารถใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจได้ ว่า ซื้อแล้วจะสามารถพัฒนาอะไรได้มากน้อยแค่ไหน หรือสามารถทำอะไรได้บ้าง เพราะพื้นที่ป่าชายเลยของภูเก็ตมีครอบคลุมหลายพื้นที่ จึงอยากให้มีการประกาศเขตคุ้มครองที่ชัดเจนขึ้นมา ซึ่งเรื่องนี้จะนำเสนอไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง