ตรัง - ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ชงจัดงบกว่า 100 ล้าน ช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยาง เตรียมชูตรังเป็นต้นแบบเรื่องยางด้วยวลี “คิดถึงยาง คิดถึงตรัง” พร้อมเดินหน้าระดมความคิดเห็นทุกภาคส่วน ขณะที่แกนนำเครือข่ายฯ พอใจยันรัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรีต้องลงมาแก้ปัญหา
วันนี้ (15 พ.ย.) ภายในห้องแถลงข่าว ศาลากลางจังหวัดตรัง นายศิริพัฒ พัฒกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง นายวสันต์ ถนอมทรัพย์ นายชัชวาล ฉายะบุตร รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าวประจำสัปดาห์ โดยมีวาระการแถลงข่าวประเด็นการแก้ปัญหายางพาราในสถานการณ์ปัจจุบันของจังหวัดตรัง โดยเฉพาะข้อเรียกร้องของเครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางจังหวัดตรัง ยื่นข้อเรียกร้องผ่านจังหวัดไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนายกรัฐมนตรี ได้มีการดำเนินการต่อไปอย่างไร โดยมี นายประสบ สุขสนาน เครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางจังหวัดตรัง นายถนอมเกียรติ ยิ่งฉ้วน ที่ปรึกษาประธานเครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางระดับประเทศ ร่วมรับฟัง
นายศิริพัฒ พัฒกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง กล่าวว่า เบื้องต้น ขอชี้แจงให้ทราบว่า การเรียกให้ตัวแทนเครือข่ายสถาบันเกษตรกรยางใน จ.ตรัง 2 ท่านเข้าพบภายในค่าย ร.15 พัน 4 ค่ายพระยารัษฎานุประดิษฐ์ ไม่ได้เป็นการอุ้มเข้าค่ายทหารไปปรับทัศนคติ หรือห้ามไม่ให้ไปร่วมสมทบกับตัวแทนจากภาคอื่นๆ เพื่อเข้าพบรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เมื่อวันที่ 13 พ.ย.60 ที่ผ่านมา แต่เป็นการขอพูดคุยทำความเข้าใจถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในจังหวัดตรัง และขอให้มีการร่วมกันกำหนดแนวทางแก้ปัญหากันภายใน ส่วนข้อเรียกร้องระดับประเทศก็ยินดีส่งไปยัง คสช. รัฐบาล และกระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งทุกฝ่ายก็พูดคุยกันเข้าใจตรงกัน ไม่มีปัญหาอันใด ขอให้เชื่อในบรรยากาศปรองดอง และเป็นไปในทิศทางเดียวกันที่จะร่วมกันแก้ปัญหาเพื่อปากท้องของชาวสวนยางพารา
นายศิริพัฒ กล่าวอีกว่า อยากให้เกษตรกรชาวสวนคิดทบทวนเรื่องการแปรรูปยางเพื่อเพิ่มมูลค่าของยางให้มากขึ้น เรื่องของคุณภาพน้ำยางที่จะทำให้มีรายได้มากขึ้นด้วย หากมีเวลาว่าง นอกจากขายน้ำยางควรทำเป็นยางแผ่น เพราะขายได้ราคาดีกว่า ส่วนภาคราชการเน้นย้ำให้เกษตรอำเภอต้องทำงานหนักขึ้น เพื่อให้ได้ข้อมูลความเดือดร้อนของเกษตรกรอย่างแท้จริง รวบรวมเพื่อหาทางช่วยเหลือต่อไป ส่วนในเรื่องโรงงานน้ำยางข้น จังหวัดก็ยังมีแนวคิดที่จะผลักดันให้เกิดขึ้น สหกรณ์ฯ มีเงินในการดำเนินการแต่ตอนนี้ยังหาสถานที่ก่อสร้างไม่ได้ เนื่องจากต้องใช้พื้นที่กว่า 70 ไร่
“ขณะที่ทางจังหวัดตรัง มีความต้องการในอันที่จะแก้ปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางอย่างเป็นระบบ และยั้งยืน จะไม่มีการถอย และจะปล่อยให้จังหวัดตรังมีการโค่นยางไปทำไม เรื่องนี้ตนจะไม่ยอมเด็ดขาด การโค่นจะต้องโค่นในปริมาณที่เหมาะสม จะต้องโค่นอย่างมีหลักคิด ไม่ใช่ว่าเมื่อราคายางพาราไปไม่รอดแล้ว คิดแต่จะโค่นต้นยางกัน จึงอยากให้พี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางได้รับรู้ว่า จะต้องทำให้คนทั่วไปรับรู้กันด้วยวลี ว่า คิดถึงยาง คิดถึงตรัง” นายศิริพัฒ กล่าว
นายศิริพัฒ กล่าวอีกว่า ทางจังหวัดตรังได้นำงบพัฒนาจังหวัด จำนวน 1 ล้านบาท จะนำเกษตรกรชาวสวนยางที่ไม่เคยเข้ากลุ่มอะไรกับเขา เวลาประชุมสหกรณ์ ประชุมกลุ่มวิสาหกิจ ซึ่งเกษตรกรชาวสวนยางกลุ่มนี้ไม่เคยได้เข้าร่วม ได้มีโอกาสเข้าร่วมด้วยการจัดตั้งเวทีรับฟังความคิดเห็นอย่างถึงแก่น ซึ่งจะเป็นเกษตรกรชาวสวนยางระดับรากหญ้าจริงๆ เรื่องนี้จังหวัดยังไม่เคยทำ และจะต้องทำกันต่อไป แม้จะต้องมีการมอบปัจจัยการผลิตแม้ว่าจะไม่เกี่ยวกับยาง แต่ว่าเกี่ยวกับเรื่องวิถีชีวิตชาวสวนยางที่ไม่เคยได้รับจากกระทรวงเกษตรฯ หรือจากรัฐบาล แต่เขาเป็นคนจน ตนมอบหมายให้นายอำเภอไปคิดว่าจะคัดเลือกหาหลักเกณฑ์ช่วยเกษตรกรชาวสวนยางกลุ่มที่เดือดร้อนสุดๆ มีสวนยางน้อย ยากจน มีหนี้สินที่สุจริตมากนี้อย่างไร และจะแก้ปัญหาเพื่อให้เกษตรกรชาวสวนยางกลุ่มนี้มีกินให้ได้ภายในปีนี้
“ในปี 2562 ตนได้เตรียมจัดทำงบประมาณระดับ 100 ล้าน แล้วแต่จะคิดมาเพื่อยางโดยเฉพาะ เช่น อุตสาหกรรมได้ประมาณ 30-40 ล้าน จะทำเรื่องอัดแท่งยาง สหกรณ์ได้ในเรื่องของการทำบล็อก บูท จะมีงบพัฒนาจังหวัดให้กิจการเกี่ยวกับยางที่เกี่ยวเนื่องด้วย นี่คือสิ่งที่จังหวัดตรังจะได้ทำเพื่อแก้ปัญหาให้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง ผมอยากบอกว่า พี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางจังหวัดตรัง จะต้องมีความคิด และจะต้องแก้ปัญหายางพาราด้วยความแหลมคมให้ได้ ให้สมกับราคาที่จังหวัดตรัง มียางต้นแรก ทำไมเราต้องรอฟัง สงขลา พัทลุง และจังหวัดอื่น ทำไมจังหวัดเหล่านั้นไม่รอฟังตรัง ผมบอกพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางจังหวัดตรังได้เลยว่า จังหวัดตรังต้องเป็นผู้นำ เกษตรกรชาวสวนยางพาราจังหวัดตรังต้องเป็นผู้นำ ถึงแม้จะมีการประท้วงก็ตาม ตนจึงได้บอกว่า ความเดือดร้อนของประชาชนเป็นเรื่องที่ผู้ว่าราชการจังหวัดตรังต้องรับรู้”
ขณะที่ นายประทบ สุขสนาม กล่าวว่า ในส่วนแนวคิดของผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ในนามของเครือข่ายฯ เห็นด้วยที่อยากให้จังหวัดตรัง เป็นผู้นำเรื่องยางพารา เนื่องจากจังหวัดตรังเป็นแหล่งปลูกยางพาราต้นแรกของประเทศไทย ทางเครือข่ายฯ พร้อมที่จะให้ความร่วมมือต่อทุกภาคส่วน โดยเบื้องต้น จากการยื่นข้อเรียกร้องของทางเครือข่ายฯ ผ่านทางจังหวัดตรังนั้น ทางผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ได้ให้แนวคิดว่า จะเข้ามาให้ความช่วยเหลือเกษตรกรในระดับรากหญ้าที่ไม่มีเอกสารสิทธิ และเข้าไม่ถึงความช่วยเหลือจากภาครัฐได้ ซึ่งทางเครือข่ายฯ จึงเสนอให้หน่วยงานภาครัฐในพื้นที่จังหวัดตรัง ทำงานอย่างบูรณาการ โดยเฉพาะฝ่ายปกครอง และท้องถิ่นจะรับทราบปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรอย่างแท้จริง ด้วยการคัดเลือกตัวแทนเกษตรกรชาวสวนยางที่เดือดร้อนจริงๆ เข้าโครงการดังกล่าว
ในส่วนของงานนโยบายงบประมาณของจังหวัดตรัง ไม่ว่าจะเป็นงบยุทธศาสตร์จังหวัด งบกลุ่มจังหวัดที่เกี่ยวข้องเรื่องยางพารา ทราบว่า ทางจังหวัดได้จัดสรรงบประมาณลงมาให้ความช่วยเหลือ ประการสำคัญ นโยบายระดับประเทศซึ่งเป็นกลไกสำคัญเรียกร้องให้ผู้บริหารระดับสูงที่รับผิดชอบโดยตรง โดยเฉพาะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอให้เข้ามาดูแลปัญหา จะมอบหมายให้หน่วยงานหนึ่งหน่วยงานใดที่เกี่ยวข้องต่อยางพารามาแก้ปัญหาคงจะแก้ยาก ด้วยเหตุผลบางครั้งติดขัดในหลายเรื่อง จึงอยากให้รัฐมนตรี รวมถึงนายกรัฐมนตรี ลงมาแก้ปัญหาให้แก่ชาวสวนยาง