ศูนย์ข่าวภูเก็ต - มทบ.41 ประชุมร่วมกับผู้ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดิน และตัวแทนบริษัทบารอน หาดราไวย์ จ.ภูเก็ต ที่มีข้อพิพาทกับชาวไทยใหม่ เพื่อทราบความต้องการ และข้อมูลในเรื่องของที่ดิน
วันนี้ (19 พ.ค.) ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต พล.ต.ธีร์ณฉัฏฐ์ จินดาเงิน ผู้บัญชาการควบคุมมณฑลทหารบกที่ 41 (มทบ.41) ประชุมร่วมกับผู้ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดิน จำนวน 19 ไร่ ซึ่งมีชาวเลราไวย์ หมู่ 2 ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ใช้เป็นที่อยู่อาศัย และตัวแทนจากบริษัทบารอนเพื่อหาทางป้องกัน และป้องปรามมิให้ปัญหาขยายออกไป รวมทั้งรับทราบปัญหา และแสวงหาแนวทางปฏิบัติที่เหมาะสมเพื่อไให้เกิดความไม่สงบในพื้นที่ และอยู่ร่วมกันอย่างสันติ
เนื่องจากก่อนหน้านี้ ได้เกิดความขัดแย้งจนนำไปสู่การใช้กำลังทำร้ายกันระหว่างชาวเลราไวย์ และกลุ่มคนงานของบริษัทบารอน เวิลด์ เทรด จำกัด เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ และเหตุการณ์ความขัดแย้งยังคงอยู่ ส่งผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยภายในบริเวณพื้นที่ชุมชนชาวเลราไวย์ และพื้นที่ใกล้เคียง โดยมีผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินในแปลงที่ชาวเลยราไวย์ อาศัยอยู่ รวม 14 แปลง และนายชาลี หมาดสตูล ตัวแทนบริษัท บารอนเวิลด์ เทรด จำกัด เข้าร่วม โดยการหารือในครั้งนี้ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้ารับฟังแต่อย่างใด
ทั้งนี้ ภายหลังจากการหารือกับกลุ่มเจ้าของที่ดินเสร็จเรียบร้อยแล้ว พล.ต.ธีร์ณฉัฏฐ์ จินดาเงิน ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 41 ยังได้มีการประชุมหารือร่วมกับทาง นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และ พล.ต.ต.ธีระพล ทิพย์เจริญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ซึ่งไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนร่วมรับฟังเช่นกัน
พล.ต.ธีร์ณฉัฏฐ์ จินดาเงิน ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 41 กล่าวภายหลังการหารือร่วมกับเจ้าของที่ดินราไวย์ ว่า สืบเนื่องจากปัญหาความขัดแย้งในเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดินระหว่างเจ้าของที่ดิน และกลุ่มชาวเลราไวย์ ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้มีการพูดคุยกับกลุ่มตัวแทนชาวเลราไวย์ เพื่อรับทราบความต้องการของกลุ่มชาวเลไปแล้ว และในครั้งนี้ได้เชิญในส่วนของกลุ่มเจ้าของที่ดินมาหารือ เพื่อทราบความต้องการ และข้อมูลในเรื่องของที่ดิน ซึ่งกลุ่มเจ้าของที่ดินมีเอกสารสิทธิ์ที่ถูกต้อง ดังนั้น จะต้องให้ความเป็นธรรมต่อทั้งสองฝ่าย โดยทางเจ้าของที่ดินยินดีที่จะขายที่ดินทั้งหมด จำนวน 19 ไร่ ให้แก่ภาครัฐ เพื่อนำไปพัฒนาเป็นโครงการที่อยู่อาศัย หรือจะดำเนินการใดๆ ตามความเหมาะสมต่อไป
ขณะที่ในส่วนที่ดินของบริษัทบารอนฯ ซึ่งไม่ได้มีกลุ่มชาวเลอาศัยอยู่ เพียงแต่มีปัญหาในเรื่องของทางเดินสาธารณะที่ชาวเลต้องผ่านไปประกอบพิธีกรรมตามความเชื่อ และคาดว่า เมื่อที่ดินได้ถูกขายให้ภาครัฐแล้วปัญหาต่างๆ ก็น่าจะยุติ และทางบริษัทบารอนฯ เองก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร” พล.ต.ธีร์ณฉัฏฐ์ กล่าว
วันนี้ (19 พ.ค.) ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต พล.ต.ธีร์ณฉัฏฐ์ จินดาเงิน ผู้บัญชาการควบคุมมณฑลทหารบกที่ 41 (มทบ.41) ประชุมร่วมกับผู้ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดิน จำนวน 19 ไร่ ซึ่งมีชาวเลราไวย์ หมู่ 2 ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ใช้เป็นที่อยู่อาศัย และตัวแทนจากบริษัทบารอนเพื่อหาทางป้องกัน และป้องปรามมิให้ปัญหาขยายออกไป รวมทั้งรับทราบปัญหา และแสวงหาแนวทางปฏิบัติที่เหมาะสมเพื่อไให้เกิดความไม่สงบในพื้นที่ และอยู่ร่วมกันอย่างสันติ
เนื่องจากก่อนหน้านี้ ได้เกิดความขัดแย้งจนนำไปสู่การใช้กำลังทำร้ายกันระหว่างชาวเลราไวย์ และกลุ่มคนงานของบริษัทบารอน เวิลด์ เทรด จำกัด เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ และเหตุการณ์ความขัดแย้งยังคงอยู่ ส่งผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยภายในบริเวณพื้นที่ชุมชนชาวเลราไวย์ และพื้นที่ใกล้เคียง โดยมีผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินในแปลงที่ชาวเลยราไวย์ อาศัยอยู่ รวม 14 แปลง และนายชาลี หมาดสตูล ตัวแทนบริษัท บารอนเวิลด์ เทรด จำกัด เข้าร่วม โดยการหารือในครั้งนี้ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้ารับฟังแต่อย่างใด
ทั้งนี้ ภายหลังจากการหารือกับกลุ่มเจ้าของที่ดินเสร็จเรียบร้อยแล้ว พล.ต.ธีร์ณฉัฏฐ์ จินดาเงิน ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 41 ยังได้มีการประชุมหารือร่วมกับทาง นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และ พล.ต.ต.ธีระพล ทิพย์เจริญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ซึ่งไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนร่วมรับฟังเช่นกัน
พล.ต.ธีร์ณฉัฏฐ์ จินดาเงิน ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 41 กล่าวภายหลังการหารือร่วมกับเจ้าของที่ดินราไวย์ ว่า สืบเนื่องจากปัญหาความขัดแย้งในเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดินระหว่างเจ้าของที่ดิน และกลุ่มชาวเลราไวย์ ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้มีการพูดคุยกับกลุ่มตัวแทนชาวเลราไวย์ เพื่อรับทราบความต้องการของกลุ่มชาวเลไปแล้ว และในครั้งนี้ได้เชิญในส่วนของกลุ่มเจ้าของที่ดินมาหารือ เพื่อทราบความต้องการ และข้อมูลในเรื่องของที่ดิน ซึ่งกลุ่มเจ้าของที่ดินมีเอกสารสิทธิ์ที่ถูกต้อง ดังนั้น จะต้องให้ความเป็นธรรมต่อทั้งสองฝ่าย โดยทางเจ้าของที่ดินยินดีที่จะขายที่ดินทั้งหมด จำนวน 19 ไร่ ให้แก่ภาครัฐ เพื่อนำไปพัฒนาเป็นโครงการที่อยู่อาศัย หรือจะดำเนินการใดๆ ตามความเหมาะสมต่อไป
ขณะที่ในส่วนที่ดินของบริษัทบารอนฯ ซึ่งไม่ได้มีกลุ่มชาวเลอาศัยอยู่ เพียงแต่มีปัญหาในเรื่องของทางเดินสาธารณะที่ชาวเลต้องผ่านไปประกอบพิธีกรรมตามความเชื่อ และคาดว่า เมื่อที่ดินได้ถูกขายให้ภาครัฐแล้วปัญหาต่างๆ ก็น่าจะยุติ และทางบริษัทบารอนฯ เองก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร” พล.ต.ธีร์ณฉัฏฐ์ กล่าว
