ศูนย์ข่าวภูเก็ต - รองแม่ทัพภาค 4 เรียกประชุมเครียดร่วมผู้เกี่ยวข้องแก้ปัญหาข้อพิพาทที่ดินชาวเลราไวย์ กับบริษัทบารอนฯ รวมทั้งตัวแทนเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินที่ตั้งชุมชนชาวราไวย์ ผลการประชุมไร้ข้อยุติ ในส่วนขอพิพาทกับบริษัทบารอน ยืนยันดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม ขณะที่ในส่วนของเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินยืนยันขายให้รัฐไปจัดสรรให้ชาวไทยใหม่อยู่อาศัย
เมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้ (9 มิ.ย.) พล.ต.คุณวุฒิ หมอแก้ว รองแม่ทัพภาค 4 เรียกประชุมผู้เกี่ยวข้องร่วมหารือ และหาแนวทางการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทระหว่างชาวเลราไวย์ กับบริษัทบารอน หลังเกิดปัญหากระทบกระทั่งกันหลายครั้ง ซึ่งล่าสุด เกิดการปะทะกันเมื่อวันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา รวมทั้งกรณีพิพาทระหว่างเจ้าของที่ดินที่ชาวเลหาดราไวย์ตั้งชุมชน และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ผู้เกี่ยวข้อง เช่น นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พล.ต.ต.ธีระพล ทิพย์เจริญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ตัวแทนจากดีเอสไอ นางเตือนใจ ดีเทศน์ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน นายไมตรี กงไกรจักร นางปรีดา คงแป้น เอ็นจีโอที่เกี่ยวข้องต่อกลุ่มชาวเล นายชาตรี หมาดสตูล ตัวแทนบริษัทบารอนฯ และตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เป็นที่น่าสังเกตว่า การประชุมในครั้งนี้ไม่มีตัวแทนชาวเลเข้าร่วมประชุม แต่ระหว่างที่มีการประชุมได้มีกลุ่มชาวเลราไวย์จำนวนหนึ่งเดินทางมารอสังเกตการณ์ และเตรียมที่จะยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่อรองแม่ทัพภาพที่ 4 และเจ้าหน้าที่จากดีเอสไอ ซึ่งการประชุมในครั้งนี้ใช้เวลาประชุมเครียดนานกว่า 3 ชั่วโมง ทางคณะจึงเดินออกจากห้องประชุม ซึ่งหลังออกจากห้องประชุม ทางรองแม่ทัพภาคที่ 4 ได้ร่วมหารือกับทางผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตอีกครั้ง ก่อนที่จะให้สัมภาษณ์ต่อผู้สื่อข่าว ส่วนหนังสื่อร้องขอความเป็นธรรมที่ชาวเลราไวย์เตรียมมานั้น ได้ยื่นให้แค่เจ้าหน้าที่ดีเอสไอเท่านั้น ในขณะที่หนังสือที่จะยื่นต่อรองแม่ทัพภาพที่ 4 ไม่สามารถยื่นได้ ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้แก่ชาวเลเป็นอย่างมาก จนบางคนถึงกับร้องไห้ออกมาด้วยความคับแค้นใจ ที่ไม่สามารถยื่นหนังสือในครั้งนี้ได้ เพราะต่างก็มารอกันตั้งแต่ช่วงเที่ยงวันนี้เพื่อยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมดังกล่าว
พล.ต.คุณวุฒิ หมอแก้ว รองแม่ทัพภาค 4 กล่าวถึงผลการหารือร่วมกันในครั้งนี้ว่า ในส่วนของการประชุมได้ข้อสรุป ว่า ในส่วนของเจ้าของที่ดินที่ชาวเลราไวย์ตั้งเป็นชุมชนในปัจจุบันนี้นั้น ทางเจ้าของที่ดินยังยืนยันที่จะขายที่ดินให้แก่รัฐเหมือนเดิม ส่วนเรื่องของราคาก็ขึ้นอยู่กับรัฐบาล เพื่อจัดสรรเป็นที่อยู่อาศัยให้แก่ชาวเลราไวย์ต่อไป
ส่วนกรณีที่ดินของบริษัทบารอนฯ ซึ่งมีปัญหา และข้อพิพาทกับชาวเลราไวย์ นั้น จะมีการดำเนินการตามกระบวนยุติธรรม และจะมีการยื่นเรื่องต่อศาลกันต่อไป เพื่อให้ศาลเป็นผู้ชี้ขาดในประเด็นต่างๆ ทุกหน่วยงานต่างก็มีความเห็นร่วมกันในเรื่องนี้เพื่อใช้เป็นแนวทางในการดำเนินการ ซึ่งตนเชื่อว่า ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นคิดว่าน่าจะสามารถแก้ไขได้ในเร็วๆ นี้ สำหรับการยื่นต่อศาลนั้นในส่วนของชาวเลราไวย์จะเดินทางไปยื่นต่อศาลในวันพรุ่งนี้ ส่วนจะมีประเด็นอะไรบ้านยังไม่สามารถบอกได้ อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่กำลังรอศาลตัดสินนั้น ในส่วนของทางบริษัทบารอนฯ ก็จะรอจนกว่าจะศาลจะมีการสั่งการออกมาอย่างไร
ขณะที่ นายจำเริญ ทิพยพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงกรณีที่มีปัญหาเกิดขึ้นระหว่างชาวเลราไวย์ กับทางบริษัทบารอน ก็ต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของกฎหมาย ในส่วนของผู้ที่ถูกออกหมายจับก็ต้องมีการดำเนินคดีกันไป ซึ่งก็มีทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งตนได้มีสั่งการให้มีการดำเนินคดีไปตามกฎหมาย และให้พิจารณาคดีด้วยความเป็นธรรม ฝ่ายรัฐก็อยู่ตรงกลาง ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทั้ง 2 ฝ่ายก้าวข้ามหลักกฎหมายไปใช้ความรุนแรงก็มีกฎหมายมากำกับอีก ให้ว่ากันไปตามกฎหมาย
ส่วนกรณีที่ดินแปลงที่ชาวบ้านอาศัย และทางเจ้าของจะขายให้แก่รัฐนั้น เรื่องนี้ทางจังหวัดได้ทำเรื่องเสนอไปแล้ว รอการตัดสินใจจากทางรัฐบาลว่า จะเป็นไปได้หรือไม่ ส่วนเรื่องราคาก็ขึ้นอยู่กับทางเจ้าของที่ดิน และทางรัฐบาล และราคาประเมิน
เมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้ (9 มิ.ย.) พล.ต.คุณวุฒิ หมอแก้ว รองแม่ทัพภาค 4 เรียกประชุมผู้เกี่ยวข้องร่วมหารือ และหาแนวทางการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทระหว่างชาวเลราไวย์ กับบริษัทบารอน หลังเกิดปัญหากระทบกระทั่งกันหลายครั้ง ซึ่งล่าสุด เกิดการปะทะกันเมื่อวันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา รวมทั้งกรณีพิพาทระหว่างเจ้าของที่ดินที่ชาวเลหาดราไวย์ตั้งชุมชน และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ผู้เกี่ยวข้อง เช่น นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พล.ต.ต.ธีระพล ทิพย์เจริญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ตัวแทนจากดีเอสไอ นางเตือนใจ ดีเทศน์ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน นายไมตรี กงไกรจักร นางปรีดา คงแป้น เอ็นจีโอที่เกี่ยวข้องต่อกลุ่มชาวเล นายชาตรี หมาดสตูล ตัวแทนบริษัทบารอนฯ และตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เป็นที่น่าสังเกตว่า การประชุมในครั้งนี้ไม่มีตัวแทนชาวเลเข้าร่วมประชุม แต่ระหว่างที่มีการประชุมได้มีกลุ่มชาวเลราไวย์จำนวนหนึ่งเดินทางมารอสังเกตการณ์ และเตรียมที่จะยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่อรองแม่ทัพภาพที่ 4 และเจ้าหน้าที่จากดีเอสไอ ซึ่งการประชุมในครั้งนี้ใช้เวลาประชุมเครียดนานกว่า 3 ชั่วโมง ทางคณะจึงเดินออกจากห้องประชุม ซึ่งหลังออกจากห้องประชุม ทางรองแม่ทัพภาคที่ 4 ได้ร่วมหารือกับทางผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตอีกครั้ง ก่อนที่จะให้สัมภาษณ์ต่อผู้สื่อข่าว ส่วนหนังสื่อร้องขอความเป็นธรรมที่ชาวเลราไวย์เตรียมมานั้น ได้ยื่นให้แค่เจ้าหน้าที่ดีเอสไอเท่านั้น ในขณะที่หนังสือที่จะยื่นต่อรองแม่ทัพภาพที่ 4 ไม่สามารถยื่นได้ ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้แก่ชาวเลเป็นอย่างมาก จนบางคนถึงกับร้องไห้ออกมาด้วยความคับแค้นใจ ที่ไม่สามารถยื่นหนังสือในครั้งนี้ได้ เพราะต่างก็มารอกันตั้งแต่ช่วงเที่ยงวันนี้เพื่อยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมดังกล่าว
พล.ต.คุณวุฒิ หมอแก้ว รองแม่ทัพภาค 4 กล่าวถึงผลการหารือร่วมกันในครั้งนี้ว่า ในส่วนของการประชุมได้ข้อสรุป ว่า ในส่วนของเจ้าของที่ดินที่ชาวเลราไวย์ตั้งเป็นชุมชนในปัจจุบันนี้นั้น ทางเจ้าของที่ดินยังยืนยันที่จะขายที่ดินให้แก่รัฐเหมือนเดิม ส่วนเรื่องของราคาก็ขึ้นอยู่กับรัฐบาล เพื่อจัดสรรเป็นที่อยู่อาศัยให้แก่ชาวเลราไวย์ต่อไป
ส่วนกรณีที่ดินของบริษัทบารอนฯ ซึ่งมีปัญหา และข้อพิพาทกับชาวเลราไวย์ นั้น จะมีการดำเนินการตามกระบวนยุติธรรม และจะมีการยื่นเรื่องต่อศาลกันต่อไป เพื่อให้ศาลเป็นผู้ชี้ขาดในประเด็นต่างๆ ทุกหน่วยงานต่างก็มีความเห็นร่วมกันในเรื่องนี้เพื่อใช้เป็นแนวทางในการดำเนินการ ซึ่งตนเชื่อว่า ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นคิดว่าน่าจะสามารถแก้ไขได้ในเร็วๆ นี้ สำหรับการยื่นต่อศาลนั้นในส่วนของชาวเลราไวย์จะเดินทางไปยื่นต่อศาลในวันพรุ่งนี้ ส่วนจะมีประเด็นอะไรบ้านยังไม่สามารถบอกได้ อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่กำลังรอศาลตัดสินนั้น ในส่วนของทางบริษัทบารอนฯ ก็จะรอจนกว่าจะศาลจะมีการสั่งการออกมาอย่างไร
ขณะที่ นายจำเริญ ทิพยพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงกรณีที่มีปัญหาเกิดขึ้นระหว่างชาวเลราไวย์ กับทางบริษัทบารอน ก็ต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของกฎหมาย ในส่วนของผู้ที่ถูกออกหมายจับก็ต้องมีการดำเนินคดีกันไป ซึ่งก็มีทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งตนได้มีสั่งการให้มีการดำเนินคดีไปตามกฎหมาย และให้พิจารณาคดีด้วยความเป็นธรรม ฝ่ายรัฐก็อยู่ตรงกลาง ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทั้ง 2 ฝ่ายก้าวข้ามหลักกฎหมายไปใช้ความรุนแรงก็มีกฎหมายมากำกับอีก ให้ว่ากันไปตามกฎหมาย
ส่วนกรณีที่ดินแปลงที่ชาวบ้านอาศัย และทางเจ้าของจะขายให้แก่รัฐนั้น เรื่องนี้ทางจังหวัดได้ทำเรื่องเสนอไปแล้ว รอการตัดสินใจจากทางรัฐบาลว่า จะเป็นไปได้หรือไม่ ส่วนเรื่องราคาก็ขึ้นอยู่กับทางเจ้าของที่ดิน และทางรัฐบาล และราคาประเมิน
