กระบี่ - 11 องค์กรภาคเอกชน จ.กระบี่ ผนึกกำลังแถลงการณ์ต้านโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ ชี้โรงไฟฟ้าถ่านหิน อาจส่งผลกระทบถึงขั้นทำให้การท่องเที่ยวล่มสลาย
เมื่อเวลา 15.00 น.วันนี้ (22 ธ.ค.) ที่ห้องประชุมร้านอาหารปากน้ำซีฟูด ต.ไสไทย อ.เมือง จ.กระบี่ กลุ่มเครือข่ายภาคเอกชน จำนวน 11 องค์กร เช่น หอการค้าจังหวัดกระบี่ สภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จ.กระบี่ สมาคมธุรกิจท่องเที่ยว จ.กระบี่ และอื่นๆ ได้ร่วมแถลงการณ์แสดงจุดยืน ไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ เนื่องจากสวนทางต่อปฏิญญา กระบี่โกกรีน ของจังหวัดกระบี่
นายอมฤทธิ์ ศิริพรจุฑากุล ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า หลังจากที่ทาง กฟผ.มีนโยบายสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินขึ้นที่ จ.กระบี่ มีทั้งกลุ่มบุคคลที่เห็นด้วยและไม่ด้วย แต่ในส่วนของภาคเอกชนองค์กรต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดกระบี่ ไม่เคยเห็นด้วยต่อการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน และทางองค์กรฯ ก็ไม่เคยปฎิเสธที่จะให้มีโรงไฟฟ้าเกิดขึ้นในพื้นที่ แต่โรงไฟฟ้าที่จะเกิดขึ้นในพื้นที่ ะต้องเป็นโรงไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ทำลายการท่องเที่ยว ตามปฏิญาของจังหวัดกระบี่ ที่เคยได้ร่วมลงนามกันไว้
นายอมฤทธิ์ กล่าวด้วยว่า เชื่อว่าเมื่อโรงไฟฟ้าถ่านหินเกิดขึ้นในพื้นที่ จ.กระบี่ ก็จะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวอย่างแน่นอน และถึงขั้นอาจจะทำให้ภาคการท่องเที่ยวที่สร้างรายได้อย่างมหาศาลให้แก่จังหวัดปีละหลายหมื่นล้านบาท ล่มสลายอย่างแน่นอน เพราะคงไม่มีนักท่องเที่ยวคนไหนมาดูเรือขนถ่านหิน สูดดมควันพิษจากโรงไฟฟ้า และที่ผ่านมา เมื่อเกิดผลกระทบขึ้น ทาง กฟผ.ก็ช่วยเหลือเฉพาะรัศมีรอบโรงไฟฟ้า 5 กิโลเมตรเท่านั้น ส่วนประชาชนที่อยู่นอกออกไปไม่เคยพูดถึง
ขณะที่ นายเปล่งยศ สกลกิตติวัฒน์ ประธานหอการค้าจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า ที่ผ่านมาจังหวัดกระบี่ มีรายได้จากภาคการท่องเที่ยวปีละกว่า 8 หมื่นล้านบาท รายได้จากภาคการเกษตร ปีละกว่า 4 หมื่นล้านบาท เชื่อว่าเมื่อโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่เกิดขึ้นก็จะส่งผลกระทบทั้ง 2 ส่วนอย่างแน่นอนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งหลังจากนี้ก็จะนำความเห็นของภาคเอกชนเสนอนายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้พิจารณายกเลิกโรงไฟฟ้าถ่านหิน และหันมาสร้างโรงไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งพลังงานทางเลือกในพื้นที่ จ.กระบี่ มีเพียงพอที่จะผลิตเองใช้เองโดยไม่ต้องพึ่งพาถ่านหิน
เมื่อเวลา 15.00 น.วันนี้ (22 ธ.ค.) ที่ห้องประชุมร้านอาหารปากน้ำซีฟูด ต.ไสไทย อ.เมือง จ.กระบี่ กลุ่มเครือข่ายภาคเอกชน จำนวน 11 องค์กร เช่น หอการค้าจังหวัดกระบี่ สภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จ.กระบี่ สมาคมธุรกิจท่องเที่ยว จ.กระบี่ และอื่นๆ ได้ร่วมแถลงการณ์แสดงจุดยืน ไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ เนื่องจากสวนทางต่อปฏิญญา กระบี่โกกรีน ของจังหวัดกระบี่
นายอมฤทธิ์ ศิริพรจุฑากุล ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า หลังจากที่ทาง กฟผ.มีนโยบายสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินขึ้นที่ จ.กระบี่ มีทั้งกลุ่มบุคคลที่เห็นด้วยและไม่ด้วย แต่ในส่วนของภาคเอกชนองค์กรต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดกระบี่ ไม่เคยเห็นด้วยต่อการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน และทางองค์กรฯ ก็ไม่เคยปฎิเสธที่จะให้มีโรงไฟฟ้าเกิดขึ้นในพื้นที่ แต่โรงไฟฟ้าที่จะเกิดขึ้นในพื้นที่ ะต้องเป็นโรงไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ทำลายการท่องเที่ยว ตามปฏิญาของจังหวัดกระบี่ ที่เคยได้ร่วมลงนามกันไว้
นายอมฤทธิ์ กล่าวด้วยว่า เชื่อว่าเมื่อโรงไฟฟ้าถ่านหินเกิดขึ้นในพื้นที่ จ.กระบี่ ก็จะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวอย่างแน่นอน และถึงขั้นอาจจะทำให้ภาคการท่องเที่ยวที่สร้างรายได้อย่างมหาศาลให้แก่จังหวัดปีละหลายหมื่นล้านบาท ล่มสลายอย่างแน่นอน เพราะคงไม่มีนักท่องเที่ยวคนไหนมาดูเรือขนถ่านหิน สูดดมควันพิษจากโรงไฟฟ้า และที่ผ่านมา เมื่อเกิดผลกระทบขึ้น ทาง กฟผ.ก็ช่วยเหลือเฉพาะรัศมีรอบโรงไฟฟ้า 5 กิโลเมตรเท่านั้น ส่วนประชาชนที่อยู่นอกออกไปไม่เคยพูดถึง
ขณะที่ นายเปล่งยศ สกลกิตติวัฒน์ ประธานหอการค้าจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า ที่ผ่านมาจังหวัดกระบี่ มีรายได้จากภาคการท่องเที่ยวปีละกว่า 8 หมื่นล้านบาท รายได้จากภาคการเกษตร ปีละกว่า 4 หมื่นล้านบาท เชื่อว่าเมื่อโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่เกิดขึ้นก็จะส่งผลกระทบทั้ง 2 ส่วนอย่างแน่นอนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งหลังจากนี้ก็จะนำความเห็นของภาคเอกชนเสนอนายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้พิจารณายกเลิกโรงไฟฟ้าถ่านหิน และหันมาสร้างโรงไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งพลังงานทางเลือกในพื้นที่ จ.กระบี่ มีเพียงพอที่จะผลิตเองใช้เองโดยไม่ต้องพึ่งพาถ่านหิน