อุบลราชธานี - ราคารับซื้อยางพาราที่จังหวัดอุบลราชธานีปรับตัวสูงขึ้น หลังรัฐบาลมีนโยบายอุดหนุนราคา ทุ่มซื้อยางออกจากตลาด แต่ชาวสวนยางยังต้องปรับตัวหันผลิตยางแผ่นแทนยางก้อนถ้วย เพื่อรับอานิสงส์จากนโยบายของรัฐบาลด้วย
นายประสิทธิ กาญจนา ที่ปรึกษาชุมนุมสหกรณ์กองทุนสวนยางอุบลราชธานี จำกัด กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีนโยบายอุดหนุนราคายางพาราที่ตกต่ำให้มีราคาสูงขึ้น เพื่อช่วยชาวสวนยางพาราตามข้อเรียกร้องที่ผ่านมา โดยนโยบายของรัฐบาลขณะนี้มุ่งสนับสนุนการซื้อน้ำยางไปทำเป็นสนามฟุตซอล ซื้อยางแผ่นดิบรมควันไปเก็บไว้ใช้ในโครงการต่างๆ เพื่อดึงยางออกจากตลาดให้ราคายางพารามีราคาสูงขึ้นไปตามกลไกการตลาด แต่ชาวสวนยางที่จังหวัดอุบลราชธานีนิยมทำเป็นยางก้อนถ้วย ซึ่งตลาดนำไปทำเป็นยางแท่ง ชาวสวนยางจังหวัดอุบลราชธานีจึงต้องมีการปรับตัวเพื่อให้ได้รับประโยชน์จากนโยบายของรัฐบาล โดยชุมนุมสหกรณ์กองทุนสวนยางจังหวัดได้มีการหารือกับสหกรณ์สนับสนุนให้ชาวสวนยางหันมาผลิตเป็นยางแผ่นดิบและแบบแผ่นดิบรมควันมากขึ้น เพื่อให้ได้ประโยชน์จากนโยบายนี้ด้วย
สำหรับที่ชาวสวนยางจังหวัดอุบลราชธานีและภาคอีสาน ได้รับประโยชน์น้อยจากนโยบายอุดหนุนของรัฐบาลขณะนี้ เพราะจะต้องหยุดกรีดยางอย่างช้าที่สุดไม่เกินสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ เพราะต้นยางเริ่มเข้าสู่ฤดูยางผลัดใบเป็นสัญญาณของการสิ้นสุดฤดูกาลกรีดยางแล้วนั้น แต่สมาชิกของสหกรณ์และชุมนุมชาวสวนยาง ก็ยังมีรายได้จากรูปแบบของเงินปันผล เพราะเมื่อชาวสวนยางหยุดกรีดยาง แต่ผู้ประกอบการยังต้องซื้อยางส่องมอบตามคำสั่งซื้อให้ทันตามกำหนด ตามสหกรณ์ที่ยังมียางเหลือในสต๊อก ก็จะทยอยขายยางเข้าสู่ตลาดที่ยังมีความต้องการ แล้วนำผลกำไรมาให้แก่สมาชิก ถือเป็นรายได้ทางอ้อมที่สมาชิกของสหกรณ์จะได้รับจากการผลิตยางพารา นายประสิทธิ ที่ปรึกษาชุมนุมสหกรณ์กองทุนสวนยางอุบลราชธานีกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับราคายางแผ่นดิบเดิมมีราคารับซื้อเฉลี่ย 30-33 บาท ปรับตัวขึ้นเป็น 38 บาทเศษ ยางแผ่นดินรมควันชั้น 3 จาก 32-35 บาทเป็น 41 บาทเศษ ส่วนยางก้อนถ้วยเปียกค้างคืนกิโลกรัมละ 15 บาทเศษ โดยทิศทางราคายางพาราในรอบสัปดาห์มาจนถึงวันนี้มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง เป็นผลมาจากมาตรการเข้ามารับซื้อยางพาราของรัฐบาล ส่วนยางก้อนถ้วยที่ยังมีราคาไม่สูงมาก เพราะโรงงานส่วนใหญ่ได้รับซื้อไว้มากตอนที่ราคายางราคาตก และไม่มีความแน่นอนเรื่องความชื้นของเนื้อยางด้วย
