xs
xsm
sm
md
lg

“สรส.สาขาหาดใหญ่” จี้บิ๊กตู่ทบทวนแปรรูปรัฐวิสาหกิจเอื้อทุนทำร้ายประเทศและประชาชน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


 
ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - “สรส.สาขาหาดใหญ่” ยื่นหนังสือผ่านผู้ว่าฯ สงขลา จี้ “บิ๊กตู่” ขอให้ทบทวนมติ ครม.และแนวนโยบายของรัฐที่นำไปสู่การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ชี้ขัดเจตนา และไม่เป็นไปตามคำแถลงของรัฐบาล แถมมีแต่เอื้อให้แก่คนบางกลุ่มแสดงหาประโยชน์ ส่งผลกระทบต่อทั้งประเทศ และประชาชน
 
วันนี้ (2 ส.ค.) นายวิรุฬห์ สะแกคุ้ม เลขาธิการสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ สาขาหาดใหญ่ (สรส.สาขาหาดใหญ่) พร้อมกรรมการ สรส.ประมาณ 60 คน ได้เข้ายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ผ่าน นายทรงพล สวาสดิ์ธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ณ ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสงขลา เพื่อขอให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรี และแนวนโยบายของรัฐที่นำไปสู่การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ
 
สำหรับหนังสือดังกล่าวลงวันที่ 2 ส.ค.2560 ความว่า รัฐวิสาหกิจเป็นองค์การของรัฐที่องค์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 ได้ทรงมีสายพระเนตรอันยาวไกล ในการวางรากฐานทางเศรษฐกิจให้แก่ประเทศ โดยใช้งบประมาณ และกลไกของรัฐในการจัดแจง แบ่งปัน กระจายความสุข ความเจริญให้แก่สังคมไทย โดยทรงสถาปนารัฐวิสาหกิจขึ้น และมอบหมายภารกิจให้จัดทำบริการสาธารณะเพื่อประชาชน
 
รัฐวิสาหกิจจึงมีบทบาทอย่างสำคัญยิ่งต่อการพัฒนาของประเทศ เป็นพลังหลักในการใช้นโยบายของรัฐ เพื่อความผาสุกของประชาชน ภารกิจของรัฐวิสาหกิจจึงเป็นการจัดทำบริการสาธารณะ เพื่อประชาชนในลักษณะต่างๆ มีความเกี่ยวข้องต่อชีวิตประจำวัน ผูกพันต่อค่าครองชีพ ความเป็นอยู่ของประชาชน มีความใกล้ชิดกับประชาชนคนไทย
 

 
แต่ในช่วงที่ผ่านมา รัฐวิสาหกิจกลับถูกแทรกแซง การแสวงหาประโยชน์จากนักการเมือง ที่มุ่งเพื่อเอื้อประโยชน์ให้ตนเอง และกลุ่มทุนพวกพ้อง ความโปร่งใสในการบริหารจัดการ จนทำให้รัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งต้องแบกรับภาระทางการเงิน ตลอดจนการกำหนดนโยบายที่มีการแปลงเจตนาของรัฐวิสาหกิจเป็นองค์การทางธุรกิจที่มุ่งเพียงผลกำไร ทำให้ประเทศต้องประสบปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม ความแตกต่างระหว่างสังคมเมืองและชนบท
 
รัฐบาลซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้เหตุผล และแถลงต่อสื่อมวลชนว่า “มีความจำเป็นที่จะต้องปฏิรูปรัฐวิสาหกิจเสียใหม่ เพราะที่ผ่านมา มีการแทรกแซง แสวงหาประโยชน์จากนักการเมือง มีการทุจริต ทำให้ภารกิจของรัฐวิสาหกิจไม่สนองต่อความต้องการของประเทศชาติ ประชาชนได้อย่างเต็มที่”
 
หากมีการดำเนินการให้เป็นไปตามที่ได้แถลงเหตุผลไว้ สรส. และองค์กรสมาชิก ซึ่งได้ติดตามการดำเนินงานมาโดยตลอด ก็ถือเป็นแนวทางที่ดีหากรัฐบาลมุ่งมั่นเพื่อการแก้ไขปัญหาของรัฐวิสาหกิจตามที่นายกรัฐมนตรีได้แถลงไว้ เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพรัฐวิสาหกิจองค์กรที่เป็นเครื่องมือหลักของรัฐให้สามารถจัดบริการสาธารณะเพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนของประชาชน สอดคล้องต่อแนวนโยบายของรัฐบาล
 

 
แต่จากการติดตามผลงานตามนโยบายของรัฐบาลแล้ว พบว่า การดำเนินการของรัฐกลับไม่เป็นไปตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้แถลงไว้ เข้าใจได้ว่าอาจจะมาจากการแปรความหมายการปฏิรูปรัฐวิสาหกิจตามแนวทางและเจตนารมณ์ของรัฐไปปฏิบัติ ซึ่งไม่สอดคล้องต่อเจตนาที่ได้แถลงเอาไว้จนแสดงให้เห็นว่าเป็นการแปรรูปรัฐวิสาหกิจเพื่อเอื้อประโยชน์ จนนำไปสู่การส่งผลกระทบต่อประเทศ และประชาชนมากกว่า เช่น 
 
1.กรณีที่คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ได้มีการประชุมการแก้ไขปัญหา บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) และบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) จนนำไปสู่คณะรัฐมนตรีได้พิจารณาเห็นชอบในหลักการ จัดตั้งบริษัท โครงข่าย บรอดแบนด์แห่งชาติ จำกัด (NBN Co.) และบริษัท โครงข่ายระหว่างประเทศ และศูนย์ข้อมูลอินเทอร์เน็ต จำกัด (NGDC Co.) ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
 
2.กรณีการนำเสนอร่าง พ.ร.บ.การพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. ... หรือที่เรียกว่า “ร่าง พ.ร.บ.บรรษัทวิสาหกิจแห่งชาติ” ที่มุ่งยกระดับและบทบาทหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) จัดให้มี “บรรษัทวิสาหกิจแห่งชาติ” ที่พร้อมรองรับการแปลงทุนเป็นหุ้นของรัฐวิสาหกิจที่เป็นบริษัท จำนวน 12 แห่ง ซึ่งมีกระทรวงการคลัง เป็นเจ้าของ เพื่อหวังเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ์ในสินทรัพย์ของรัฐเป็นของกลุ่มทุนต่างๆ จนนำไปสู่การผูกขาดสำหรับอนาคต และยังมุ่งออกแบบให้สามารถเพิ่มลดหุ้นจนพ้นสถานะความเป็นรัฐวิสาหกิจได้ ทั้งที่แนวทางดังกล่าวมีการดำเนินการจนเกิดผลกระทบต่อประเทศ และประชาชนเป็นกรณีตัวอย่างให้เห็นแล้ว
 
3.กรณีการออก ร่าง พ.ร.บ.การขนส่งทางราง พ.ศ. ... เพื่อจัดตั้งกรมการขนส่งทางราง 4.กรณีข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2560 ที่มุ่งให้คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจพิจารณาแนวทางการปรับเปลี่ยนบทบาทหน้าที่ และการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจต่างๆ ให้มุ่งเน้นดำเนินงานในลักษณะของการเป็นผู้กำกับดูแล และสนับสนุนให้ภาคเอกชนเข้ามามีบทบาท และมีส่วนร่วมให้มากขึ้น
 

 
สิ่งที่กล่าวมาเป็นเครื่องบ่งชี้ให้เห็นว่า เจตนารมณ์ที่จะปฏิรูปรัฐวิสาหกิจได้แปรเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง และกรอบในการดำเนินการก็มิได้ฟังเสียงของประชาชน หรือจากสหภาพแรงงาน ปราศจากการมีส่วนร่วมจากภาคส่วนต่างๆ เป็นการดำเนินการไม่แตกต่างจากรัฐบาลชุดที่ผ่านมา จนเป็นชนวนเหตุให้เกิดวิกฤตของประเทศ และเป็นเหตุให้ประชนชนจำนวนมากออกมาขับไล่เพราะ
 
“การแปรรูปรัฐวิสาหกิจเป็นการทุจริตเชิงนโยบาย” ข้อความตอนหนึ่งที่ระบุไว้ในหนังสือดังกล่าว
 
สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ สาขาหาดใหญ่ (สรส.หใ.) จึงขอให้นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และรัฐบาลทบทวนมติคณะรัฐมนตรี และแนวนโยบายของรัฐบาล ที่นำไปสู่การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ และขอยืนยันในเจตนารมณ์ และจุดยืนที่ได้กระทำ และแสดงออกเสมอมาว่า
 
“สรส. เห็นด้วย และพร้อมสนับสนุนต่อการปฏิรูปรัฐวิสาหกิจ ที่ไม่ให้นักการเมืองเข้ามาแทรกแซงหาประโยชน์ ต้องการให้มีการบริหารงานที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ ปราศจากการทุจริต มีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน ให้ประชาชนใช้บริการที่ดี เป็นกลไกของรัฐเพื่อลดความเหลื่อมล้ำเพื่อนำประเทศสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน”
 
สรส.หวังเป็นอย่างยิ่งว่า เพื่อเจตนารมณ์ร่วมกันที่ดีในการร่วมกันปฏิรูปรัฐวิสาหกิจที่จะไม่นำไปสู่การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ และร่วมกันปกป้องผลประโยชน์ของชาติ และประชาชน และหวังว่าข้อเสนอที่เป็นประโยชน์ของ สรส.จะได้รับการพิจารณาจากท่านต่อไป
 
กำลังโหลดความคิดเห็น