“ผอ.ออมสิน” เผยดัชนีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจฐานรากไตรมาสแรกปี 60 อยู่ที่ 47.2 ลดลงเมื่อเทียบไตรมาส 4 ปี 59 ซึ่งเคยอยู่ที่ระดับ 49.9 ชี้แนวโน้มมุมมองของคนรากหญ้าในอีก 6 เดือนข้างหน้า จะปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ 48.4 จากความคาดหวังรัฐบาลจะมีมาตรการช่วยเหลือด้านการดำรงชีวิต และเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว อีกทั้งราคาผลผลิตเกษตรก็เริ่มมีแนวโน้มจะปรับตัวสูงขึ้น
นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยถึงผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจฐานราก (GSI) ประจำไตรมาส 1 ปี 2560 ซึ่งได้ดำเนินการสำรวจจากกลุ่มตัวอย่างประชาชนที่มีรายได้ไม่เกิน 15,000 บาท ทั่วประเทศจำนวน 1,843 ตัวอย่าง พบว่า ดัชนี GSI ไตรมาส 1 ปี 2560 อยู่ที่ระดับ 47.2 ปรับลดลงจากไตรมาส 4 ปี 2559 ที่อยู่ระดับ 49.9
ทั้งนี้ เนื่องจากประชาชนระดับฐานรากรู้สึกว่าภาวะเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศไทยในปัจจุบันยังฟื้นตัวค่อนข้างล่าช้า ราคาสินค้า และค่าครองชีพสูง ประกอบกับโอกาสในการหางานทำยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ แต่สำหรับ GSI ในอนาคตอีก 6 เดือนข้างหน้านั้น ประชาชนระดับฐานรากมีมุมมองที่ดีขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 48.4 จากความคาดหวังรัฐบาลจะมีมาตรการ/โครงการที่มาสนับสนุนช่วยเหลือการดำรงชีวิต และเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว ราคาผลผลิตทางการเกษตรเริ่มมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาดัชนีความเชื่อมั่นในด้านต่างๆ เทียบกับไตรมาสก่อนแล้วจะพบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นด้านการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้นเพียงด้านเดียว ซึ่งเป็นผลมาจากมาตรการ/โครงการภาครัฐ ที่เข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจให้มีกำลังซื้อเพิ่มขึ้นจากมาตรการเพิ่มรายได้ให้แก่ผู้มีรายได้น้อยในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ตั้งแต่ปลายปี 2559 ต่อเนื่องถึงต้นปี 2560 ขณะที่เปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนพบว่า ประชาชนระดับฐานรากมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นในด้านการจับจ่ายใช้สอย ความสามารถในการชำระหนี้ และการออม ซึ่งศูนย์วิจัยฯ มองว่า เป็นผลมาจากมาตรการ/โครงการภาครัฐ ที่เข้ามาสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง เช่น โครงการสินเชื่อรายย่อยเพื่อใช้จ่ายฉุกเฉินตามแนวทางในการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบอย่างบูรณาการ และยั่งยืน และมาตรการพักชำระหนี้ต่างๆ เป็นต้น” นายชาติชายฯ กล่าว
นอกจากนี้ ศูนย์วิจัยฯ ยังได้สำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับการรับรู้ข้อมูล/ข่าวสาร เพื่อการประกอบอาชีพ และการดำรงชีวิตของประชาชนฐานราก โดยเมื่อสอบถามถึงการนำข้อมูล/ข่าวสารมาใช้ เพื่อการประกอบอาชีพ และการดำรงชีวิตของประชาชนฐานราก พบว่า กลุ่มตัวอย่างกว่าร้อยละ 70 ได้นำข้อมูล/ข่าวสารมาใช้ โดย 3 อันดับแรก คือ เรื่องราคาสินค้าอุปโภค/บริโภค ร้อยละ 17.9) ข่าวสวัสดิการจากภาครัฐ ร้อยละ10.4 และราคาซื้อ/ขาย ในปัจจุบันของสินค้าเกษตร หรือปศุสัตว์ ร้อยละ 10.3
โดยมีเพียงบางส่วนที่ไม่นำข้อมูล/ข่าวสารมาใช้ เพราะมองว่าข้อมูลข่าวสารนำมาประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวันได้น้อย และข้อมูลไม่ตรงกับการประกอบอาชีพ
สำหรับข้อมูล/ข่าวสารที่ประชาชนระดับฐานรากสนใจ เพื่อการประกอบอาชีพ และดำรงชีวิตในอนาคต พบว่า 3 อันดับแรก คือ เรื่องราคาสินค้าอุปโภค/บริโภค ร้อยละ 15.0 ข่าวสารสวัสดิการจากภาครัฐ ร้อยละ 14.9 และความรู้ทางการเงิน ร้อยละ 14.6 โดยมีวัตถุประสงค์ที่นำมาใช้เพื่อผลประโยชน์ต่อตนเอง หรือครอบครัว ร้อยละ 28.6 ใช้ในการแก้ไขปัญหาหนี้สิน ร้อยละ 13.7 และการวางแผนเรื่องการออม หรือการขอสินเชื่อ ร้อยละ 13.6
ส่วนผลการสอบถามถึงช่องทางหลักในปัจจุบันที่ประชาชนระดับฐานรากใช้ในการรับรู้ข้อมูล/ข่าวสาร พบว่า 3 อันดับแรก คือ โทรทัศน์ ร้อยละ 28.7 แอปพลิเคชัน ร้อยละ 14.8 เว็บไซต์ และบุคคลรอบตัว เช่น เพื่อน ผู้ร่วมงาน มีสัดส่วนที่เท่ากันคือร้อยละ 10.6 ส่วนในอนาคตต้องการรับรู้ผ่านสื่อ Online เช่น แอปพลิเคชัน และเว็บไซต์เพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ความต้องการรับรู้ผ่านสื่อแบบดั้งเดิมมีแนวโน้มลดลง เช่น โทรทัศน์ วิทยุ และสื่อสิ่งพิมพ์
อย่างไรก็ตาม เมื่อสำรวจพฤติกรรมการใช้สื่อออนไลน์ พบว่า กลุ่มตัวอย่างกว่าร้อยละ 80 ใช้สื่อออนไลน์ โดยใช้ Facebook มากที่สุด คือ ร้อยละ 44.7 รองลงมา คือ Line ที่ร้อยละ 24.0 และ YouTube ร้อยละ 10.1 ส่วนช่วงเวลาที่ใช้ในการรับรู้ข้อมูล/ข่าวสารมากที่สุด คือ ช่วงเวลา 19.00-21.59 น. ร้อยละ 32.2 รองลงมา คือ 09.00-11.59 น. ร้อยละ 18.1 และ 12.00-15.59 น. ร้อยละ 15.9 ตามลำดับ
นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยถึงผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจฐานราก (GSI) ประจำไตรมาส 1 ปี 2560 ซึ่งได้ดำเนินการสำรวจจากกลุ่มตัวอย่างประชาชนที่มีรายได้ไม่เกิน 15,000 บาท ทั่วประเทศจำนวน 1,843 ตัวอย่าง พบว่า ดัชนี GSI ไตรมาส 1 ปี 2560 อยู่ที่ระดับ 47.2 ปรับลดลงจากไตรมาส 4 ปี 2559 ที่อยู่ระดับ 49.9
ทั้งนี้ เนื่องจากประชาชนระดับฐานรากรู้สึกว่าภาวะเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศไทยในปัจจุบันยังฟื้นตัวค่อนข้างล่าช้า ราคาสินค้า และค่าครองชีพสูง ประกอบกับโอกาสในการหางานทำยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ แต่สำหรับ GSI ในอนาคตอีก 6 เดือนข้างหน้านั้น ประชาชนระดับฐานรากมีมุมมองที่ดีขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 48.4 จากความคาดหวังรัฐบาลจะมีมาตรการ/โครงการที่มาสนับสนุนช่วยเหลือการดำรงชีวิต และเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว ราคาผลผลิตทางการเกษตรเริ่มมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาดัชนีความเชื่อมั่นในด้านต่างๆ เทียบกับไตรมาสก่อนแล้วจะพบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นด้านการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้นเพียงด้านเดียว ซึ่งเป็นผลมาจากมาตรการ/โครงการภาครัฐ ที่เข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจให้มีกำลังซื้อเพิ่มขึ้นจากมาตรการเพิ่มรายได้ให้แก่ผู้มีรายได้น้อยในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ตั้งแต่ปลายปี 2559 ต่อเนื่องถึงต้นปี 2560 ขณะที่เปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนพบว่า ประชาชนระดับฐานรากมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นในด้านการจับจ่ายใช้สอย ความสามารถในการชำระหนี้ และการออม ซึ่งศูนย์วิจัยฯ มองว่า เป็นผลมาจากมาตรการ/โครงการภาครัฐ ที่เข้ามาสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง เช่น โครงการสินเชื่อรายย่อยเพื่อใช้จ่ายฉุกเฉินตามแนวทางในการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบอย่างบูรณาการ และยั่งยืน และมาตรการพักชำระหนี้ต่างๆ เป็นต้น” นายชาติชายฯ กล่าว
นอกจากนี้ ศูนย์วิจัยฯ ยังได้สำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับการรับรู้ข้อมูล/ข่าวสาร เพื่อการประกอบอาชีพ และการดำรงชีวิตของประชาชนฐานราก โดยเมื่อสอบถามถึงการนำข้อมูล/ข่าวสารมาใช้ เพื่อการประกอบอาชีพ และการดำรงชีวิตของประชาชนฐานราก พบว่า กลุ่มตัวอย่างกว่าร้อยละ 70 ได้นำข้อมูล/ข่าวสารมาใช้ โดย 3 อันดับแรก คือ เรื่องราคาสินค้าอุปโภค/บริโภค ร้อยละ 17.9) ข่าวสวัสดิการจากภาครัฐ ร้อยละ10.4 และราคาซื้อ/ขาย ในปัจจุบันของสินค้าเกษตร หรือปศุสัตว์ ร้อยละ 10.3
โดยมีเพียงบางส่วนที่ไม่นำข้อมูล/ข่าวสารมาใช้ เพราะมองว่าข้อมูลข่าวสารนำมาประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวันได้น้อย และข้อมูลไม่ตรงกับการประกอบอาชีพ
สำหรับข้อมูล/ข่าวสารที่ประชาชนระดับฐานรากสนใจ เพื่อการประกอบอาชีพ และดำรงชีวิตในอนาคต พบว่า 3 อันดับแรก คือ เรื่องราคาสินค้าอุปโภค/บริโภค ร้อยละ 15.0 ข่าวสารสวัสดิการจากภาครัฐ ร้อยละ 14.9 และความรู้ทางการเงิน ร้อยละ 14.6 โดยมีวัตถุประสงค์ที่นำมาใช้เพื่อผลประโยชน์ต่อตนเอง หรือครอบครัว ร้อยละ 28.6 ใช้ในการแก้ไขปัญหาหนี้สิน ร้อยละ 13.7 และการวางแผนเรื่องการออม หรือการขอสินเชื่อ ร้อยละ 13.6
ส่วนผลการสอบถามถึงช่องทางหลักในปัจจุบันที่ประชาชนระดับฐานรากใช้ในการรับรู้ข้อมูล/ข่าวสาร พบว่า 3 อันดับแรก คือ โทรทัศน์ ร้อยละ 28.7 แอปพลิเคชัน ร้อยละ 14.8 เว็บไซต์ และบุคคลรอบตัว เช่น เพื่อน ผู้ร่วมงาน มีสัดส่วนที่เท่ากันคือร้อยละ 10.6 ส่วนในอนาคตต้องการรับรู้ผ่านสื่อ Online เช่น แอปพลิเคชัน และเว็บไซต์เพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ความต้องการรับรู้ผ่านสื่อแบบดั้งเดิมมีแนวโน้มลดลง เช่น โทรทัศน์ วิทยุ และสื่อสิ่งพิมพ์
อย่างไรก็ตาม เมื่อสำรวจพฤติกรรมการใช้สื่อออนไลน์ พบว่า กลุ่มตัวอย่างกว่าร้อยละ 80 ใช้สื่อออนไลน์ โดยใช้ Facebook มากที่สุด คือ ร้อยละ 44.7 รองลงมา คือ Line ที่ร้อยละ 24.0 และ YouTube ร้อยละ 10.1 ส่วนช่วงเวลาที่ใช้ในการรับรู้ข้อมูล/ข่าวสารมากที่สุด คือ ช่วงเวลา 19.00-21.59 น. ร้อยละ 32.2 รองลงมา คือ 09.00-11.59 น. ร้อยละ 18.1 และ 12.00-15.59 น. ร้อยละ 15.9 ตามลำดับ