xs
xsm
sm
md
lg

ชาวเลยันไม่จับปลาในเขตอุทยานฯ นายกราไวย์เตรียมพาร้องขอความเป็นธรรม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ชาวเลราไวย์ ยันไม่จับปลาในเขตอุทยาน แต่จอดเรือเพื่อรักษาอาการคนป่วยจากโรคน้ำหนีบเท่านั้น เหตุก่อนหน้านี้ ดำน้ำลึกกว่า 30 เมตร เพื่อจับปลา จำเป็นต้องลงน้ำเพื่อปรับสภาพร่างกาย

จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กส่วนตัวชื่อ Maitree Jongkraijug โพสต์ภาพชาวเลหาดราไวย์ ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต และข้อความระบุ ว่า “ผมไม่คิดเลยว่าจะมีคดี ชาวเลราไวย์ถูกจับกุมโดยอุทยานอีก เมื่อมีการแจ้งกันในไลน์กลุ่มชาวเลว่า “ชาวเลราไวย์เจอน้ำหนีบ...จอดเรือในเขตอุทยานเพื่อหยุดปรับสมดุล โดยลงในน้ำอีกครั้ง ที่เขตอุทยาน และถูกจับดำเนินคดี” หลังจากนั้น ชาวเลก็ได้การประกันตัว

สำหรับความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (10 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยัง นายพิชิต บางจาก อายุ 43 ปี หนึ่งในชาวเลราไวย์ หรือชาวไทยใหม่ ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ที่ถูกเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติสิรินาถ จับกุมพร้อมพวกอีก 5 คน กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุ ตนพร้อมด้วยเพื่อนชาวเลอีก 5 คน ได้เดินทางออกจากชายหาดราไวย์ เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2561 ที่ผ่านมา และไปถึงบริเวณทะเลเป้าหมายในพื้นที่ อ.คุระบุรี จ.พังงา ในช่วงค่ำวันเดียวกัน หลังพักผ่อนก็ได้ลงดำน้ำหาปลาตามปกติ

กระทั่งกลางคืนของวันที่ 7 มกราคม 2561 นายทะนงศักดิ์ เกาะงาม รู้สึกอาการไม่ดีคล้ายกับเป็นโรคน้ำหนีบ ในขณะเดียวกัน คนอื่นๆ ในกลุ่มเองก็มีอาการคล้ายๆกัน เนื่องจากในการดำน้ำจับปลาแต่ละครั้งมีความลึกถึง 30 เมตร และอยู่ในน้ำนานครั้งละประมาณ 1-2 ชั่วโมง จึงตัดสินใจเดินทางกลับ

กระทั่งรุ่งเช้าของวันที่ 8 มกราคม ขณะที่แล่นเรือเข้าสู่เขตทะเลของ จ.ภูเก็ต และเมื่อมาถึงบริเวณหน้าหาดในทอน หลานชายบอกว่า อาการไม่ค่อยดีจึงได้หาจุดทิ้งสมอเรือเพื่อให้หลานชายลงไปในน้ำเพื่อปรับร่างกายบรรเทาอาการของน้ำหนีบอีกครั้ง ตามวิธีการรักษาของชาวเล ที่ทำกันมาอย่างยาวนาน เพราะถ้ารอให้กลับไปถึงบ้านอาคารอาจจะหนักจนรักษาไม่ได้ คนที่ป่วยอาจจะเสียชีวิต หรือเป็นอัมพาตได้

แต่อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่หลานชายลงไปในน้ำเพื่อปรับสภาพร่างกาย และมีเพื่อนชาวเลอีก 2 คน ลงไปข้างเรือ โดยบนเหลือมีกันอยู่ 3 คน ซึ่งตนกำลังปรุงอาหารเพื่อรอหลานชายขึ้นมาจากน้ำก็จะได้รับประทาน เนื่องจากการเดินทางยังต้องเวลาอีกหลายชั่วโมง ขณะนั้นได้มีเจ้าหน้าที่อุทยานฯ นำเรือเข้ามาจอดเทียบ

เมื่อมาถึงก็ได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ และสั่งให้หยุดการทำอาหาร พร้อมทั้งดึงตัวหลานชายที่อยู่ในน้ำขึ้นมาอย่างรวดเร็ว โดยไม่ได้สอบถามอะไร ซึ่งการดึงตัวหลานชายที่กำลังปรับสภาพร่างกายขึ้นมาอย่างรวดเร็วถือว่าผิดหลักการในการขึ้นจากน้ำ เนื่องจากร่างกายจะปรับอุณหภูมิไม่ทัน และจะยิ่งทำให้อาการหนักขึ้น

อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้น ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ควบคุมตัวตน พร้อมด้วยพวก รวมทั้งสิ่งของที่อยู่บนเรือไปยังที่ทำการอุทยานฯ บนฝั่ง เพื่อสอบสวน ซึ่งในขณะนั้นพวกตนก็ยืนยันว่า ไม่ได้จับปลาในเขตอุทยาน แต่เป็นการจับปลามาจากพื้นที่อื่น แต่ทางเจ้าหน้าที่ก็ไม่เชื่อ และนำตัวส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดี

นายพิชิต กล่าวต่อไปว่า ตนขอยืนยันว่าไม่มีเจตนาที่จะเข้าไปทำประมงในเขตอุทยานฯ เพราะรู้อยู่แล้วว่ามีความผิด เพียงแต่ต้องจอดเรือลอยลำ และทอดสมอเพื่อให้หลานชายซึ่งมีปัญหาจากการดำน้ำได้ปรับสภาพร่างกายเท่านั้น

ด้าน นายสนิท แซ่ฉั่ว ชาวเลราไวย์ ที่เดินทางไปให้กำลังใจผู้ที่ถูกควบคุมตัว กล่าวว่า ตนได้แจ้งประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นไปยัง พล.อ.สุรินทร์ พิกุลทอง ประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหาความมั่นคงในที่อยู่อาศัย พื้นที่ทำกิน และพื้นที่ทางจิตวิญญาณของชุมชนชาวเล ทราบแล้ว และอยู่ระหว่างการดำเนินการช่วยเหลือชาวเลที่ถูกจับกุม แต่เบื้องต้น ทั้งหมดได้รับการประกันตัวเป็นการชั่วคราว โดยทาง นายวรวิทย์ สีสาคูคาม ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 6 ต.ไม้ขาว อ.ถลาง และนายแพทย์วิชิต บุรพชนก แพทย์ประจำโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพชุมชนสาคู ได้ใช้ตำแหน่งในการประกันตัวออกมา

โดยหลังจากนี้ แนวทางในการสู้คดีก็คงต้องมีการรวบรวมหลักฐานเพื่อแสดงให้เห็นว่า กลุ่มชาวเลไม่ได้เข้าไปจับปลาในเขตอุทยานฯ แต่เป็นการนำผู้ป่วยด้วยโรคน้ำหนีบได้ลงน้ำเพื่อปรับสภาพร่างกาย ซึ่งจะต้องใช้ระดับความลึกของน้ำประมาณ 20 เมตร โดยในส่วนของ นายทะนงศักดิ์ นั้น ขณะนี้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว ส่วนเด็กอายุ 14 ปี ก็ได้รับการประกันตัวแล้วเช่นกัน

ขณะที่ นายอรุณ โสฬส นายกเทศมนตรีตำบลราไวย์ กล่าวว่า หลังจากตนทราบเรื่องดังกล่าวก็ได้นัดกลุ่มชาวเลมาพูดคุย และสอบเรื่องที่เกิดขึ้น เพื่อจะแจ้งให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ทราบ และร้องขอความเป็นธรรมให้แก่ชาวเลราไวย์ต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น