ตรัง - ลามถึงตรังแล้ว! พบมือดีปลอมเฟซบุ๊ก “ผู้ว่าฯ ตรัง” เจ้าตัวส่งฝ่ายกฎหมายเข้าแจ้งความดำเนินคดีหาตัวผู้กระทำผิด พร้อมย้ำชัดไม่เคยใช้เฟซบุ๊กสั่งงาน หรือใช้ติดต่อราชการใดๆ กับใคร
วันนี้ (2 มิ.ย.) ที่ สภ.เมืองตรัง นายชัยพร พัฒนรักษ์ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดตรัง พร้อมด้วย นายทวีศักดิ์ สุทธินนท์ นิติกรชำนาญการ ได้รับมอบอำนาจจาก นายศิริพัฒ พัฒกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เข้าแจ้งความต่อ ร.ต.อ.รัฐกาญจน์ พรมราช ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองตรัง หลังจากมีผู้ใช้เฟซบุ๊กปลอมแอบอ้างผู้ว่าฯ จ.ตรัง เพื่อนำไปใช้ โดยไม่ทราบว่ามีวัตถุประสงค์อะไร พร้อมทั้งได้มีการขอเป็นเพื่อนกับข้าราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหัวหน้าหน่วยงานต่างๆ ใน จ.ตรัง แต่เบื้องต้น ยังไม่มีการตรวจพบว่ามีการสนทนาผ่านข้อความในลักษณะแสวงหาผลประโยชน์ใดๆ
นายชัยพร พัฒนรักษ์ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดตรัง กล่าวว่า ที่ผ่านมา นายศิริพัฒ พัฒกุล ผู้ว่าฯ จ.ตรัง ไม่เคยมีการเปิดใช้เฟซบุ๊ก และไม่มีการสั่งงานผ่านเฟซบุ๊กใดๆ นอกจากจะใช้ไลน์เท่านั้น ซึ่งการกระทำของผู้ใช้เฟซบุ๊กดังกล่าวน่าจะทำให้ผู้ถูกแอบอ้างเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชังได้ ผู้ว่าฯ จ.ตรัง จึงมอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายเข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ เพื่อให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อผู้แอบอ้างดังกล่าวจนถึงที่สุด สำหรับผู้ว่าฯ จ.ตรัง ขณะนี้อยู่ระหว่างเดินทางไปราชการที่กรุงเทพฯ เพื่อร่วมประชุมขับเคลื่อนติดตามนโยบายของรัฐบาล และภารกิจสำคัญของกระทรวงมหาดไทย ประจำปีงบประมาณ 2560
ด้าน พ.ต.อ.เอกณรงค์ สวัสดิกานนท์ ผกก.สภ.เมืองตรัง กล่าวว่า ปัจจุบันนี้เรื่องสังคมออนไลน์และการรับข้อมูลข่าวสารต้องระมัดระวังกันให้มาก ส่วนกรณีเฟซบุ๊กปลอมผู้ว่าฯ จ.ตรัง เท่าที่มีการตรวจสอบยังไม่พบสิ่งที่ผิดกฎหมาย แต่จะมีการประสานเพื่อตรวจสอบต้นตอของการเปิดไอดีเฟซบุ๊กนี้อีกครั้ง และเบื้องต้น ต้องทราบว่าผู้ที่กระทำการปลอมเฟซบุ๊กอยู่ในหรือต่างประเทศ
ขณะที่ นายณัฐพงศ์ ศิริชนะ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ปฏิบัติราชการแทนปลัดกระทรวงมหาดไทย ล่าสุด ได้แจ้งหนังสือด่วนที่สุด สั่ง ณ วันที่ 1 มิถุนายน 2560 มายังผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด เรื่องการใช้สื่อสังคมออนไลน์ (Social Network) โดยเฉพาะเฟซบุ๊ก ซึ่งถูกนำมาใช้เป็นช่องทางติดต่อสื่อสารงานราชการอย่างแพร่หลาย เนื่องจากสามารถเข้าถึงได้ง่าย สะดวก และรวดเร็ว โดยเฉพาะการใช้ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสาร และกิจกรรมต่างๆ ของจังหวัดให้แก่ประชาชนภายในจังหวัด และประชาชนทั่วไปได้รับทราบ
อย่างไรก็ตาม เฟซบุ๊กดังกล่าวอาจเป็นช่องทางให้ผู้ไม่หวังดีนำข้อมูล รูปภาพของผู้ว่าฯ ไปแอบอ้างเพื่อหาผลประโยชน์ส่วนตัว จนทำให้เกิดความเสียหายทั้งตัวบุคคล และทางราชการ รวมทั้งประชาชนทั่วไป ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สิน และชื่อเสียงของผู้ว่าราชการจังหวัด พร้อมทั้งแก้ไขได้ทันท่วงทีในกรณีที่เกิดเหตุ กระทวงมหาดไทย จึงขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังระบบสื่อสังคมออนไลน์ (Social Network) โดยเฉพาะเฟซบุ๊กอย่างใกล้ชิด
