ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ศาลปกครองสงขลาพิพากษาคดีชาวชุมชนเมืองเก่าสงขลาฟ้องเทศบาลนครสงขลา อาศัยอำนาจเทศบัญญัติรื้อสิ่งปลูกสร้างแต่กลับนำวัสดุไปแจกจ่ายกันในพวกพ้องตัวเองไม่แจ้งให้เจ้าของทรัพย์สินทราบ ศาลปกครองสงขลาพิพากษาว่ามีความผิด ผู้เสียหายยืนยันเดินหน้าฟ้องร้องให้เป็นตัวอย่างแก่สังคมโดยเฉพาะข้าราชการที่ยังคิดประพฤติเช่นนี้กับชาวบ้าน เผยแนวเขตพื้นที่พิพาทอยู่ติดสถานประกอบการเลขานายกเทศมนตรีนครสงขลา ชาวบ้านรอลุ้นนายกรัฐมนตรี “บิ๊กตู่” จะจัดการเรื่องนี้อย่างไร
วันนี้ (3 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าศาลปกครองสงขลานัดอ่านคำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ ๘๒/๒๕๕๙ ในคดีที่นางศันสนีย์ ฟรายเฟรา ฟอน เอนซแบร์ก ผู้ฟ้องคดี ฟ้องเทศบาลนครสงขลา จากเหตุกระทำละเมิดทางปกครอง กรณีที่เทศบาลนครสงขลา รื้อถอนบ้านของผู้ฟ้องคดีซึ่งตั้งอยู่บนที่ดินติดกับแนวเขตคูเมืองกำแพงเมืองสงขลา ซึ่งเป็นที่ดินในการดูแลของกรมธนารักษ์
เทศบาลนครสงขลาได้ละเว้นไม่ดำเนินการแจ้งให้ผู้ฟ้องคดีทราบถึงการยึดวัสดุก่อสร้างที่รื้อถอนและสิ่งของที่ขนออกจากอาคารส่วนที่มีการรื้อถอน ทั้งยังได้นำวัสดุก่อสร้างและสิ่งของดังกล่าวไปใช้ประโยชน์โดยมิชอบ ทำให้ผู้ฟ้องคดีได้รับความเสียหาย
ซึ่งองค์คณะตุลาการศาลปกครองได้ตรวจพิจารณาเอกสารทั้งหมดในสำนวนคดี รวมทั้งกฎหมาย กฎระเบียบ และข้อบังคับที่เกี่ยวข้องประกอบแล้ว พิพากษาใจความว่า เทศบาลนครสงขลา ผู้ถูกฟ้องคดี ละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดในการที่ไม่ดำเนินการแจ้งให้ผู้ฟ้องคดีทราบถึงการยึดวัสดุก่อสร้างที่รื้อถอนและสิ่งของที่ขนออกจากอาคารส่วนที่มีการรื้อถอนจริง
และการที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นในสังกัดเทศบาลนครสงขลา นำวัสดุก่อสร้างและสิ่งของดังกล่าว ไปใช้ในการก่อสร้างบ้านพักคนงานก่อสร้างหรือป้อมยาม ก็เป็นการมิชอบด้วยกฎหมาย และพิพากษาให้เทศบาลนครสงขลา ผู้ถูกฟ้องคดี ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้ฟ้องคดีอีกส่วนหนึ่ง
จากผลคำพิพากษาดังกล่าว ทำให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นในสังกัดเทศบาลนครสงขลา ผู้ถูกฟ้องคดี ซึ่งเกี่ยวข้องกับการดำเนินการจนเป็นเหตุแห่งการฟ้องในคดีนี้ อาจต้องถูกดำเนินคดีอาญา ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗ ต่อไป
รศ.ดร.ศรัญญา บุนนาค ผู้รับมอบอำนาจในการฟ้องคดีนี้ เปิดเผย “MGR Online ภาคใต้” ว่า จะนำผลจากคำพิพากษาศาลปกครองครั้งนี้ไปดำเนินการฟ้องร้องในทางความผิดอาญามาตรา ๑๕๗ ด้วย เนื่องจากอยากให้เรื่องนี้ได้เป็นบทเรียนแก่ข้าราชการ เพราะที่ผ่านมายอมรับว่ามีประชาชนต้องได้รับความเดือดร้อนมากมายจากการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบจากข้าราชการแทบจะทุกหน่วยงานจริงแต่ไม่มีใครกล้าพูดไม่มีใครกล้าเอ่ยปากเพราะเรื่องขึ้นโรงขึ้นศาลเป็นเรื่องที่ชาวบ้านทั่วไปอาจจะไม่กล้าไม่รู้ว่ามีสิทธิ์อุทธรณ์หรือฟ้องร้องความเป็นธรรมอย่างไรได้บ้างในกระบวนการทางกฎหมายที่มีอยู่ตามรัฐธรรมนูญของประเทศไทย
“ได้ยินท่านนายกรัฐมนตรีบอกว่าจะสั่งให้มีการตรวจสอบข้าราชการที่ประพฤติมิชอบทันทีภายใน ๗ วัน ให้ประชาชนเป็นฝ่ายร้องเรียนไป นี่เป็นเรื่องหนึ่งที่ทางเทศบาลทำให้ประชาชนชาวสงขลาต้องทนอยู่อย่างอึดอัดกันมานานแล้ว โดยเฉพาะประชาชนย่านเมืองเก่าที่ได้รับความไม่เป็นธรรมจากการดำเนินโครงการนี้ ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่เห็นด้วยกับการพัฒนานี้ แต่ดูเหมือนยิ่งพัฒนาไปประชาชนกลับยิ่งไม่มีโอกาสได้มีส่วนร่วมมากขึ้นเรื่อยๆ บางคนต้องทิ้งบ้านไปอาศัยอยู่หาดใหญ่ ผู้บริหารจะรู้บ้างไหมว่าเขาทำอะไรไม่เป็นธรรมกับชาวบ้านบ้าง เพราะหลายเรื่องเขาไม่เคยถาม มีแต่บังคับให้ทำ นี่จะเป็นอีกกรณีหนึ่งที่ข้าราชการควรได้รับบทเรียนจากการใช้อำนาจอย่างไม่เป็นธรรมกับประชาชน” รศ.ดร.ศรัญญา กล่าว
ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากชาวชุมชนเมืองเก่าสงขลารายหนึ่งซึ่งขายบ้านไปอาศัยอยู่ใน อ.หาดใหญ่ ห่างจากเมืองเก่าสงขลาไปประมาณ 26 กิโลเมตร ว่า เธอรู้สึกคับแค้นใจจากการพัฒนาที่อาจจะดูดีจากการมองของสายตาคนภายนอก แต่มีชาวสงขลาอีกกว่า 20 ครอบครัวที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการบริหารโครงการพัฒนาเมืองเก่าสงขลาเป้นแหล่งท่องเที่ยว
“ทุกวันนี้สิ่งที่เกิดขึ้นคือนายทุนไม่กี่กลุ่มแย่งกันกว้านซื้อที่ดิน ขนาดคนเป็นนักวิชาการเป็นด๊อกเตอร์ยังไม่ได้รับความเป็นธรรม พวกเราเป็นชาวบ้านธรรมดาแล้วมันจะไปเหลืออะไร ขนาดคนพิการขาด้วนตาบอดอาภัพอับจนไร้ที่อยู่ที่อาศัย ขนาดชาวป่าชาวเขาเงาะป่าซาไกเขายังโกง กับคุณก็คิดว่าจะเหลือรึ มีชาวบ้านที่เขาไม่กล้าพูดหลายคน แต่ก็มีบางคนที่กล้าพูดเรื่องความเดือดร้อนนี้ ดิฉันให้สัมภาษณ์ทีวีมาหลายช่องแล้ว ร้องเรียนไปก็หลายหน่วยงาน ไม่กล้าออกข่าวอีกแล้ว ย้ายบ้านหนีมาอยู่หาดใหญ่เสียเลย ที่เหลือต่อไปก็แล้วแต่นายกฯ ก็แล้วกันค่ะ”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าประมวลกฎหมายอาญาระบุว่า “มาตรา 157 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสองหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ” โดยผลจากความผิดนี้ทำให้ผู้ถูกกล่าวหาถึงขั้นถูกออกจากราชการ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าข้อสังเกตุจากข้อพิพาทในคดีนี้คือบ้านราษฎรที่ถูกรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างอยู่ติดกับสถานประกอบการแห่งหนึ่งซึ่งผู้ดำเนินการมีตำแหน่งเป็นเลขานุการ นายกเทศมนตรีเทศบาลนครสงขลา ผู้บริหารหน่วยงานที่กำลังจะถูกฟ้องดำเนินคดีอาญามาตรา 157 และตรงกับห้วงเวลาที่นายกรัฐมนตรีประกาศนโยบายปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการเป็นนโยบายเร่งด่วนในช่วงนี้ทำให้ประชาชนจับตามองว่าข้อร้องเรียนต่างๆ จะถูกสะสางปัญหาให้หมดไปได้จริงหรือไม่ในแวดวงราชการ