กฟผ.เล็งจ้างมหาวิทยาลัยสำรวจความเห็นเดินหน้าโรงไฟฟ้าถ่านหิน จ.กระบี่

“กฟผ.” เผยเตรียมว่าจ้างมหาวิทยาลัยหรือนักวิชาการเป็นผู้สำรวจความเห็นคนในพื้นที่ จ.กระบี่ เพื่อชี้ชะตาการเดินหน้าโรงไฟฟ้าถ่านหิน หลังนายกฯ มอบหมายให้ฟังเสียงคนในพื้นที่เป็นหลัก

นายกรศิษฎ์ ภัคโชตานนท์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า กฟผ.ยังไม่ได้รับคำสั่งอย่างเป็นทางการในการสำรวจความเห็นโรงไฟฟ้าถ่านหิน จ.กระบี่ กับคนในพื้นที่แต่หากได้รับคำสั่งคงจะจ้างมหาวิทยาลัย หรือนักวิชาการ เป็นผู้สำรวจแทน เพื่อไม่ให้ถูกกล่าวหาว่าไม่มีความเป็นกลาง และอีกส่วนไม่มีกำลังคนเพียงพอ

อย่างไรก็ตาม ความต้องการใช้ไฟภาคใต้ขณะนี้สูงถึง 2,700 เมกะวัตต์ แต่กำลังผลิตมีเพียง 3,088 เมกะวัตต์ ต้องรวมโรงไฟฟ้าสุราษฎร์ธานีไว้ด้วยทั้งที่หมดอายุแล้วเพื่อป้องกันความเสี่ยงหากโรงไฟฟ้าหลักเกิดปัญหาที่จะต้องส่งไฟภาคกลางไป 500-700 เมกะวัตต์ การสูญเสียในระบบบสูงเมื่อโรงไฟฟ้าถ่านหินที่กระบี่และสายส่งล่าช้าก็จะยิ่งเสี่ยงมากขึ้น และยืนยันสำรองไฟสูง 40% เพราะไปรวมพลังงานทดแทนที่ส่วนใหญ่ไม่เป็นสัญญาซื้อขายแน่นอน หรือ Non Firm และพลังงงานน้ำที่นับรวมไม่ได้เนื่องจากต้องให้ความสำคัญต่อการอุปโภคและการเกษตรเป็นหลัก

“สำรองหากพิจารณาในรายละเอียดที่ว่าสูงถึง 40% นั้น แท้จริงแล้วไม่ได้เป็นเช่นนั้น หากดูเฉพาะสัญญาที่เป็นการจ่ายไฟเข้าระบบชัดเจนตลอดเวลา หรือ Firm พบว่ามีสำรองแค่ 16% เท่านั้น” ผู้ว่าการ กฟผ.กล่าว

นายธรรมยศ ศรีช่วย รองปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า การประชุมผู้บริหารกระทรวงพลังงานได้มอบหมายให้กฟผ.ไปหาแผนรองรับเพื่อเป็นทางเลือกโดยเฉพาะการหาพื้นที่สร้างโรงไฟฟ้าสำหรับใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง

นางศรีวรรณ เอี่ยมรุ่งโรจน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลยุทธ์องค์กร บมจ.ปตท.กล่าวว่า กระทรวงพลังงานมอบให้ ปตท.ไปดูแผนรองรับก๊าซลดลง ถ่านหินมีปัญหาปัญหาแต่ก็ต้องดูว่า กฟผ.เองจะหาพื้นที่สร้างโรงไฟฟ้าที่ไหน และใช้ก๊าซฯ อย่างไร