ตรัง - ผู้ว่าฯ จ.ตรัง เผยบนเวทีเสวนาสถาบันพระปกเกล้า ถึงสาเหตุที่จังหวัดไม่พัฒนาในช่วงก่อนนี้ เชื่อเพราะข้าราชการขี้เกียจ อิงผู้ใหญ่ กินเงินเดือนสบาย งานไม่ทำ และสื่อไม่ทำหน้าที่สื่อ พร้อมยอมรับปัญหาเกษตรตกต่ำส่งผลกระทบสูง
วันนี้ (5 พ.ค.) นายศิริพัฒ พัฒกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ได้เปิดห้องรัษฎา บนศาลากลางจังหวัดตรัง ชั้น 5 เพื่อใช้เป็นเวทีเสวนาพบปะพูดคุยกับคณะศึกษาดูงาน จากสถาบันพระปกเกล้า ในหลักสูตรประกาศนียบัตรชั้นสูง การบริหารเศรษฐกิจสาธารณะ สำหรับนักบริหารระดับสูง รุ่นที่ 16 จำนวน 138 คน โดยมีนายสลิล โตทับเที่ยง ประธานหอการค้ากลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน และนายประชา งามรัตนกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดตรัง ร่วมต้อนรับ และบรรยายในหัวข้อทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจจังหวัดตรัง
ทั้งนี้ นายศิริพัฒ พัฒกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ได้มองถึงวิสัยทัศน์ของผู้ว่าฯ คนก่อนๆ ที่พยายามทำให้ตรังเป็นเมืองแห่งความสุข แต่เมื่อตนมาดำรงตำแหน่งกลับวิเคราะห์เห็นแล้วว่าแย่ จึงตั้งคำถามกลับไปว่าพอหรือยังกับตรังเมืองแห่งความสุข เพราะตนมองว่าที่ผ่านมาไม่ได้มีการพัฒนาอะไรให้ดีขึ้นมาเลย และการที่ จ.ตรัง พัฒนาไม่ได้ เพราะข้าราชการขี้เกียจ อิงผู้ใหญ่ กินเงินเดือนสบาย แต่งานไม่ทำ ในขณะที่สื่อก็ไม่ทำหน้าที่สื่อ
ดังนั้น ตนจึงพยายามปรับเปลี่ยนวิสัยทัศน์ใหม่ให้เป็นตรังเมืองแห่งคุณภาพชีวิตที่ดี และยั่งยืน โดยที่ข้าราชการ หน่วยงาน ประชาชน เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาจังหวัดไปพร้อมกัน และใช้ภาคการเกษตรขับเคลื่อน แต่เนื่องจากปัญหายางพาราที่มีราคาตกต่ำ ทำให้เกษตรกรหันไปปลูกปาล์มน้ำมันแทน ซึ่งตนมองว่าก็คงไปไม่รอด จึงต้องการให้มีการปรับเปลี่ยนมาปลูกพืชอายุสั้น ควบคู่กับพืชอายุยาว หรือปลูกพืชเชิงผสมผสาน
พร้อมทั้งเสนอให้พัฒนาไปสู่ภาคการเกษตรกรรมต่อเนื่อง พร้อมกับสนับสนุนการแปรรูปอาหาร และขับเคลื่อนภาคการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการเข้าไปปัญหาของผู้ประกอบการร้านค้าริมชายหาดปากเมง ซึ่งได้ดำเนินการอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม โดยทางจังหวัดกำลังขอใช้พื้นที่บางส่วนให้กับผู้ประกอบการเข้ามาพัฒนาด้านการท่องเที่ยว เพียงแต่จะต้องมีการแบ่งแนวเขตให้ชัดเจนเพื่อไม่ให้มีปัญหาตามมาในภายหลัง
ขณะที่นายสลิล โตทับเที่ยง ประธานหอการค้ากลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน มองว่า ขณะนี้ฮวงจุ้ยของ จ.ตรัง ได้เปลี่ยนไป โดยเฉพาะหลังจากที่มีการตัดถนนเอเชีย จนส่งผลต่อการคมนาคมที่มายัง จ.ตรัง เช่นเดียวกับการสร้างสนามบินในหลายจังหวัดข้างเคียง เช่น กระบี่ นครศรีธรรมราชการ ทำให้ผู้โดยสารปรับเปลี่ยนการเดินทางที่มายัง จ.ตรัง รวมทั้งส่งผลต่อสายการบินที่เคยมีหลายเที่ยวบิน แต่ปัจจุบันต้องลดเที่ยวบินลง ดังนั้น ถ้าหากจะพัฒนา จ.ตรังให้ก้าวหน้าทางด้านเศรษฐกิจ จะต้องมีการเชื่อมโยงเครือข่ายการคมนาคม ซึ่งขณะนี้ตนกำลังขับเคลื่อนให้มีทางรถไฟสายอันดามัน ผ่านไปยัง จ.สตูล เพื่อการสร้างฐานที่มั่นคงมากขึ้น
ด้านนายประชา งามรัตนกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดตรัง ก็มองว่า เศรษฐกิจโดยภาพรวมของ จ.ตรัง อยู่ได้ด้วยภาคเกษตรกรรม คือยางพารา แต่ปัจจุบันมีราคาตกต่ำอย่างมาก จึงพยายามเร่งให้เกิดอุตสาหกรรมภาคการเกษตร จากต้นน้ำไปสู่กลางน้ำ และปลายน้ำให้มากที่สุด และมีประสิทธิภาพควบคู่
