กระบี่ - คณะกรรมการไตรภาคี ภาคประชาชน กรณีโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ แจงต่อประชาชน หลังครบกำหนด 8 เดือน ยืนยันพลังงานทางเลือกกระบี่ มีพอ ไม่ต้องพึ่งโรงไฟฟ้าถ่านหิน เชื่อระหว่างความมั่นคงทางพลังงาน และความมั่นคงทางอาหาร นายกฯ เลือกได้
นายอมฤต ศิริพรจุฑากุล หนึ่งในคณะกรรมการไตรภาคีศึกษาการดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ (คณะกรรมการไตรภาคี) ที่มี พล.อ.สกนธ์ สัจจานิตย์ เป็นประธานเปิดเผยว่า ตามที่ตัวแทนชุมชนในพื้นที่จังหวัดกระบี่ ได้ยื่นหนังสือต่อรัฐบาลเพื่อขอให้ กฟผ.ยุติการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน จังหวัดกระบี่ รวมถึงมีการตั้งข้อสังเกตถึงแบบประเมิน EHIA ที่ สผ.ชี้แจงว่ายังมี 100 กว่าประเด็นที่ กฟผ.ต้องปรับปรุงพร้อมกับขอให้จัดตั้งคณะกรรมการไตรภาคีเพื่อศึกษาอย่างเป็นทางการ โดยใช้เวลาประมาณ 8 เดือน
นายอมฤต กล่าวว่า หลังจากที่ทาง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.ได้ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการไตรภาคี ทางคณะกรรมการไตรภาคีทั้ง 3 ชุด ลงพื้นที่จังหวัดกระบี่ เก็บข้อมูล และรับฟังความคิดเห็นอย่างรอบด้านจากผู้สนับสนุนและคัดค้าน ในส่วนของคณะกรรมการไตรภาคีภาคประชาชน ก็ได้มีการนำข้อสรุปผลการศึกษากรณีโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ มาชี้แจงให้กับประชาชนได้รับทราบ เมื่อวันที่ 17 ก.ย.ที่ผ่านมา จัดขึ้นที่โรงแรมกระบี่ ฟร้อนเบย์ อ.เมือง จ.กระบี่ โดยมีประชาชนที่สนใจเข้าร่วมฟังเป็นจำนวนมาก
นายอมฤต กล่าวอีกว่า สำหรับจังหวัดกระบี่ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน เนื่องจากพบว่ามีพลังงานทดแทนที่จังหวัดกระบี่ สามารถผลิตใช้ได้เองประมาณ 287 เมกะวัตต์ ซึ่งเกินปริมาณการใช้ทั้งจังหวัดที่ใช้อยู่ประมาณ 140 เมกะวัตต์ โดยไม่ต้องพึ่งพาโรงไฟฟ้าถ่านหินแต่ในขณะที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตเองพยายามที่จะอ้างว่าต้องใช้พลังงานหลัก ซึ่งก็คือโรงไฟฟ้าถ่านหินขัดต่อสิ่งที่คนกระบี่เรียกร้อง ก็คือ ขอเป็นจังหวัดที่ใช้พลังงานทดแทน 100 เปอร์เซ็นต์
ส่วนเรื่องผลกระทบสิ่งแวดล้อม ที่ทางคณะกรรมการไตรภาคีภาคประชาชนได้ร้องขอให้ทาง กฟผ.ทำการศึกษาเพิ่มเติม ทั้งตัวโรงงาน และเส้นทางเข้าออกของเรือ ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ชุ่มน้ำโลกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยทาง กฟผ.ยังไม่ได้ทำวิจัยเพิ่มเติม ซึ่ง กฟผ.จะต้องยืนยันให้ได้ว่าไม่มีผลกระทบต่อวิถีชีวิตของคนในพื้นที่ใกล้เคียงโรงไฟฟ้า และตลอดแนวทางเรือขนถ่านหินผ่าน เนื่องจากผลกระทบไม่ได้เกี่ยวโยงเฉพาะคนในพื้นที่ แต่ยังส่งผลกระทบไปยังภาคการท่องเที่ยวด้วย ซึ่งต้องทำให้รอบด้านอย่าเพิ่งตัดสินใจสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน
ซึ่งในส่วนของคณะกรรมการชุด EHIA ลาออก เนื่องจาก กฟผ.ไม่ได้สนองตามที่ภาคประชาชนเรียกร้อง แต่อย่างไรก็ตาม ตนยังเชื่อมั่นในตัวของนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ท่านมองในเรื่องความอยู่ดีกินดีของประชาชนเป็นหลัก ซึ่งยังเชื่อมั่นว่าท่านจะฟังข้อมูลจากประชาชนระหว่างความมั่นคงทางพลังงานกับความมั่นคงทางอาหาร เชื่อว่าท่านนายกรัฐมนตรี เลือกได้อย่างแน่นอน
นายอมฤต ศิริพรจุฑากุล หนึ่งในคณะกรรมการไตรภาคีศึกษาการดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ (คณะกรรมการไตรภาคี) ที่มี พล.อ.สกนธ์ สัจจานิตย์ เป็นประธานเปิดเผยว่า ตามที่ตัวแทนชุมชนในพื้นที่จังหวัดกระบี่ ได้ยื่นหนังสือต่อรัฐบาลเพื่อขอให้ กฟผ.ยุติการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน จังหวัดกระบี่ รวมถึงมีการตั้งข้อสังเกตถึงแบบประเมิน EHIA ที่ สผ.ชี้แจงว่ายังมี 100 กว่าประเด็นที่ กฟผ.ต้องปรับปรุงพร้อมกับขอให้จัดตั้งคณะกรรมการไตรภาคีเพื่อศึกษาอย่างเป็นทางการ โดยใช้เวลาประมาณ 8 เดือน
นายอมฤต กล่าวว่า หลังจากที่ทาง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.ได้ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการไตรภาคี ทางคณะกรรมการไตรภาคีทั้ง 3 ชุด ลงพื้นที่จังหวัดกระบี่ เก็บข้อมูล และรับฟังความคิดเห็นอย่างรอบด้านจากผู้สนับสนุนและคัดค้าน ในส่วนของคณะกรรมการไตรภาคีภาคประชาชน ก็ได้มีการนำข้อสรุปผลการศึกษากรณีโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ มาชี้แจงให้กับประชาชนได้รับทราบ เมื่อวันที่ 17 ก.ย.ที่ผ่านมา จัดขึ้นที่โรงแรมกระบี่ ฟร้อนเบย์ อ.เมือง จ.กระบี่ โดยมีประชาชนที่สนใจเข้าร่วมฟังเป็นจำนวนมาก
นายอมฤต กล่าวอีกว่า สำหรับจังหวัดกระบี่ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน เนื่องจากพบว่ามีพลังงานทดแทนที่จังหวัดกระบี่ สามารถผลิตใช้ได้เองประมาณ 287 เมกะวัตต์ ซึ่งเกินปริมาณการใช้ทั้งจังหวัดที่ใช้อยู่ประมาณ 140 เมกะวัตต์ โดยไม่ต้องพึ่งพาโรงไฟฟ้าถ่านหินแต่ในขณะที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตเองพยายามที่จะอ้างว่าต้องใช้พลังงานหลัก ซึ่งก็คือโรงไฟฟ้าถ่านหินขัดต่อสิ่งที่คนกระบี่เรียกร้อง ก็คือ ขอเป็นจังหวัดที่ใช้พลังงานทดแทน 100 เปอร์เซ็นต์
ส่วนเรื่องผลกระทบสิ่งแวดล้อม ที่ทางคณะกรรมการไตรภาคีภาคประชาชนได้ร้องขอให้ทาง กฟผ.ทำการศึกษาเพิ่มเติม ทั้งตัวโรงงาน และเส้นทางเข้าออกของเรือ ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ชุ่มน้ำโลกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยทาง กฟผ.ยังไม่ได้ทำวิจัยเพิ่มเติม ซึ่ง กฟผ.จะต้องยืนยันให้ได้ว่าไม่มีผลกระทบต่อวิถีชีวิตของคนในพื้นที่ใกล้เคียงโรงไฟฟ้า และตลอดแนวทางเรือขนถ่านหินผ่าน เนื่องจากผลกระทบไม่ได้เกี่ยวโยงเฉพาะคนในพื้นที่ แต่ยังส่งผลกระทบไปยังภาคการท่องเที่ยวด้วย ซึ่งต้องทำให้รอบด้านอย่าเพิ่งตัดสินใจสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน
ซึ่งในส่วนของคณะกรรมการชุด EHIA ลาออก เนื่องจาก กฟผ.ไม่ได้สนองตามที่ภาคประชาชนเรียกร้อง แต่อย่างไรก็ตาม ตนยังเชื่อมั่นในตัวของนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ท่านมองในเรื่องความอยู่ดีกินดีของประชาชนเป็นหลัก ซึ่งยังเชื่อมั่นว่าท่านจะฟังข้อมูลจากประชาชนระหว่างความมั่นคงทางพลังงานกับความมั่นคงทางอาหาร เชื่อว่าท่านนายกรัฐมนตรี เลือกได้อย่างแน่นอน
