ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ชาวสงขลาเซ็ง! โครงการก่อสร้างศูนย์ศึกษาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทะเลสาบสงขลา หรือ “อะควาเรียมสองทะเล” เชิงสะพานติณฯ โดย สอศ.ใช้งบประมาณไปแล้วกว่า 1,400 ล้านบาท สร้างมา 10 ปี ยังไม่แล้วเสร็จ ศธ.ตั้งกรรมการสอบ แต่ผู้เกี่ยวข้องเสียชีวิตไปแล้ว ด้าน สตง.ตรวจพบไม่มีการวางแผนงานที่ชัดเจน หากก่อสร้างให้แล้วเสร็จต้องใช้งบประมาณอีกมหาศาล
วันนี้ (28 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวได้เข้าตรวจสอบความคืบหน้าโครงการก่อสร้างศูนย์ศึกษาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทะเลสาบสงขลา ตั้งอยู่ที่วิทยาลัยประมงติณสูลานนท์ ม.2 ต.พะวง อ.เมือง จ.สงขลา หลังจากได้รับการร้องเรียนจากแฟนเพจ “MGR Online ภาคใต้” ว่า โครงการนี้เริ่มทำการก่อสร้างมาเป็นระยะเวลานานแล้ว เหตุใดจึงยังไม่แล้วเสร็จ
จากการเข้าตรวจสอบ พบว่า บริเวณด้านหน้าทางเข้าโครงการซึ่งเป็นถนนดินแดง มีป้ายข้อความ “ห้ามเข้าเขตก่อสร้างอันตราย” และมีตาข่ายพลาสติกสีเขียวปิดล้อมเป็นรั้วไว้โดยรอบ อย่างไรก็ตาม พบว่าเส้นทางเข้าสู่โครงการฯ ไม่ได้ปิดล็อกประตูรั้วแต่อย่างใด จึงเข้าทำการตรวจสอบ โดยคนงานที่อยู่ในบริเวณไซต์งานก่อสร้างรายหนึ่งทราบว่า “ไม่มีการก่อสร้างมาระยะหนึ่งแล้ว”
สำหรับโครงการก่อสร้างศูนย์ศึกษาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทะเลสาบสงขลา หรืออะควาเรียมสองทะเล เริ่มเปิดตัวดำเนินการก่อสร้างอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 4 ก.พ.51 โดย นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยในขณะนั้น ได้เดินทางมาตรวจดูความคืบหน้าโครงการ ในฐานะเป็นประธานที่ปรึกษาโครงการ
โดยโครงการก่อสร้างศูนย์ศึกษาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทะเลสาบสงขลา ดำเนินการโดยสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา วงเงินงบประมาณเบื้องต้น 800,000,000 ราคากลางก่อสร้าง 856,000,000 (ตัวอาคาร)
เป็นโครงการที่นำผลการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำทะเลสาบสงขลา มาปรับปรุงให้ทันสมัยยิ่งขึ้น และเพิ่มเติมในส่วนของงานศึกษาค้นคว้า และทดลองเกี่ยวกับชีววิทยาทางทะเล เพื่อให้สอดคล้องต่อการดำเนินงานของวิทยาลัยประมงติณสูลานนท์ เพื่อให้เป็นสถานที่ทำการศึกษาค้นคว้า และทดลองเกี่ยวกับชีววิทยาของสัตว์น้ำ พันธุ์ไม้น้ำ และการเพาะขยายพันธุ์ ของคณาจารย์ และนักศึกษา
รวมทั้งสนับสนุนร่วมมือ อำนวยความสะดวกเกี่ยวกับการวิจัย และพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และพันธุ์ไม้น้ำ เพื่อเป็นแหล่งเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับชีวิตสัตว์น้ำ และความเป็นอยู่ ชีววิทยา และระบบนิเวศของทะเลสาบสงขลา ตลอดจนจะเป็นแหล่งทัศนศึกษาของชาวไทย และต่างประเทศที่เดินทางมายัง จ.สงขลา
ภายในโครงการ ประกอบด้วย อาคารจัดแสดงพันธุ์พืชและสัตว์น้ำ โรงสูบน้ำ และระบบกรองน้ำ ถังพักน้ำ บ่อสำหรับเลี้ยงและอนุบาลสัตว์น้ำ บ่อสำหรับรักษาสัตว์น้ำที่เจ็บป่วย ห้องแสดงนิทรรศการ ห้องประชุม ห้องปฏิบัติการต่างๆ ห้องเก็บ และเตรียมอาหารสัตว์ ระบบระบายน้ำและระบบบำบัดน้ำเสีย ระบบการฆ่าเชื้อโรคในน้ำ
ระบบไฟฟ้าและเครื่องปรับอากาศ ฟื้นฟูระบบนิเวศทางธรรมชาติ ปลูกป่าชายเลนและทางเดิน สะพานเทียบเรือ โรงเก็บเรือและคานขึ้นเรือ พร้อมเรือสำหรับออกทำการวิจัยรวบรวม และลำเลียงตัวอย่างสัตว์น้ำ ปรับปรุงพื้นที่ ถนน ทางเท้า ที่จอดรถยนต์ และจัดภูมิทัศน์
ระยะเวลาในการก่อสร้างตามสัญญาจะใช้เวลา 4 ปี ซึ่งควรจะแล้วเสร็จเต็มรูปแบบตามโครงการตั้งแต่ปี 2553 แต่จนถึงวันนี้เป็นเวลาร่วม 10 ปี อะควาเรียมสองทะเลสงขลา ยังก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ เนื่องจากได้เกิดปัญหาขึ้นหลังจากเริ่มก่อสร้างไปได้ไม่นาน
โดยในเดือนกุมภาพันธ์ 2552 กระทรวงศึกษาธิการ ได้แต่งตั้งคณะกรรมการติดตาม และตรวจสอบข้อเท็จจริงปัญหาในการดำเนินโครงการก่อสร้าง เนื่องจากการก่อสร้างซึ่งดำเนินการโดยสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) มีปัญหาข้อโต้แย้งในสัญญา และในการดำเนินงานระหว่างผู้รับจ้างกับผู้ว่าจ้าง ทำให้โครงการล่าช้า และมีปัญหาด้านการใช้จ่ายงบประมาณ
ต่อมา ในเดือนพฤษภาคม 2552 คณะกรรมการติดตาม และตรวจสอบข้อเท็จจริงได้สรุปสาเหตุที่ทำให้การก่อสร้างล่าช้ามาจาก 2 ประเด็น คือ 1.บริษัทผู้รับเหมาไม่ดำเนินการก่อสร้างตามที่มีการเซ็นสัญญา และจ่ายเงินมัดจำไปแล้ว จำนวน 125 ล้านบาท 2.พบว่า นายเฉลียว อยู่สีมารักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) ในขณะนั้นได้ทำหนังสือถึงบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างให้หยุดการก่อสร้าง ภายหลังจากเข้าดำรงตำแหน่งเลขาธิการ กอศ.เพียง 20 กว่าวันเท่านั้น
ซึ่งความเสียหายที่เกิดขึ้นประเมินไม่ได้ว่าเป็นจำนวนเงินเท่าไร แต่ถือเป็นการบริหารงบประมาณที่ไร้ประสิทธิภาพ เพราะสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) จ่ายเงินมัดจำไปแล้วถึง 125 ล้านบาท แต่กลับไม่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จได้ทันตามสัญญาในปี 2553
หลังจากนั้น พบว่า นายเฉลียว อยู่สีมารักษ์ ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) ในขณะนั้น ได้ตกเป็นหนึ่งในผู้ถูกกล่าวหาในคดีโครงการจัดซื้อครุภัณฑ์ภายใต้แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ ระยะที่ 2 ไทยเข้มแข็ง ประจำปีงบประมาณ 2553-2555 งบประมาณ 5.3 พันล้านบาท โดยถูกตั้งกรรมการสอบเมื่อปี 2559 ที่ผ่านมา และอยู่ในระหว่างการไต่สวนของ ป.ป.ช. แต่ปรากฏว่า นายเฉลียว ได้ถึงแก่กรรมด้วยโรคเนื้องอกในตับ เมื่อวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมา
ส่วนการตรวจสอบการก่อสร้างโครงการล่าสุดเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน พร้อมเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบโครงการ พบว่า มีการใช้งบประมาณระยะที่หนึ่ง 835 ล้านบาท ก่อสร้างตัวอาคาร ระยะที่สอง 269 ล้านบาท สร้างระบบเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ระยะที่สาม 42 ล้านบาท และระยะที่สี่ 258 ล้านบาท รวมใช้งบประมาณก่อสร้างไปแล้ว จำนวน 1,404 ล้านบาท และพบว่า ความล่าช้าของโครงการมาจากการไม่มีแผนงานรองรับที่ชัดเจน และความไม่ต่อเนื่องของงบประมาณที่ได้รับ ทาง สตง.จะทำหนังสือเร่งรัดไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
ขณะเดียวกัน หากจะดำเนินการก่อสร้างให้เสร็จสิ้นก็จะต้องใช้งบประมาณอีกจำนวนมากเพื่อก่อสร้างส่วนต่างๆ ให้ครบตามรูปแบบ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2562 หากได้รับงบประมาณเพิ่มเติม โดยอาจจะต้องเสียงบประมาณจำนวนหนึ่งในการซ่อมแซมส่วนประกอบต่างๆ ของอาคารที่เริ่มจะมีสภาพชำรุด เนื่องจากขาดการดูแลมาเป็นระยะเวลานาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัญหาการก่อสร้างศูนย์ศึกษาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทะเลสาบสงขลา ที่ล่าช้าเลยกำหนดสัญญาปี 2553 มาเป็นเวลาร่วม 10 ปีในขณะนี้ ได้ส่งผลให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากประชาชนใน จ.สงขลา ที่รู้สึกผิดหวังต่อโครงการที่หลายคนตั้งตารอคอย โดยเชื่อว่าความล่าช้าส่วนหนึ่งอาจมีสาเหตุมาจากการคอร์รัปชันที่ยังตรวจสอบไม่พบก็เป็นได้