นายกฯ ลั่นลงพื้นที่ทุกจังหวัดต้องทำการบ้านมาก่อน ไม่ใช่ขออะไรก็ให้ วอนอย่ามองทุกเรื่องเป็นการเมือง จะอนุมัติโครงการต้องดูแผนแม่บท-ยุทธศาสตร์ ขอสื่อ สร้างความเข้าใจ ปชช. ไม่ว่าใครจะเป็นรัฐบาล
วันนี้ (8 พ.ค.) ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังเป็นประธานประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่อย่างเป็นทางการ (ครม.สัญจร) ว่า ครั้งนี้เป็นการประชุมนอกสถานที่ครั้งที่ 19 ก็ให้ย้อนกลับไปดูว่าช่วงปีแรกๆ เราทำอะไร ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาความเดือดร้อนในพื้นที่ที่มีปัญหาก่อน หลังจากนั้นก็จะไปในจังหวัดต่างๆ ไปสร้างงานให้เกิดการบูรณาการเกิดขึ้น แม้จะไปไม่ทุกจังหวัด แต่ก็มีการเรียกผู้ว่าราชการจังหวัดในกลุ่มจังหวัดนั้นมารับทราบปัญหา ทั้งนี้ การที่รัฐบาลลงมาต่างจังหวัด ไม่ใช่ลงมาทำตามคำขอโดยที่ไม่ทำการบ้านมาเลย ต้องยึดถือหลักการ เหตุผล ประสิทธิภาพและความคุ้มค่าในการใช้จ่ายงบประมาณ โดยรัฐบาลจะมีแผนงานจากบนลงล่าง เมื่อลงพื้นที่ก็จะให้เขาเสนอความต้องการขึ้นมา อันไหนที่ตรงกัน และมีงบประมาณเพียงพอก็จะทำให้ทันที แต่อันไหนที่ไม่ตรงก็ต้องไปปรับ หารือหาข้อสรุปร่วมกัน
“ดังนั้น การลงพื้นที่ครั้งที่จึงไม่ใช่ลงมาเพื่ออนุมัติงบประมาณ 1-2 หมื่นล้านบาท อย่างที่กล่าวอ้างกัน อันนี้เป็นสิ่งที่รัฐบาลยึดถือ ขอให้ทุกคนใช้สติปัญญาใคร่ครวญ ไม่ใช่ว่าอะไรก็การเมืองไปเสียทั้งสิ้น เพียงแต่ว่าตอนนี้เป็นช่วงเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง หลายคนก็มองว่าเป็นงานการเมือง การที่รัฐบาลมุ่งหวังจะไปให้ครบทุกจังหวัด มันเป็นไปไม่ได้ เราต้องไปกลุ่มจังหวัดให้ครบเสียก่อน ถึงแม้บางจังหวัดไม่ได้ไป แต่ก็มีการอนุมัติงบประมาณให้ เพราะอยู่ในแผนงาน ในการบูรณาการกิจกรรมที่เป็นโครงการร่วมกัน ยืนยันว่าต้องไปทุกจังหวัดเพื่อรับฟังความต้องการของพื้นที่ ของประชาชนโดยตรง เพื่อให้สอดคล้องกับแผนแม่บท ว่าวางอะไรไว้บ้าง ซึ่งจำเป็นต้องมีกรอบยุทธ์ศาสตร์ชาติ แผนปฏิรูป แผนแม่บทของทุกหน่วยราชการลงมาด้วย และไปปรับให้ตรงกันว่าจะใช้งบประมาณอย่างไร” นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า ใน 4 ปีที่ผ่านมาเราให้งบประมาณโดยเฉพาะการบริหารจัดการน้ำไปทั้งหมดกว่า 5 พันล้านบาท ซึ่งไม่ต้องขอเรามาโดยตรง แต่รัฐบาลต้องคิดมาก่อน ขณะเดียวกันก็มีแผนระยะยาวเรื่องน้ำที่เราวางไว้ 6 พันกว่าล้านบาท ที่สอดคล้องกับแผนแม่บท โดยการลงพื้นที่ครั้งนี้ ก็มีการขอกันมาหลายมิติ ทั้งเรื่องบริหารจัดการน้ำ พัฒนาคุณภาพชีวิต เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน สร้างหอประชุม พัฒนาด้านสาธารณสุข โครงสร้างพื้นฐาน สนามบิน รถไฟความเร็วสูง การท่องเที่ยว เป็นต้น ซึ่งเราจำเป็นต้องสนับสนุนและงบประมาณในทางปฏิบัติก็มีอยู่แล้ว ก็ให้หน่วยงานไปปรับแผนในการดำเนินงานในอันที่ทำไม่ได้ ให้ทำได้ แต่บางอย่างก็อาจทำไม่ได้เพราะติดเรื่องอีเอชไอเอ และเอชไอเอ ซึ่งรัฐบาลอยากทำทุกอย่างที่ขอมา แต่ก็ต้องดูงบประมาณที่มีอยู่ว่าเพียงพอหรือไม่ เราไม่อยากนำเงินในอนาคตมาใช้มากเกินไป เพราะจะกลายเป็นปัญหาหนี้สาธารณะ
นายกฯ กล่าวว่า การที่เราจะแก้ปัญหาให้ประเทศเราเดินหน้าไปได้ ไม่ใช่แก้แล้วพันหน้าพันหลังไป นี่คือปัญหาของเรารัฐบาลนี้ระมัดระวังอย่างเต็มที่ โครงการที่เสนอมา ทั้งการศึกษา วิจัยพัฒนา การสร้างบุคลากร เราต้องพิจารณาดูให้ เพราะต้องดูแผนแม่บทก่อนว่าแต่ละพื้นที่ต้องเป็นอย่างไร เชื่อมโยงอย่างไร อันไหนเป็นศูนย์กลาง ถ้าทุกจังหวัดเป็นศูนย์กลางกันหมด แล้วจะไปขยายตรงไหนได้ นายกฯ มาไม่ใช่ไปชี้นู่นชี้นี่ รองนายกฯ รัฐมนตรีทุกคนต้องลงพื้นที่ทุกจังหวัดในกลุ่มภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ก็สรุปรายงาน และแผนงานต่างๆ มามากมาย การทำงานต้องเป็นแบบนี้ และวันหน้าต้องเป็นแบบนี้ด้วยไม่ว่าใครจะเป็นรัฐบาลก็ตาม ฝากสื่อแล้วกัน ตนอยู่หรือไม่อยู่ยังไม่รู้ แต่สื่ออยู่มาทุกรัฐบาล ต้องสร้างความเข้าใจให้ประชาชนเข้าใจให้ดีขึ้น อย่างน้อยก็ร่วมมือกับรัฐบาลหน้า จะเป็นใครก็ตาม แต่ต้องสร้างการยอมรับ สร้างการไว้เนื้อเชื่อใจต่อกันให้มากยิ่งขึ้น