xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯ ไม่ขัดแย้งคดี “ธัมมชโย” กันสบช่องหาประโยชน์ สั่งผู้ว่าฯแก้ปมชาวราไวย์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“ประยุทธ์” ปลื้มยางราคาสูงขึ้น พร้อมหารือผลิตใช้ยางจะได้ไม่ต้องส่งออกอย่างเดียว ย้ำ พัฒนาระบบทางคู่ไม่ซ้ำซ้อนรถไฟความเร็วสูง เข้มไกด์หวั่นท่องเที่ยวเสียหาย สั่งยกเลิกเรียกชาวราไวย์ ให้ข้อมูลทหาร ยันไม่รังแก ยึด กม. ดูแลเท่าเทียม ให้ ผู้ว่าฯวางแนวทางแก้ปัญหา แจง ไอยูยู ข้อมูลอาจคลาดเคลื่อน รับแก้ทั้งระบบยาก ย้ำคดี “ธัมมชโย” ยึดตาม กม. ดักไม่ขัดแย้งใครกันสบช่องแสวงหาประโยชน์

วันนี้ (26 เม.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ดีใจและน่ายินดีที่ราคายางพาราสูงขึ้น ตั้งแต่ราคา 60 - 62 บาท ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรม ได้มีการหารือและประชุมร่วมกับประเทศจีน และ มาเลเซีย เรื่องการผลิตใช้ยาง กว่า 1.6 แสนตัน ให้ได้โดยเร็ว โดยจะมีการนำยางมาใช้ในประเทศอย่างน้อยเกือบ 2 แสนตัน ซึ่งจะทำให้เร็วในรับเบอร์ซิตี้ ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ จะได้ไม่ส่งออกเพียงอย่างเดียว ซึ่งหลายอย่างจะเกิดขึ้นในปีนี้ถึงปีหน้า และขณะนี้มีนักลงทุนรายใหม่ที่สนใจจะมาลงทุนกับเรา

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงการพัฒนาระบบทางคู่ ขนาดทาง 1 เมตร ว่า จะทำแน่นอน ซึ่งทำในทางคู่เดิม ไม่ได้ซ้ำซ้อน เพราะคนละความมุ่งหมาย ซึ่ง 1 เมตร ต้องทำให้เกิดทางคู่สัญจรไปมาได้ และรองรับในเรื่องความเร็วมากขึ้น ทั้งรถจักร หัวรถไฟ ตู้รถไฟ ในอนาคตต้องทำให้สมบูรณ์ ซึ่งเป็นคนละอย่างกับรถไฟความเร็วสูง ที่ทำในระยะแรกเท่านั้นเอง ซึ่งนั่นเป็นเรื่องอนาคต ถ้าสามารถเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านได้ ก็ค่อยทำต่อไป เพราะถ้าเราสร้างมากต้องใช้เงินมาก ตนเป็นห่วงเรื่องนี้ และต้องดูว่าจะเกิดประโยชน์อะไรขึ้นได้บ้าง ซึ่งจะทำให้เรามีรายได้ต่อค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างได้พอสมควร เพราะในต่างประเทศเอง ระยะแรกก็พบว่าขาดทุน แต่ต่อมาเมื่อเติบโตขึ้น มีการค้าขาย 2 ข้างทางมากขึ้น รายได้ก็กลับมาสู่ประชาชนเอง ซึ่งทั้งหมดนี้อยู่ในระหว่างการก่อสร้าง ระหว่างการพิจารณา และเสนอพิจารณางบประมาณจาก ครม. ต่อไป

นายกฯ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม สำหรับเรื่องความก้าวหน้า ขณะนี้อีกสิ่งหนึ่ง คือ เรื่องการท่องเที่ยว ซึ่งมีแนวโน้มในทางที่ดี แต่ต้องระวังเรื่องความปลอดภัย ต้องช่วยกันสร้างความเข้าใจว่าจะช่วยกันเฝ้าระวังอย่างไร ไม่อย่างนั้นจะเกิดความเสียหายอีก เช่น การร้องเรียนเรื่องไกด์ ซึ่งต้องเข้าไปตรวจสอบทั้งหมด ไปดูทั้งข้อกฎหมาย และทำอย่างไร ธุรกิจ และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจะไม่เสีย โดยต้องทำให้ไกด์ไทยแข็งแรงด้วย รวมถึงปัญหาการประกอบธุรกิจนำเที่ยวโดยให้คนไทยเป็นตัวแทน (นอมินี) ด้วย

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกรณีที่ คสช. โดยมณฑลทหารบกที่ 41 ออกคำสั่งเรียกแกนนำชาวเลราไวย์เข้ามาให้ข้อมูล ว่า จริง ๆ แล้ว เป็นการพูดคุยมาโดยตลอด ที่ผ่านมา เราเป็นฝ่ายรัฐก็ต้องดูกฎหมายว่าอย่างไร ฝ่ายชาวเลราไวย์เขาก็ดูเรื่องประวัติศาสตร์ ขณะนี้กระทรวงมหาดไทยได้ตรวจสอบเรื่องของกฎหมาย และการถือครองใบอนุญาต หรือโฉนด ฝ่ายหนึ่งก็ว่าถูกต้อง ฝ่ายนี้ก็ว่าประวัติศาสตร์ อีกฝ่ายก็เรื่องกฎหมาย เพราะฉะนั้นต้องหาทางออกให้ได้ วันนี้กำลังหารือกันอยู่ จะทำยังไงให้คนเหล่านี้มีที่อยู่อาศัยโดยไม่เกิดผลกระทบ

“ผมก็สั่งยกเลิกไปแล้ว อย่าไปเรียกให้เขาไปคุยในค่ายเลย ไปคุยที่ผู้ว่าราชการจังหวัดโน่น คือ เดิมคุยที่ผู้ว่าฯแล้วคุยสองฝ่ายก็ไม่รู้เรื่องอีก ฝ่ายหนึ่งก็ไม่ยอมกัน ฝ่ายหนึ่งประวัติศาสตร์ ฝ่ายหนึ่งกฎหมาย มันก็ไม่มีทางออก เขาก็เลยอาจขอความร่วมมือไปที่คสช. แล้ว คสช. ก็หวังดีอาจจะเรียกทีละพวกมาคุยกัน ทีนี้พอเรียกข้างชาวราไวย์ กลายเป็นว่าเหมือนเราจะไปบังคับเขา มันไม่ใช่ ผมต้องอยู่ข้างประชาชนอยู่แล้ว แต่ขณะเดียวกัน ผมก็ต้องถือกฎหมายด้วยสิ มันเป็นสิ่งที่ยากนะ อย่าไปทำตามกระแส ไม่ได้ ผมจะไปรังแกทำไม แต่ถ้ารังแกโดยที่ไม่ให้ความเป็นธรรมกับคนอื่นเขาเลย มันก็ไม่ได้ นี่แหล่ะคือความยากง่าย ถ้าจะปล่อยให้ทะเลาะกันอยู่ต่อ ผมก็ทำได้ แต่ผมไม่ทำ มันต้องแก้ไขให้ได้ ทั้งสองฝ่ายต้องร่วมมือ ผมก็สั่งผู้ว่าฯไปแล้วให้ไปหาทางพูดคุยซะ เขาก็เตรียมการแล้วว่าจะไปอยู่ที่อื่นยังไง ฝั่งนี้ก็ยืนยันตามสิทธิ์กฎหมาย ผมก็ไม่รู้จะทำยังไง แต่จะดูแลให้ ค่อย ๆ ทำ อย่าไปทะเลาะกัน” นายกฯ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกรณีการทำประมงที่ผิดกฎหมาย (ไอยูยู) ที่สหภาพยุโรป หรือ อียู ออกมาระบุ ได้ข้อมูลไม่ตรงกับหน่วยงานของประเทศไทย ว่า ถือเป็นความหวังดีของทุกคน แต่ช่องทางการติดต่อสื่อสารบางทีไม่ตรง และไม่เป็นช่องทางเดียวกัน ตนได้แก้ไขแล้ว ในเดือนหน้าก็จะมีการประชุมในเรื่องนี้ ขณะเดียวกัน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย คณะทำงานที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งรัดในเรื่องดังกล่าวอยู่ เพื่อปรับข้อมูลให้ตรงกัน ที่ผ่านมา ช่วงแรกจะต้องออกกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพราะมองในภาพใหญ่ว่าต้องแก้ปัญหาทั้งระบบ มันจึงเยอะ พอเยอะขึ้นมา ทางต่างประเทศเขาเน้นเอาตัวเลข แล้วกำหนดกฎหมายมีกี่ฉบับก็ต้องเท่านั้นฉบับ แต่ถึงเวลาจริง ๆ มันไม่ใช่ กฎหมายบางฉบับมันก็ไม่จำเป็น ที่ประกาศไปคงต้องมาทำความเข้าใจ

“ยังไงก็ต้องพยายามทำอย่างเต็มที่ เจตนารมณ์เรามุ่งมั่น แน่นอนย่อมมีผู้ได้รับผลกระทบ ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ประกอบการ ก็ต้องเห็นใจด้วย เพราะที่ผ่านมา ผู้ประกอบการก็ได้ประโยชน์มาพอสมควร ช่วงนี้ก็ต้องเสียสละเพื่อชาติบ้าง ถ้าเราไปมองว่าธุรกิจจะเสียหาย แล้วถ้าทำต่อไปวันหน้าจะเสียหายมากกว่านี้หรือไม่ สื่อต้องชั่งน้ำหนักให้ผมด้วย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เตรียมออกหมายจับพระเทพญาณมหามุนี หรือ พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย หลังไม่เข้ารับทราบข้อกล่าวหา โดยอ้างป่วยว่า เป็นเรื่องของกฎหมาย ให้เขาดำเนินการไป แล้วไปดูกันอีกทีในรายละเอียด บางเรื่องได้มอบหมายใครไปแล้วคนนั้นก็ต้องดำเนินการ กฎหมายว่ายังไง ก็ว่าไปตามนั้นก่อน แล้วมาหาวิธีการว่าจะทำอย่างไร

“ผมไม่ต้องการสร้างความขัดแย้งกับใครทั้งสิ้น เดี๋ยวจะมีคนมาฉวยประโยชน์อีก ประท้วงรัฐบาลไปกันใหญ่ ศาสนาเข้าไปอีก คือ มันมีคนแสวงประโยชน์ทุกวัน เพราะฉะนั้นผมจะไม่พูดเยอะ ช่วงนี้ต้องพูดให้น้อยลง ผมไม่อยากไปอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งที่รุม แล้วผมต้องทำงานเยอะแยะที่รออยู่เนี่ย ก็เพื่อพวกเราทั้งนั้น” นายกฯ และหัวหน้า คสช. กล่าว




กำลังโหลดความคิดเห็น